ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ แพทย์ผู้เชี้ยวชาญด้านไวรัสวิทยา ออกมาเปิดเผยว่าในขณะนี้ ไม่มีการพัฒนาวัคซีนขนิดใหม่ให้ตรงสายพันธุ์หรือมีประสิทธิภาพที่ดีกว่า มีความจำเพาะ เนื่อจจากต้องใช้ทรัพย์ยากรมนุษย์เป็นจำนวนมาก แต่พบว่ามีการพัฒนายาใช้รักษาผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น เหตุจากลงทุนน้อยกว่ามาก
วันนี้ (27 เม.ย.) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาโพสต์ข้อความในประเด็น โควิด 19 วัคซีน ยังไม่มีวัคซีนจำเพาะสายพันธุ์ใหม่ แต่แนวโน้มพัฒนายารักษาเพิ่มขึ้น ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว “Yong poovorawan” โดยมีใจความว่า
“วัคซีน covid 19 ในปัจจุบัน เป็นที่ยอมรับว่าลดความรุนแรงของโรคได้
การพัฒนาวัคซีนต้องใช้เวลานาน ในยามปกติ จะคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุด วัคซีนจะให้กับคนที่แข็งแรง ปกติ ถ้ามีอาการข้างเคียงที่รุนแรง ยอมรับไม่ได้
ในภาวะฉุกเฉิน โรคระบาดที่มีความรุนแรง การพัฒนาวัคซีนอย่างรวดเร็ว เร่งรีบ เพื่อเอาชนะกับการระบาดของโรค ที่มีความรุนแรง และมีการใช้ในยามฉุกเฉิน เมื่อโรคสงบ หรือลดความรุนแรงลง การพัฒนาวัคซีนจะคำนึง ถึงความปลอดภัยมากขึ้น
การศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีน จะต้องใช้อาสาสมัครหลายหมื่นคน ให้และไม่ให้วัคซีน เปรียบเทียบกัน
ตรงข้ามกับการพัฒนายาใช้รักษาผู้ป่วย ผู้ป่วยมีอาการเจ็บป่วย ทนทุกข์ทรมานอยู่แล้ว การศึกษาประสิทธิภาพของยาให้จำเพาะกับผู้ป่วย ใช้จำนวนผู้ป่วยไม่มาก ในการเปรียบเทียบ จะเป็นหลักร้อยหรือหลักพันต้นๆเท่านั้น การศึกษาทางคลินิกจะลงทุนน้อยกว่ามาก
แนวโน้มโรคโควิด 19 ที่จะได้วัคซีนชนิดใหม่ ให้ตรงสายพันธุ์หรือมีประสิทธิภาพที่ดีกว่า มีความจำเพาะจึงไม่เกิดขึ้นในขณะนี้ เพราะการทำระยะที่ 3 ต้องใช้อาสาสมัครแข็งแรงดี จำนวนมาก เป็นการลงทุนที่สูงมากและโรคมีแนวโน้มความรุนแรงลดลง จึงมีแนวโน้มที่จะหันไปพัฒนายากันมากขึ้น
ประเทศไทยพัฒนาวัคซีนไข้หวัดใหญ่ของเราเอง ตั้งแต่มีการระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 มาจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีวัคซีนไข้หวัดใหญ่สัญชาติไทยที่ได้ใช้”