xs
xsm
sm
md
lg

มหัศจรรย์ ร.๓ แหวกกฎมณเฑียรบาลขึ้นราชบัลลังก์! กู้ชาติด้วยเงิน สร้างมรดกความทรงจำให้โลก!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โรม บุนนาค



เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๑ คณะรัฐมนตรีชุดนายชวน หลีกภัย ได้ลงมติให้วันที่ ๓๑ มีนาคมของทุกปี เป็น “วันที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า” ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภาพในปี ๒๓๓๐ พร้อมกับเห็นชอบให้ถวายพระราชสมัญญา “พระมหาเจษฎาบดินทร์” หมายถึง “พระเจ้าแผ่นดินผู้เป็นใหญ่”

ในจำนวนพระมหากษัตริย์ ๑๐ พระองค์ของราชวงศ์จักรี มีเพียงพระองค์เดียวที่ไม่ได้ขึ้นครองราชย์ตามกฎมณเฑียรบาล ก็คือ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่เป็นไปตามสถานการณ์ และตามนัยแห่งพระราชประสงค์ของพระราชบิดา
 
ทั้งนี้เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยประชวรหนักนั้น เจ้าฟ้ามงกุฎพระราชโอรสองค์โตในสมเด็จพระเทพศิรินทรา บรมราชินี ซึ่งมีสิทธิ์ในราชบัลลังก์ตามกฎมณเฑียรบาล มีพระชันษาเพียง ๒๐ ปี แต่พระองค์เจ้าชายทับ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ พระราชโอรสองค์โตที่ประสูติจากพระสนม คือ เจ้าจอมมารดาเรียม มีพระชนม์ ๓๗ พรรษาแล้ว และเป็นกำลังในการว่าราชการของพระราชบิดามาตลอด ทำการค้าสำเภากับต่างประเทศจนมีกำไรเข้าประเทศเป็นจำนวนมหาศาล อีกทั้งยังเป็นที่นิยมยกย่องของขุนนางข้าราชการทั้งหลาย จึงมีความเหมาะสมที่จะว่าราชการแทนพระราชบิดาต่อไป

ด้วยเหตุนี้ ขณะที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯประชวรหนัก จึงโปรดเกล้าฯให้เจ้าฟ้ามงกุฎฯทรงผนวชโดยกะทันหัน ไม่ต้องมีพิธีครบตามราชประเพณี ฉะนั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯสวรรคต พระบรมวงศานุวง์และขุนนางข้าราชการจึงพร้อมใจกันอัญเชิญกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ขึ้นครองราชย์

ขณะที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นครองราชย์นั้น เศรษฐกิจของประเทศอยู่ในขั้นอัตคัด เพราะ ๒ รัชกาลที่ผ่านมาต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลในการสร้างเมืองหลวงใหม่ ฟื้นความรุ่งเรืองของกรุงศรีอยุธยาให้กลับคืนมาพร้อมขวัญกำลังใจของประชาชน แต่ในช่วงระยะเวลา ๒๗ ปีของรัชกาลที่ ๓ นอกจากจะดำเนินตาม ๒ รัชกาลแรกในการสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ให้รุ่งเรืองด้วยศิลปวัฒนธรรม และมีสิ่งใหม่ๆเกิดขึ้นในรัชกาลนี้หลายสิ่งหลายอย่างแล้ว ยังมีเงินเหลือเก็บอันเป็นที่มาของคำว่า “พระคลังข้างที่” คือ “เงินถุงแดง” ที่ทรงใส่ถุงไว้ที่ข้างพระแท่นบรรทม รับสั่งอย่างมองเห็นอนาคตได้ว่า “เอาไว้ไถ่ประเทศ” และได้ใช้ถ่ายจริงๆใน ร.ศ.๑๑๒ เมื่อฝรั่งเศสใช้เรือปืนบุกรุกเข้ามาในแม่น้ำเจ้าพระยา แต่กลับเรียกค่าเสียหายจากไทยถึง ๓ ล้านฟรังก์ ซึ่งเป็นจำนวนมหาศาลในยามนั้น หากไม่มีจ่ายเราก็คงต้องสูญเสียอะไรยิ่งกว่านี้อีกเป็นแน่ แต่ “เงินถุงแดง” ก็ช่วยไถ่ประเทศได้ตามรับสั่ง พระองค์จึงทรงกู้ชาติไว้ได้ด้วยเงิน แม้จะเสด็จสวรรคตไปแล้ว

ในรัชกาลที่ ๓ แม้พระราชมารดา สมเด็จพระศรีสุลาลัยจะมีเชื้อสายอิสลามของสุลต่านสุไลมาน ก็มีคำกล่าวกันว่า “คนโปรดในรัชกาลนี้ก็คือคนที่สร้างวัด” จึงมีวัดเกิดขึ้นในรัชกาลมากจากพระบรมวงศานุวงศ์ ขุนนางข้าราชการและพระองค์เอง
 
วัดแรกที่ทรงบูรณะใหม่ตั้งแต่ก่อนขึ้นครองราชย์ ก็คือ วัดราชโอรส เนื่องจากทรงนำทัพไปรับพม่าที่จะเข้ามาทางกาญจนบุรี เมื่อกระบวนเรือเสด็จมาถึงวัดจอมทอง ฝั่งธนบุรี ทรงทำพิธีเบิกโขลนทวารตามตำราพิชัยสงคราม และอธิษฐานขอให้ได้รับชัยชนะในครั้งนี้ แต่ปรากฏว่าพม่าไม่ได้เข้ามา จึงได้ทรงบูรณะวัดจอมทองขึ้นใหม่ทั้งหมด ด้วยศิลปะแนวใหม่คือเป็นวัดที่ไม่มีช่อฟ้า แล้วถวายเป็นพระอารามหลวงในรัชกาลที่ ๒ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯได้พระราชทานนามใหม่ว่า วัดราชโอรส
ส่วนวัดเฉลิมพระเกียรติที่จังหวัดนนทบุรี ทรงสร้างบนนิวาสสถานเดิมของพระยานนทบุรีศรีมหาอุทยาน (บุญจัน) กับคุณหญิงเพ็ง พระอัยกาและพระอัยกี ซึ่งเป็นที่พบรักของพระราชบิดากับพระราชชนนี เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีสุลาลัย พระราชชนนี
วัดเทพธิดา ทรงสร้างพระราชทานพระราชธิดาองค์ใหญ่ พระองค์เจ้าวิลาส กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ
 
วัดราชนัดดาติดกับลานเจษฎาบดินทร์ ทรงสร้างพระราชทานเป็นเกียรติแก่พระราชนัดดา พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าหญิงโสมนัสวัฒนาวดี พระมเหสีองค์แรกในรัชกาลที่ ๔

ทั้งทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัดพระเชตุพนฯ วัดสุทัศน์ฯ และวัดต่างๆทั้งในเมืองหลวงและหัวเมืองรวม ๓๕ วัด

นอกจากนี้ยังทรงสร้างพระปรางค์วัดอรุณราชวรารามและพระสมุทรที่พระบิดาทรงเริ่มไว้จนสำเร็จ ทรงริเริ่มสร้างพระเจดีย์ที่วัดสระเกศ จนมาเป็นภูเขาทองมีเจดีย์อยู่บนยอดในรัชกาลที่ ๔ สร้างโลหะปราสาทที่วัดราชนัดดา แต่ไม่แล้วเสร็จ เพิ่งมาสำเร็จในรัชกาลที่ ๙

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นรัฐบุรุษที่ห่วงใยอนุชนรุ่นหลังอยู่มาก นอกจากทรงสร้างสำเภาโบราณไว้ที่วัดยานนาวา ซึ่งเป็นวัดหนึ่งซึ่งทรงบูรณะ เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้นึกภาพสำเภาโบราณที่ทรงใช้ทำกำไรให้ประเทศมาเป็นจำนวนมากแล้ว ส่วนความรู้ดั้งเดิมของชาติอันเป็นมรดกทางภูมิปัญญา ก็ทรงห่วงใยว่าจะเลือนหายไป จึงโปรดเกล้าฯให้จารึกสรรพวิชาไว้ด้วยศิลาถึง ๑,๔๔๐ ชิ้น มีทั้งหมวดพระพุทธศาสนา วรรณคดี ประเพณี และการแพทย์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นมหาวิทยาลัยเปิดแห่งแรกของไทย และองค์การยูเนสโกเห็นว่าเป็นภูมิปัญญาระดับสากล โดยเฉพาะฤาษีดัดตนจะเป็นประโยชน์ต่อวงการแพทย์มาก จึงมีมติรับรองให้ขึ้นทะเบียนเป็นเอกสารมรดกความทรงจำของโลก
 
ด้านความสัมพันธ์กับต่างประเทศ ในรัชกาลที่ ๓ นอกจากประเทศในเอเชียที่มีการค้าขายติดต่อกัน โดยเฉพาะจีนแล้ว มีการเปิดสัมพันธ์ไมตรีกับประเทศตะวันตกหลายประเทศ อเมริกันส่งทูตและมิชชันนารีเข้ามาเป็นครั้งแรกในรัชกาลนี้ อังกฤษขอให้ไทยช่วยรบพม่า แต่กระนั้นเมื่อทรงเห็นพฤติกรรมต่างๆของฝรั่งที่เข้ามา ทำให้ทรงไม่ไว้ใจชาวตะวันตกนัก การเจรจาต่างๆจึงไม่ค่อยราบรื่นในรัชกาลนี้ ด้วยทรงพยายามรักษาเกียรติยศและผลประโยชน์ของชาติ
 
ทรงตระหนักถึงภัยจากการรุกรานของมหาอำนาจตะวันตกที่เกิดกับประเทศรอบด้าน จึงพระราชทานพระราชดำรัสก่อนหน้าเสด็จสวรรคตในวันที่ ๒ เมษายน ๒๓๙๔ ไว้ว่า

“การศึกสงครามข้างญวนข้างพม่าเห็นจะไม่มีแล้ว จะมีก็อยู่แต่ข้างพวกฝรั่ง ให้ระวังให้ดีอย่าให้เสียท่าแก่เขาได้ การงานสิ่งใดของเขาที่ควรจะเรียนเอาไว้ก็เอาอย่างเขา แต่อย่านับถือเลื่อมใสกันทีเดียว”

ส่วนการสืบทอดราชบัลลังก์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักว่า พระองค์ไม่ได้ขึ้นครองราชย์ตามกฎมณเฑียรบาล ด้วยเหตุนี้พระราชโอรสของพระองค์จึงไม่มีพระองค์ใดได้รับโปรดเกล้าฯขึ้นเป็นเจ้าฟ้าเลย อีกทั้งยังไม่มีการสถาปนาพระบรมราชินี และไม่ได้ทรงแต่งตั้งรัชทายาทสืบราชบัลลังก์ ฉะนั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต ลำดับการสืบทอดราชบัลลังก์จึงตกแก่เจ้าฟ้ามงกุฎ “ทูลกระหม่อมพระ” โดยไม่มีใครเทียบ

ตลอดเวลา ๒๗ ปีในรัชกาลที่ ๓ เจ้าฟ้ามงกุฎซึ่งครองเพศบรรพชิตมาตลอดนั้น นอกจะทรงธุดงค์ไปทั่วประเทศ ทรงเข้าถึงและรู้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างแท้จริงแล้ว ยังทรงติดตามข่าวสารของโลกอยู่ตลอด เป็นกษัตริย์ไทยพระองค์แรกที่อ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ จึงทรงล่วงรู้ถึงภัยของลัทธิล่าอาณานิคมที่รุกรานเข้ามา และทรงเห็นว่าไม่อาจขัดขวางความต้องการของมหาอำนาจตะวันตกได้ จึงทรงดำเนินนโยบายผ่อนสั้นผ่อนยาว ยอมทำสัญญาแบบ “เสียเปรียบดีกว่าเสียเมือง” จนนำชาติรอดพ้นจากการตกเป็นอาณานิคมมาได้

นี่คือพระมหากษัตริย์ไทยที่ทรงมุ่งมั่นทำเพื่อประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง จนเป็นที่อิจฉาของคนที่ไม่มีพระมหากษัตริย์ในวันนี้




กำลังโหลดความคิดเห็น