xs
xsm
sm
md
lg

“รักษ์พงษ์” ขุนพลเศรษฐกิจ “ขยายผล” เศรษฐกิจหมุนเวียนด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล ฟื้นเศรษฐกิจชายแดนใต้ 4 แสนล้าน เร่งเพิ่มรายได้ 3.5 ล้านคน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันนี้ (20 มี.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 18 มี.ค. 65 ณ ห้องประชุมคิงส์ตัน ชั้น 5 โรงแรมคริสตัลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ได้มีการประชุมพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนใต้ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน และพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนใต้ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน” ทั้งนี้ เพื่อเป็นการนำเอาสินทรัพย์พร้อมใช้งานที่มีอยู่ในจังหวัดชายแดนใต้ และสร้างเศรษฐกิจได้มูลค่าเกือบ 400,000 ล้านบาทต่อปี มาเร่งให้เกิดการเพิ่มและกระจายรายได้ให้ทั่วถึงผู้คนในท้องถิ่นกว่า 3.5 ล้านคน ด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล

นับเป็นความเคลื่อนไหวแบบ “ฉายเดี่ยว” โดย “ไร้เงาสี่กุมาร” อย่างต่อเนื่อง ของ “พี่เปิ้น” รักษ์พงษ์ เซ่งเจริญ ประธานมูลนิธิรวมพัฒน์ และ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ศิษย์ข้างกายกว่า 30 ปี ของ อดีตรองนายกฯ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ทำให้ไม่ต้องสงสัยในฝีมือและโอกาสในการผลักดัน “สินทรัพย์ดิจิทัล” ให้ประสบผลสำเร็จในเมืองไทย ท่ามกลางความไม่ชัดเจนของ “หน่วยงานกำกับ” และความต้องการ “สภาพคล่อง” ทางเศรษฐกิจของ “ประชาชน” ในปัจจุบัน ที่ดูเหมือนจะกระจุกตัวอยู่เพียง “ชนชั้นใกล้อำนาจ” แตกต่างจากความเคลื่อนไหวที่ผ่านมาของ “พี่เปิ้น” ตั้งแต่การ “ปลุกใจ” ชาวสหกรณ์ “12 ล้านเสียง” เทียบ “เพื่อไทย” กลางงานวันสหกรณ์แห่งชาติ ต่อด้วยการเตรียมทุนกว่า “4,000 ล้านบาท” เชื่อมบล็อกเชน จาก “ชุมชนเมือง” สู่ “หมู่บ้าน” แล้วนำร่อง “ชุมชนคลองพลับพลาโมเดล” เป็นต้นแบบให้ “2 ล้านเสียง” จากชุมชนทั่วกรุงเทพฯ ให้ “ลุกขึ้นสู้” แล้ว “เลิกฝากความหวัง” ทวงคืนอำนาจจาก “คนสัญญาแล้วไม่ทำ” จนมาถึงการ “ขยายผล” การสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อเร่งฟื้นเศรษฐกิจชายแดนใต้ 4 แสนล้าน และเร่งเพิ่มรายได้ให้ประชาชนกว่า 3.5 ล้านคน ร่วมกับ ศอ.บต. หน่วยงานหลักของเขตจังหวัดชายแดนใต้ ในครั้งนี้

ประเด็นการขับเคลื่อนของ “ขุนพลเศรษฐกิจ” อย่าง “พี่เปิ้น” ผู้เชี่ยวชาญด้านการ “ระดมทุน” กับ “ชุมชนเมืองและหมู่บ้าน” พร้อมใช้ “สินทรัพย์ดิจิทัล” ร่วมกับ “เศรษฐกิจหมุนเวียน” เป็นเครื่องมือในการเข้าถึงและเร่งเพิ่มรายได้ “ประชาชน” ท่ามกลางสถานการณ์ “การเมือง” ที่ไม่แน่นอนและแก่งแย่งกันอย่างดุเดือด จนลืม “หัวใจ” ของประชาชน ท่ามกลางปัญหารุมเร้า จนผู้คนต่าง “คาดหวัง” ให้เกิดความ “เปลี่ยนแปลง” ในระยะเวลาอันใกล้นี้ จึงเป็นความเคลื่อนไหวที่ “ไม่ธรรมดา” และน่าสนใจจับตามองอย่างยิ่ง ถึงการนำไปสู่การพลิกผันทางการเมืองที่ “หลายคน” คาดหวัง






กำลังโหลดความคิดเห็น