เฟซบุ๊ก “หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC” โพสต์ให้ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกแนะนำให้ใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ ไม่ควรเกิน 5 วัน และเลี่ยงใช้ในคนท้อง-เด็ก พร้อมวอนให้ อภ.ควรหยุดผลิตและนำเข้ายาฟาวิพิราเวียร์ เพราะไม่มีข้อมูลยืนยันว่ายาฟาวิพิราเวียร์ลดการป่วยได้จริง
วันนี้ (15 มี.ค.) เฟซบุ๊ก “หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC” หรือ นายแพทย์ มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องไอซียูเฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ ประจำโรงพยาบาลวิชัยยุทธ ไโพสต์ข้อความให้ข้อมูลใช้ยาโมลนูพิราเวียร์สำหรับผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 โดยระบุว่า "องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ของบริษัทเมอร์คในคนไข้ที่เพิ่งจะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่เกิน 5 วัน ยังมีอาการน้อย แต่มีความเสี่ยงสูงที่โรคจะดำเนินต่อไปเข้าขั้นรุนแรง ทำให้มีโอกาสเสียชีวิตได้ ยานี้เป็นยาต้านไวรัสตัวใหม่ชนิดกิน ขนาด 200 มิลลิกรัม กิน 4 เม็ดทุก 12 ชั่วโมงนาน 5 วัน สามารถให้กินเป็นคนไข้นอก ช่วยลดความรุนแรงของโรค และลดการเสียชีวิตประมาณร้อยละ 30
ยาโมลนูพิราเวียร์เข้าประเทศไทยแล้ว กำลังกระจายไปตามโรงพยาบาลต่าง ๆ สัปดาห์หน้า ยานี้มีจำนวนจำกัด ต้องใช้ตามข้อบ่งชี้เท่านั้น ให้กับคนที่มีความเสี่ยงสูง คือคนที่ไม่เคยได้รับวัคซีน คนสูงอายุ คนที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่นเบาหวาน และคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ไม่ใช่ให้กับคนทั่วไป
ห้ามให้ยาโมลนูพิราเวียร์กับหญิงตั้งครรภ์/อาจจะตั้งครรภ์ และหญิงที่กำลังให้นมบุตร เพราะอาจทำให้ทารกผิดปกติ และไม่ควรใช้กับเด็ก
ยานี้อาจมีผลข้างเคียง เช่นตามทฤษฎีเป็นไปได้อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็ง ซึ่งยังไม่มีใครทราบ อาจก่อให้เกิดเชื้อไวรัสโควิด-19 ดื้อยา อาจกระตุ้นให้เกิดเชื้อกลายพันธุ์ ต้องติดตามระยะยาวต่อไป
อย่าแปลกใจทำไมองค์การอนามัยโลกไม่เคยแนะนำให้ประเทศต่างๆ ใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ เพราะไม่มีข้อมูลจากการศึกษายืนยันว่ายาฟาวิพิราเวียร์สามารถลดการป่วยหนักและเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติได้ เมื่อไรที่เรามียาโมลนูพิราเวียร์ และยาต้านไวรัสตัวใหม่แพกซ์โลวิดของบริษัทไฟเซอร์ที่กำลังจะเข้าประเทศไทยเดือนหน้าจำนวนมากเพียงพอ ถึงเวลาแล้วที่องค์การเภสัชกรรมควรจะหยุดผลิตและนำเข้ายาฟาวิพิราเวียร์อีกต่อไป"