หมอโอ๋ เจ้าของเพจ เลี้ยงลูกนอกบ้าน เคลื่อนไหวอีกครั้ง หลังโดนชาวเน็ตวิจารณ์กรณีเล่าเหตุการณ์ไฟไหม้โรงแรมหรู จ.ตราด ระบุคนเสียหายที่สุดคือ “โรงแรม” ด้านหมอสวนกลับ ชี้ความสูญเสียหลายอย่างตีค่าเป็นราคาไม่ได้ ยันไม่อยากมีปัญหากับเจ้าของโรงแรม หวั่นเจอตอ แต่ขอสะกิดเบาๆ ความรับผิดชอบอย่างจริงใจเป็นคุณสมบัติที่สำคัญของการเป็นผู้บริหารมืออาชีพ
จากกรณีเพจ "เลี้ยงลูกนอกบ้าน" ของหมอโอ๋ ได้ออกมาโพสต์เล่าเรื่องราวสุดหวาดเสียวจากวันแสนสุขกลายเป็นโศกนาฏกรรม หลังเกิดเหตุสุดระทึกเมื่อในรีสอร์ตสุดหรู จ.ตราด เกิดเหตุไม่คาดฝัน ไฟลุกไหม้และลามอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่มีสัญญาณเตือนภัย หรือสปริงเกอร์เพื่อป้องกันไฟไหม้
ต่อมา "โซเนวา คีรี" รีสอร์ตสุดหรู จ.ตราด เกิดเหตุเพลิงไหม้วิลลา ล่าสุดออกมาชี้แจงโซเนวารู้สึกเสียใจและห่วงใยแขกทุกท่าน พร้อมเผยว่ายังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดและอยู่ในระหว่างการตรวจสอบสาเหตุเกิดเพลิงไหม้ ยันทางรีสอร์ตมีมาตรการและปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด
ล่าสุด วันนี้ (8 มี.ค.) หมอโอ๋ เจ้าของเพจ "เลี้ยงลูกนอกบ้าน" ได้ออกมาโพสต์ข้อความเกี่ยวกับเหตุการณ์เพลิงไหม้รีสอร์ตสุดหรูอีกครั้ง หลังพบว่ามีชาวเน็ตบางราย วิพากษ์วิจารณ์โพสต์เล่าเหตุการณ์ไฟไหม้ของทางเพจ ซึ่ง "หมอโอ๋" ได้ระบุข้อความว่า
"ความสูญเสียหลายอย่างตีค่าเป็นราคาไม่ได้
พอดีมีคนส่งมาให้ หมอไม่ทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่หรือผู้บริหารโรงแรมจริงหรือเปล่านะคะ แต่อยากเรียนให้ทราบว่าส่วนตัวหมอไม่ได้มีปัญหากับพนักงานที่โรงแรมนี้เลย เพราะพนักงานทุกคนน่ารักมาก แม้เพิ่งจะมาพักได้วันเดียวก็รู้สึกว่าทุกคนมี service mind ที่ดีจริงๆ ยิ่งกับผู้บริหารก็ยิ่งไม่อยากมีปัญหา เพราะเราไม่รู้ว่าเขาทำโรงแรมระดับนี้ นี่เขาจะใหญ่โตกันขนาดไหน
เราทราบว่าไม่มีใครอยากให้เกิดอุบัติเหตุ เราก็เข้าใจว่าอุบัติเหตุมันเกิดได้ แต่โรงแรมระดับนี้ มันควรมีระบบป้องกันชีวิตที่ปลอดภัย หรือมีระบบช่วยให้เรารอดได้มากกว่านี้ หมอเขียนเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริงว่า ตลอดเวลาของการเกิดไฟไหม้ ไม่มีใครได้ยินเสียงสัญญาณเตือนใดๆ ไม่มี springer ไม่มี smoke detector ทำงาน มีแต่เสียงเรียกโวยวายของพวกเรากันเองเท่านั้น
พนักงานมาถึงตอนที่พวกเราหนีตายกัน “ออกมาเอง” หมดแล้ว โดยการที่เราได้โทร.ตามบัตเลอร์ประจำห้องทางมือถือ ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่รู้เรื่องอะไร
แต่ต้องขอบคุณพนักงานของโรงแรมมากๆ ที่ได้ช่วยเหลือ ทำแผล และเคลื่อนย้ายหมอไปโรงพยาบาลแบบปลอดภัยเป็นอย่างดี หมอได้อ่านแถลงการณ์ของโรงแรมแล้ว ที่บอกว่าโรงแรมมีระบบ smoke detector “ที่ห้องนอน” ทุกห้อง เป็นไปได้ว่าห้องที่เกิดไฟไหม้ “ไม่ใช่ห้องนอน” แต่เป็นห้องส่วนกลางของวิลลา เพราะเราทุกคนที่อยู่ในห้องนอนยังไม่เจอไฟ เลยหนีตายออกมาได้ทัน วันที่หมอต้องมาโรงพยาบาลในจังหวัดตราด ครอบครัวที่เหลือตัดสินใจที่จะอยู่ต่อเพื่อรอดูอาการหมอว่าหนักมั้ย และอยากเดินทางกลับพร้อมกัน ครอบครัวได้ไปนอนที่ห้องพักขนาด 5 ห้องนอน ซึ่งคล้ายกับ 6 ห้องนอนที่เราเคยพัก
น้องชายหมอก็ถามผู้บริหารว่าหลังนี้ พื้นที่ส่วนกลางที่ไม่ใช่ห้องนอน มีเครื่องตรวจจับควันหรือไม่ ผู้บริหารยอมรับเองว่า “ไม่มี” และยังพูดว่าจะติดตั้งเพิ่มเติมให้
โรงแรมสามารถออกมาบอกได้นะคะว่าเราได้พบปัญหาที่จุดนี้ และเราจะพยายามแก้ไขให้ดีขึ้น ดีกว่าการออกมาบอกในแถลงการณ์ ที่ทำให้คนเข้าใจว่าเรากล่าวหาโรงแรม จากประโยคที่เขียนว่าคนเสียหายที่สุดคือ “โรงแรม” หมออยากให้เข้าใจว่า ความสูญเสียบางอย่างตีเป็นมูลค่าไม่ได้ คุณแม่หมอ สูญเสียโทรศัพท์ 2 เครื่อง ที่เป็นของคุณพ่อและคุณแม่ ภาพความทรงจำถึงคนที่จากไปทั้งหมดอยู่ในนั้น แบบที่มันเรียกคืนมาไม่ได้ ยังไม่รวมถึงแหวน นาฬิกา แทนใจที่คุณพ่อให้คุณแม่ไว้ตอนมีชีวิตอยู่
หมอและสามี ที่เป็นอาจารย์โรงเรียนแพทย์ เสียข้อมูลที่เราต้องใช้สอน ทำวิจัย ไปกับคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง ซึ่งเรื่องนี้สำหรับเรา มันเป็นเรื่องใหญ่มากๆ ที่นึกถึงทีไรก็อยากร้องไห้ทุกที สามีที่เป็นหมอผ่าตัด อาจใช้งานมือข้างขวาที่บาดเจ็บไม่ได้ไปอีกพักใหญ่ ลูกสาวหมอ สูญเสียของเล่น ตุ๊กตา สมุดบันทึกที่เขารักมาก ตอนนี้หมอกระดูกสันหลังยุบ ต้องใส่เสื้อเกราะ ขับรถไม่ได้ไปอีกหลายเดือน ยังไม่รู้ว่าจะมีปัญหาการปวดหลังเรื้อรังระยะยาวมั้ย ที่สำคัญ ไม่อยากนึกเลยว่าที่หมอและสามีต้องตกลงมา เพราะรั้วระเบียงที่เป็นไม้ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดี แล้วถ้ากระดูกหลังหักจนพิการ มันจะเจ็บปวดขนาดไหน หรือถ้าเราตกมาสลบทั้งคู่ ลูกที่ติดอยู่บนนั้น จะทำอย่างไร? สิ่งเหล่านี้ มันตีค่าเป็นมูลค่าไม่ได้จริงๆ
ที่สำคัญคือ เราเสียเงินมารีสอร์ตเพราะต้องการมามีความสุข ไม่ใช่มาหนีตายกันแบบแทบเอาชีวิตไม่รอด จนหลายคนตอนนี้ยังนอนไม่ได้ เพราะมีภาพไฟหลอนอยู่ตลอด สำหรับเรื่อง “คดีพลิก” ว่าอาจไม่ใช่ความผิดของโรงแรม ตอนเหตุการณ์ไฟไหม้ เป็นเวลาประมาณ 6 โมงกว่าๆ เราทุกคนยัง “ไม่มีใครตื่น” บ้านเราไม่มีใครสูบบุหรี่ ไม่ได้มีปาร์ตี้ ไม่ได้มีปิ้งย่างใดๆ (มีคนส่งมาให้ดูว่ามีคน(แอบอ้าง?) เป็นพนักงานโรงแรมเขียนคอมเมนต์ว่าสืบแล้วบอกว่า อาจเกิดจากบุหรี่?? เอิ่ม อย่าใช้วิธีแบบนี้เลยนะคะ)
โชคดีตอนกำลังจะหนีไฟลงมาจากชั้น 2 หมอหันไปถ่ายรูปกองเพลิงขนาดใหญ่ไว้ เผื่อโรงแรมจะใช้เป็นหลักฐานว่าไฟเริ่มจากตรงไหน ซึ่งส่วนที่เพลิงไหม้นั้น คือพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นห้องนั่งเล่น ลามไปปิดบันไดลงด้านล่างไว้ ทำให้หมอต้องหนีตายมาทางหลังคาด้านข้าง
ไม่คิดว่าภาพนี้สุดท้ายจะต้องมาใช้เป็นหลักฐานปกป้องตัวเอง คดีนี้ ถ้าจะพลิก ก็คงจากเงินและอิทธิพลจริงๆ หมอขอบคุณที่ทางโรงแรมช่วยเหลือเรื่องค่ารักษาพยาบาลของหมอแบบไม่มีข้อต่อรองใดๆ นะคะ เราก็ได้แต่หวังว่า โรงแรมจะช่วยรับผิดชอบกับทรัพย์สินที่เราสูญเสียไปแบบตรงไปตรงมา เอาจริงๆ กรณีแบบนี้ ถ้าเป็นฝรั่งคงฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกันแบบบานตะไทแน่ๆ เราก็ไม่ได้อยากไปให้ถึงจุดนั้น เพราะไม่ว่าเท่าไหร่ มันก็ไม่คุ้มกับชีวิตที่ต้องเป็นอันตรายของพวกเราจริงๆ (แต่การตอบสนองแบบนี้ นี่เริ่มคิดนิดๆ ละ เผื่อจะได้เลิกทำงานงกๆ กับเขาบ้าง)
อ้อๆๆๆ อีกอย่าง ตอนนี้คนพูดกันใหญ่ว่าหมอโอ๋รวยมาก นอนพักวิลลาคืนละ 500,000
พอดีคุณแม่หมอรู้จักกับเพื่อนของผู้บริหาร เราเลยได้ส่วนลดมากพอสมควร และราคาตอนนี้จริงๆ ก็ไม่ถึงแล้ว และเราไม่ได้รับสปอนเซอร์ ไม่ได้รับรีวิวใดๆ เราจ่ายเงินทั้งหมดเต็มจำนวน
ส่วนใหญ่น้องชายของหมอ ที่เป็นนักธุรกิจ ชื่อคุณอ้ำ สามีน้องแยม ธมลพรรณ์ อดีตดาราช่อง 7 ก็เป็นคนช่วยจ่ายหลักค่ะ
ส่วนหมอก็มาอาศัยใบบุญน้องชายไปเที่ยว เราทั้งคู่ยังต้องทำงานหาเงินงกๆ ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ กันอยู่ค่ะ ใครอยากจ้างไปสอน ทำ workshop อะไร รับหมดเลยนะคะ
อ้อๆ ลืมไป ตอนนี้ยังใส่แพมเพิร์ส นอนฉี่อยู่บนเตียงอยู่ ขอบคุณสำหรับทุกคนที่เป็นกำลังใจให้บ้านเรานะคะ
#หมอโอ๋เพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน ผู้เชื่อว่าความรับผิดชอบอย่างจริงใจเป็นคุณสมบัติที่สำคัญของการเป็นผู้บริหารมืออาชีพ
อ่านโพสต์ต้นฉบับ