xs
xsm
sm
md
lg

เพย์พาลแจ้ง 7 มี.ค.คนไทยใช้งานบัญชีต่อไปได้ ไม่ถูกระงับบริการแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สายครีเอเตอร์เฮเพย์พาลส่งอีเมลระบุ 7 มี.ค.ยังใช้งานบัญชีเพย์พาลในไทยต่อไปได้ หลังก่อนหน้านี้เตรียมระงับบริการบรรดาฟรีแลนซ์เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายแบงก์ชาติและ ปปง. ทำเอากลุ่มอาชีพรับจ้างผลิตผลงานเดือดร้อนไปทั่ว

วันนี้ (5 มี.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า เพย์พาล (PayPal) ผู้ให้บริการโอนเงินและรับโอนเงินออนไลน์จากผู้ใช้งานทั่วโลก ได้ส่งอีเมลไปยังลูกค้าในประเทศไทย หัวข้อ "บัญชี PayPal ของท่านจะไม่ถูกจำกัดการใช้งานในวันที่ 7 มีนาคมอีกต่อไป" ระบุว่า "เมื่อไม่นานมานี้เราได้ติดต่อท่านเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับการใช้งานบัญชี PayPal อันเนื่องมาจากการกลับมาเปิดให้บริการในประเทศไทยของเรา

เรารับฟังข้อกังวลที่ลูกค้าในประเทศไทยแจ้งเข้ามา และเราได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานไทยที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว ด้วยเหตุนี้ เราจึงยินดีที่จะแจ้งให้ท่านทราบว่าท่านจะสามารถใช้งานบัญชี PayPal ของท่านได้ตามปกติ และจะไม่มีการจำกัดการใช้งานบัญชีของท่าน ที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2565 ตามที่ได้แจ้งไปก่อนหน้านี้อีกต่อไป"

เพย์พาลระบุว่า "ท่านจะยังคงสามารถใช้งานวอลเล็ตของ PayPal ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันได้อย่างเต็มรูปแบบหลังจากวันที่ 7 มีนาคม 2565 ซึ่งหมายความว่าท่านจะยังสามารถซื้อสินค้าและบริการโดยใช้วอลเล็ต PayPal ได้ตามปกติ รวมถึงยังสามารถโอนและรับเงินโดยใช้บัญชี PayPal ของท่านได้ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ท่านไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ เพิ่มเติม"

ในอีเมลดังกล่าวยังระบุอีกว่า "การขยายระยะเวลาการใช้งานนี้จะยังคงมีผลในระหว่างที่เราดำเนินการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และกระบวนการการทำงานของเราในการกลับมาเปิดให้บริการ PayPal ในประเทศไทย แผนการโอนย้ายบัญชีมายัง PayPal ประเทศไทยจะถูกดำเนินการในปีนี้เช่นเดิม และเราจะติดต่อท่านอีกครั้งเพื่อให้ข้อแนะนำเกี่ยวกับบัญชีของท่าน เราให้ความสำคัญต่อลูกค้าในประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง และขออภัยอย่างสูงสำหรับความสับสนที่เกิดขึ้น"

ก่อนหน้านี้ บรรดากลุ่มอาชีพรับจ้างผลิตผลงานด้านทัศนศิลป์ สื่อ และมัลติมีเดีย กลุ่มอาชีพหนังสือและสิ่งพิมพ์ กลุ่มหัตถกรรมและสินค้าทำมือ กลุ่มออกแบบสถาปัตยกรรม และกลุ่มอาชีพอื่นๆ รวมตัวกันในนาม "สหภาพแรงงานสร้างสรรค์แห่งประเทศไทย" กว่า 700 ราย ยื่นหนังสือถึงกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อร้องเรียนประเด็นสภาพการทำงานที่ไม่เป็นธรรมของแรงงานอิสระ

เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการปรับเปลี่ยนนโยบายการให้บริการด้านธุรกรรมทางการเงินของ บริษัท เพย์พาล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นตัวกลางที่ให้บริการในการรับฝากโอนเงินผ่านช่องทางออนไลน์จากผู้ใช้งานทั่วโลก ส่งผลทำให้แรงงานอิสระที่ทำงานกับต่างชาติจำนวนมากต้องสูญเสียอาชีพและรายได้ เพราะฟรีแลนซ์หรือผู้ขายทั่วไปในประเทศไทย ที่ไม่ใช่ธุรกิจจดทะเบียนในประเทศไทยจะถูกจำกัดความสามารถของบัญชี ส่งผลให้แรงงานอิสระผู้ใช้บริการต้องจดทะเบียนพาณิชย์สำหรับบุคคลธรรมดาเพื่อปรับเปลี่ยนให้เป็นบัญชีธุรกิจ เพื่อสามารถใช้บริการธุรกรรมทางการเงินได้ต่อไป

ภายหลังเพย์พาล (ประเทศไทย) ออกประกาศเมื่อวันที่ 5 ก.พ.แจ้งว่า ตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค. การใช้งานบัญชีเพย์พาลของฟรีแลนซ์หรือผู้ขายทั่วไปในประเทศไทยจะถูกจำกัด ยกเว้นฟังก์ชันถอนเงินผ่านธนาคาร ส่งผลให้แรงงานอิสระไม่สามารถรับหรือชำระเงินด้วยบัญชีที่มีอยู่ได้อีกต่อไป เว้นเสียแต่จะเป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทยเท่านั้นที่จะสามารถสมัครบัญชีธุรกิจใหม่ จากเดิมที่ต้องจดทะเบียนพาณิชย์สำหรับบุคคลธรรมดา ให้จำต้องจดทะเบียนบริษัทสำหรับนิติบุคคล เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายในประเทศไทย เนื่องจากการให้บริการของบริษัทเพย์พาลในประเทศอื่นไม่ได้มีการกำหนดเงื่อนไขเช่นนี้

ต่อมา น.ส.สิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.ได้ติดตามและเร่งบริษัทฯ ปรับระบบให้มีกระบวนการแสดงตนและพิสูจน์ตัวตนลูกค้าบุคคลธรรมดา (KYC) สอดคล้องตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญที่จะช่วยดูแลให้การทำธุรกรรมทางการเงินมีความปลอดภัย ไม่เป็นช่องทางให้เกิดการทุจริตหรือฟอกเงิน ที่เป็นภัยต่อประชาชนและระบบการเงินของประเทศ ในการนี้ อยู่ระหว่างการเร่งหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และบริษัท เพย์พาล ประเทศไทย เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือผู้ใช้บริการที่ได้รับผลกระทบในช่วงเปลี่ยนผ่าน

ล่าสุด วันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมามีการประชุมของคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน สภาผู้แทนราษฎร ตัวแทนธนาคารแห่งประเทศไทยชี้แจงว่าได้รับทราบปัญหาความเดือดร้อน ผลกระทบต่อการค้าขายของกลุ่มฟรีแลนซ์แล้ว แต่เนื่องจากเพย์พาลอยู่ภายใต้ระบบของประเทศสิงคโปร์ เมื่อให้บริการคนไทยก็ต้องมาอยู่ภายใต้การดูแลของ ธปท.เพื่อคุ้มครองและดูแลผู้ใช้งานคนไทย ซึ่งการพิสูจน์ตัวตนของผู้ใช้บริการเพย์พาลเป็นขั้นตอนการดำเนินการเพียงส่วนหนึ่งในการป้องกันการฟอกเงินตามกฎหมายของ ปปง. ทั้งนี้ ธปท. และ ปปง.ขอเพียงแค่ผู้ใช้งานสามารถยืนยันพิสูจน์ตัวตนได้ ไม่ว่าจะเป็นการพิสูจน์ตัวตนแบบส่วนบุคคล หรือในนามนิติบุคคลก็สามารถกระทำได้เหมือนกัน

ดังนั้น ในประกาศของเพย์พาล (ประเทศไทย) ที่มีการยืนยันให้ผู้ใช้งานบัญชีเพย์พาล เพื่อทำธุรกรรมรับโอนเงินจะต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบบัญชีไปเป็นระบบนิติบุคคล เพื่อทำระบบยืนยันตัวตนแบบ KYB นั้น จึงเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ทั้งนี้ ธปท.ได้ร่วมหารือกับผู้แทนเพย์พาล (ประเทศไทย) เพื่อเร่งหาข้อยุติถึงผลกระทบที่เกิดแก่ประชาชน จากการเปลี่ยนแปลงนโยบายของเพย์พาล โดยขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนนำเสนอทางออกให้ผู้บริหาร ธปท.ลงนาม เพื่อสามารถดำเนินการแก้ปัญหาและเยียวยาประชาชนต่อไป ก่อนที่ระบบบัญชีเพย์พาลจะระงับการให้บริการในวันที่ 7 มี.ค.นี้

อ่านเอกสาร คลิกที่นี่




กำลังโหลดความคิดเห็น