วันนี้ (22 ก.พ.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ตนได้ประชุมคณะกรรมการระดับชาติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการ ภายหลังประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกที่ประชุมกรุงเฮกว่าด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ แผนกคดีบุคคล (HCCH) ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรก โดยมีศาสตราจารย์ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม นางวิลาวรรณ มังคละธนกุล อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ และคณะกรรมการจากภาคส่วนต่างๆ ร่วมการประชุม ซึ่งประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกโดยสมบูรณ์เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2564 และคณะรัฐมนตรี ได้เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการระดับชาติฯ เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2565 โดยมีหน้าที่ในการกำหนดกรอบนโยบายในภาพรวมเกี่ยวกับการขับเคลื่อนหลังไทยเข้าเป็นสมาชิก HCCH กำหนดยุทธศาสตร์และท่าทีในการเจรจาประเด็นต่างๆ ที่เป็นผลประโยชน์หลักของประเทศ
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน HCCH มีอนุสัญญา 37 ฉบับ และ 2 พิธีสาร โดยครอบคลุมกฎหมาย 3 ด้าน คือ 1. กฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยครอบครัวและการคุ้มครองเด็ก 2. ความร่วมมือด้านกฎหมายระหว่างประเทศและการดำเนินคดีข้ามชาติ และ 3. กฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยการพาณิชย์และการเงิน โดยไทยเป็นภาคอนุสัญญาแล้ว 2 ฉบับ คือ อนุสัญญาว่าด้วยลักษณะทางแพ่งในการลักพาตัวเด็กข้ามชาติ และ อนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองเด็กและความร่วมมือเรื่องการรับบุตรบุญธรรมระหว่างประเทศ โดยที่ประชุมเห็นว่า ประเทศไทยสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อศึกษาแนวปฏิบัติของประเทศสมาชิกอื่นๆ ในการพัฒนากฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงร่วมถ่ายทอดพัฒนาการเชิงบวกของไทยต่อเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ ในวันที่ 28 ก.พ. - 4 มี.ค. จะมีการประชุมสภาที่ปรึกษาด้านกิจการและนโยบาย ของ HCCH ผ่านระบบประชุมทางไกล ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่ไทยเข้าร่วมในฐานะสมาชิก
“การเข้าร่วม HCCH ในครั้งนี้ ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ใช้โอกาสศึกษาแนวทางของสมาชิกต่างๆ เพื่อนำมาปรับใช้กับประเทศไทยได้ และยังเป็นแนวทางในการทำให้ไทยสามารถเข้าสู่ภาคีอื่นๆได้ต่อไปอีกด้วย” นายสมศักดิ์ กล่าว