xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 23-29 ม.ค.2565

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



1.“ส.ต.ต.” ซิ่งบิ๊กไบค์ฝ่าทางม้าลายพุ่งชน “หมอ” ดับ เจ้าตัวบอกใช้ความเร็ว 80 กม. ผลตรวจพบ 128 กม./ชม.!

ความคืบหน้ากรณีที่ ส.ต.ต.นรวิชญ์ บัวดก ผบ.หมู่ กองร้อยที่ 2 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน ขับขี่รถจักรยานยนต์ DUCATI MONSTER สีแดง ทะเบียน 1 กผ 9942 เชียงราย ด้วยความเร็วสูง และไม่มีการชะลอ ทั้งที่ด้านหน้ามีทางม้าลาย ก่อนพุ่งชน พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือหมอกระต่าย ขณะเดินข้ามทางม้าลายบริเวณหน้าโรงพยาบาลสถาบันไตภูมิราชนครินทร์ ถนนพญาไท อย่างแรงจนร่างกระเด็นไปไกลเสียชีวิตเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.วันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา

ซึ่งโลกโซเชียลได้พากันแชร์ข้อความของเพื่อนและญาติของผู้เสียชีวิตให้หากล้องวงจรปิดหน้ารถที่สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ เพื่อนำมาเป็นหลักฐานทางคดี ขณะที่มีการตั้งคำถามว่า เหตุใดทางตำรวจจึงปล่อยให้ผู้เสียชีวิตเป็นศพนิรนามอยู่ 2 ชม.โดยไม่แจ้งญาติ ซึ่งทางตำรวจได้ออกมาชี้แจงว่า เนื่องจากไม่สามารถปลดล็อกเพื่อเข้าโทรศัพท์ของผู้เสียชีวิตได้ จึงไม่สามารถโทรแจ้งญาติได้ กระทั่งมีเพื่อนร่วมงานผู้เสียชีวิตโทรเข้าโทรศัพท์ของผู้เสียชีวิต จึงฝากให้แจ้งญาติ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ กระทั่งภายหลัง อาจารย์ของผู้เสียชีวิตโทรเข้ามา จึงสามารถประสานไปทางญาติได้

ทั้งนี้ การเสียชีวิตของหมอกระต่าย ยังความเศร้าโศกให้ครอบครัวเป็นอันมาก เนื่องจากหมอกระต่ายเสียชีวิตก่อนถึงวันเกิดเพียง 3 วัน (วันเกิด 24 ม.ค.) นอกจากนี้หมอกระต่ายยังเป็นจักษุแพทย์ ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เป็นสาขาที่ขาดแคลน และมีเพียงหลักสิบคนเท่านั้นในประเทศ โดยหมอกระต่ายเพิ่งทำงานที่ รพ.ตำรวจได้ 2 เดือน ขณะที่ นพ.อนิรุทธ์ สุภวัตรจริยากุล พ่อของหมอกระต่าย ก็เป็นจักษุแพทย์ที่เพิ่งเกษียณอายุเมื่อปีที่แล้ว นอกจากนี้ยังมีบุตรสาวอีก 1 คนที่เป็นจักษุแพทย์เช่นกัน

พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผบก.อคผ. กล่าวว่า ส.ต.ต.นรวิชญ์ เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ได้สอบถาม ส.ต.ต.นรวิชญ์ ทราบว่า ขี่จักรยานยนต์มารับเอกสารที่ บช.น.กำลังจะไปอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยขณะนั้นขับชิดชวามา มีรถคันอื่นหยุดตรงทางม้าลาย แต่เนื่องจากเลี้ยวขวามาจึงมองไม่เห็น โดยขี่มาด้วยความเร็ว จึงชนร่าง พญ. ซึ่งเจ้าตัวยอมรับผิด

ด้าน ส.ต.ต.นรวิชญ์ ได้ให้สัมภาษณ์รายการเรื่องเล่าเช้านี้เมื่อ 24 ม.ค.ว่า ก่อนเกิดเหตุขี่รถจักรยานยนต์มาด้านหลังรถตู้ จึงไม่เห็นว่ามีคนข้ามทางม้าลาย โดยขี่มาด้วยความเร็วประมาณ 80 กม./ชม. และขับมาเลนขวา เบรกรถไม่ทัน เนื่องจากเห็นกระชั้นชิดมาก และว่า หลังเกิดเหตุหมดสติไปครู่หนึ่ง เมื่อฟื้นมา ก็รีบไปดูอาการ พญ.วราลัคน์ ส.ต.ต.นรวิชญ์ ยังบอกด้วยว่า ตนได้รับบาดเจ็บถลอกที่แขนขวา และซี่โครงขวา เมื่อเข้ารับการรักษาเสร็จ ก็ได้เดินทางไปที่ สน.พญาไททันที

เป็นที่น่าสังเกตว่า คำให้สัมภาษณ์ของ ส.ต.ต.นรวิชญ์ ขัดแย้งกับภาพจากกล้องที่มีการบันทึกไว้ได้ขณะเกิดเหตุ ซึ่งชัดเจนว่า รถพุ่งชนหมอกระต่ายด้วยความเร็วมาก เป็นไปไม่ได้ที่จะแค่ 80 กม./ชม. ซึ่งในที่สุด ภายหลังได้มีการตรวจสอบแล้ว พบว่าความเร็วอยู่ที่ 128 กม./ชม. ส่วนกรณีที่ ส.ต.ต.นรวิชญ์ ระบุว่า หลังเกิดเหตุหมดสติไปครู่หนึ่ง เมื่อฟื้น ได้รีบไปดูอาการของหมอกระต่าย ก็ขัดแย้งกับภาพจากกล้องที่บันทึกเหตุการณ์ได้ว่า หลังชนหมอกระต่ายแล้ว ส.ต.ต.นรวิชญ์ ได้ลุกขึ้น แล้วนั่งพักตรงเกาะกลางถนน ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่ริมถนนอีกฝั่งอย่างรวดเร็ว และนั่งลงที่ฟุตปาธ

ทั้งนี้ วันเดียวกัน (24 ม.ค.) ส.ต.ต.นรวิชญ์ และ ร.ต.ต.นิคม บัวดก ตำรวจ สน.ปทุมวัน พ่อของผู้ต้องหา ได้เข้าพิธีบวชที่วัดปริวาสราชสงคราม โดยมีรายงานว่า เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้หมอกระต่าย แต่ไม่มีกำหนดสึก ทำให้กระแสสังคมตั้งคำถามว่า ผู้ต้องหากระทำความผิด สามารถบวชได้หรือไม่ กระทั่งนายสิปป์บวร แก้วงาม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้ออกมายืนยันว่า “คนต้องหาในคดีอาญา” ไม่สามารถบวชได้ ในที่สุด ส.ต.ต.นรวิชญ์ และพ่อได้สึกเมื่อวันที่ 26 ม.ค. หลังร่วมงานพระราชทานเพลิงศพหมอกระต่าย โดย ร.ต.ต.นิคม พ่อของ ส.ต.ต.นรวิชญ์ กล่าวหลังสึกว่า จะกลับไปพักที่บ้านและถือศีล 5 เป็นเวลา 3 วัน ส่วนคดีความ ขอให้เป็นไปตามกฎหมาย

ด้าน พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น.ในฐานะโฆษก บช.น. แถลงเมื่อ 24 ม.ค.ว่า ตำรวจได้แจ้งข้อหา ส.ต.ต.นรวิชญ์ 7 ข้อหาหนัก ได้แก่ 1.ขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 2.นำรถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาใช้ในทาง 3.ไม่ปฏิบัติตามเครื่องหมายบนพื้นทาง นั่นคือไม่หยุดรถให้คนข้าม 4.ขับรถไม่ชิดของทางด้านซ้าย 5.ฝ่าฝืนใช้รถที่ไม่ได้เสียภาษีประจำปี 6.นำรถไม่สมบูรณ์มาขับ เพราะไม่ติดกระจกหลัง และ 7.มี พ.ร.บ.แต่ไม่มีประกัน ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของตำรวจ ยืนยันว่า รถของ ส.ต.ต.นรวิชญ์ ไม่ใช่รถของกลาง แต่เป็นรถที่ซื้อมามือสองในราคา 113,000 บาท มีเอกสารการซื้อขายและใบโอนลอย ในวันที่ 14 ธ.ค. โดยตำรวจคาดว่า จะส่งสำนวนให้อัยการได้ในวันที่ 11 ก.พ.

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 26 ม.ค. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น.และโฆษก บช.น.เผยว่า พนักงานสอบสวนเตรียมแจ้งข้อหา ส.ต.ต.นรวิชญ์ เพิ่มเติมคือ 1.ขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความเดือดร้อนของผู้อื่น และ 2.ข้อหาขับรถเร็วเกินที่กฎหมายกำหนด หากพบว่า ใช้ความเร็วเกิน 80 กม./ชม.

ล่าสุด (28 ม.ค.) พล.ต.ต.จิรสันต์ เผยอีกครั้งว่า การตรวจพิสูจน์ความเร็ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ทำการตรวจสอบเบื้องต้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผลปรากฏว่า ความเร็วช่วงที่ ส.ต.ต.นรวิชญ์ ขับรถแซงรถตู้แล้วมาชนแพทย์หญิงอยู่ที่ 108-128 กม./ชม. ถือว่าผิดกฎหมาย เนื่องจากรถเร็วกว่า 80 กม./ชม. พนักงานสอบสวน สน.พญาไท จะเรียกตัวมาแจ้งข้อหาขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด

2."อาคเนย์ประกันภัย" ขอเลิกกิจการ หลังจ่ายโควิดเกือบหมื่นล้าน ด้าน คปภ.รับพิจารณาคำขอ แต่ยังไม่อนุญาตให้เลิก ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขก่อน!


เมื่อวันที่ 26 ม.ค. บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด มหาชน หรือ TGH ได้ทำหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึงการเลิกกิจการอาคเนย์ประกันภัย หลังการระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจประกันวินาศภัยในภาพรวม

โดยก่อนหน้านี้ บริษัท เครือไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ด้วยการนำเงินไปชำระค่าสินไหมทดแทนจากการเคลมประกันโควิดรวม 9,900 ล้านบาท ทำให้มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน

สำหรับปัจจุบันมีผู้ถือกรมธรรม์ที่ไม่ใช่โควิด-19 ของอาคเนย์ประกันภัยรวม 8.6 ล้านราย และผู้ถือกรมธรรม์โควิด 1.8 ล้านราย โดยมีทางเลือกที่จะได้รับคืนเบี้ยตามสัดส่วน หรือย้ายไปบริษัทอื่น ส่วนพนักงาน 1,396 คน จะได้รับการดูแลตามแผนการเลิกประกอบธุรกิจ

วันต่อมา (27 ม.ค.2565) บริษัท อาคเนย์ประกันภัย ได้ชี้แจงกรณียื่นขอคืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยว่า ปัจจุบันบริษัทฯ ยังดำเนินธุรกิจและให้บริการ รวมถึงความคุ้มครองกรมธรรม์ประกันภัยตามปกติ และขณะนี้บริษัทฯ มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมายอยู่ถึง 170% และยังมีสภาพคล่องเพียงพอที่จะจ่ายค่าสินไหมให้กับลูกค้าและคู่ค้าทุกราย

และว่า การใช้สิทธิขอเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยโดยสมัครใจ และส่งคืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจต่อนายทะเบียน สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เป็นไปเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดในการลดผลกระทบสำหรับลูกค้าผู้เอาประกันทุกประเภท และผู้เกี่ยวข้องของบริษัทฯ ให้ได้รับเงินคืนทุกราย ซึ่งลูกค้าทุกกรมธรรม์จะได้รับการคุ้มครองและดูแลตามสิทธิ์อย่างถูกต้อง รวมถึงการดูแลพนักงาน คู่ค้า และพันธมิตรทางธุรกิจทุกราย “บริษัทฯ ขอยืนยันว่า การตัดสินใจครั้งนี้น่าจะเป็นการหาทางออกที่ดีที่สุด คือการยอมเลิกกิจการเพื่อให้ทุกคนได้เงินคืน”

บริษัท อาคเนย์ประกันภัย ระบุด้วยว่า ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการแก้ปัญหากรณีกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 แบบเจอจ่ายจบ ผ่านหลายช่องทางที่เกี่ยวข้อง แต่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือเท่าที่จำเป็นต่อการดำรงธุรกิจให้คงอยู่ได้ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่การแพร่ระบาด COVID-19 ในประเทศไทยทวีความรุนแรงขึ้น ขั้นตอนขณะนี้ คือการเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม คปภ. ในวันที่ 28 ม.ค.

สำหรับการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2565 ได้มีมติเห็นชอบการเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของอาคเนย์ประกันภัย และส่งคืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจต่อนายทะเบียน โดยขอให้ คปภ. และ/หรือกองทุนประกันวินาศภัยเป็นผู้มีอำนาจดำเนินการ และจัดการเกี่ยวกับภาระและกรมธรรม์ประกันภัยทั้งหมดของอาคเนย์ประกันภัย ซึ่งรวมถึงการคืนเบี้ยประกันให้กับผู้เอาประกันภัยทุกราย ตามกรมธรรม์ประกันภัยที่อาคเนย์ประกันภัยยังมีภาระผูกพันตามกรมธรรม์ประกันภัยต่อผู้เอาประกันภัยนั้นๆ (ซึ่งรวมถึงกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุ และการเจ็บป่วยด้วยโรค COVID-19)

รวมทั้งการจัดหาผู้รับประกันภัยรายใหม่ให้แก่ผู้เอาประกันภัยตามหลักเกณฑ์และแนวทางที่ คปภ. และ/หรือกองทุนประกันวินาศภัยเห็นชอบ โดยอาคเนย์ประกันภัยเป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านต่างๆ ในการดำเนินการข้างต้น
ด้วยคะแนนเสียงร้อยละ 100 โดยไม่มีผู้ใดออกเสียงคัดค้าน

ล่าสุด (29 ม.ค.2565) นายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สายกฎหมายและคดี สำนักงาน คปภ. ระบุว่า ขณะนี้บอร์ด คปภ.เพียงแต่รับพิจารณาคำขอดังกล่าว แต่ยังไม่อนุมัติให้ยกเลิกการประกอบธุรกิจ เพราะบริษัทต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาที่บอร์ด คปภ.กำหนด ให้เสร็จสิ้นก่อน จึงจะอนุญาตให้บริษัทเลิกกิจการได้

เมื่อบริษัทได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาครบถ้วนแล้ว ให้บริษัทแจ้งผลการดำเนินการมายังสำนักงาน คปภ. เพื่อนำเสนอให้คณะกรรมการ คปภ.พิจารณาอนุญาตเลิกกิจการต่อไป โดยบริษัทต้องแจ้งรายชื่อบริษัทที่รับโอนกรมธรรม์ บริษัทที่รับโอนต้องคงสิทธิประโยชน์ ตามกรมธรรม์เดิม และต้องแจ้งล่วงหน้าตามกฎหมาย

กรณีต้องการขอรับเงินสำรองที่วางไว้กับนายทะเบียน จะดำเนินการได้ก็ต่อเมื่อ บริษัทต้องแสดงหลักฐานว่าไม่มีหนี้สิน หรือภาระผูกพันตามสัญญาประกันภัย รวมทั้งสะสางบัญชีทรัพย์สิน หนี้สิน และจัดชั้นหนี้ ให้ครบถ้วนตามกฎหมาย

นายอดิศร ย้ำด้วยว่า บริษัท อาคเนย์ประกันภัย และบริษัท ไทยประกันภัย ไม่สามารถใช้เงินจากกองทุนประกันวินาศภัยไปจ่ายสินไหมให้ผู้เอาประกัน เพราะไม่เข้าเงื่อนไขตามกฎหมาย โดยระหว่างนี้ บริษัทต้องดูแลให้ผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ สามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทได้ตามเดิม

3. คตส.-ตร. ทลาย 2 แก๊งเว็บพนันรายใหญ่ พบ "เอ มินเนี่ยน" เอี่ยวเปิดบาคาร่าออนไลน์ จนท.เร่งอายัดบัญชีตรวจสอบ!



เมื่อวันที่ 28 ม.ค. นายอภิวัฒน์ ขันทอง ประธานคณะกรรมการตรวจสอบและดำเนินคดี (คตส.) พร้อม พ.ต.อ.ภูมิยศ เหล็กกล้า รอง ผบก.ศผร.บช.น. ได้แถลงข่าวจับกุมเครือข่ายการพนันออนไลน์ 2 รายใหญ่ โดยสามารถยึดของกลางเป็น เงินสด 6 ล้านบาท, คอมพิวเตอร์, เครื่องประดับ, กระเป๋าแบรนด์เนม พร้อมโฉนดที่ดิน รวมมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท

นายอภิวัฒน์ กล่าวว่า ตามนโยบายรัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและดำเนินคดี (คตส.) โดยมีอำนาจและหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบการร้องเรียนต่างๆ ที่ได้รับจากประชาชน รวมไปถึงเรื่องที่เกี่ยวการพนันออนไลน์ ซึ่งประชาชนได้ร้องเรียนมาว่า มีการลักลอบจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ บาคาร่า ผ่านเว็บไซต์ sagame88.CC, wip1688.com, gagame88.com และ mbk25.com ซึ่งมีผู้เข้าใช้บริการจำนวนมาก

ต่อมาผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคณะทำงาน ดำเนินการตรวจสอบและสืบสวน จนกระทั่งพบข้อมูลที่เชื่อมโยงว่า นายเหมรัศมิ์ หรือ โอ๊ต กับพวกรวม 52 คน มีพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องการเว็บไซต์พนันดังกล่าว รวม 10 เว็บไซต์ และมีพฤติกรรมในการฟอกเงิน

ซึ่งจากการตรวจสอบ พบเงินหมุนเวียนกว่า 20,000 ล้านบาท จึงได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และสามารถตรวจยึดรถหรู จำนวน 8 คัน อายัดบ้านหรูพร้อมที่ดิน จำนวน 6 หลัง อายัดบัญชีธนาคาร 50 บัญชี โดยจับกุมตัวได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านเมืองทอง จ.นนทบุรี ก่อนขยายผลขอหมายค้นตรวจยึดทรัพย์สินได้ที่บ้านพักในสนามกอล์ฟ ย่านปทุมธานี และจุดอื่นๆ รวม 22 จุด ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของตำรวจ

ส่วนรายที่ 2 คือ นายอดิสรณ์ หรือ เอ มินเนี่ยน พร้อมพรรคพวก 6 คน ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ a-setzone ให้บริการพนันออนไลน์ บาคาร่า มีเงินหมุนเวียนกว่า 1,000 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ดังกล่าว ส่วนทรัพย์สินส่วนอื่นอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ส่วนนายอดิสรณ์ขณะนี้ทราบว่าอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

นายอภิวัฒน์ กล่าวอีกว่า หลังจากสืบทราบว่าทั้งสองคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ ทางตำรวจได้รีบดำเนินการปิดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับนายเหมรัศมิ์ทันทีทั้ง 10 เว็บไซต์ ขณะนี้ไม่สามารถเข้าใช้งานได้แล้ว ส่วนของนายอดิสรณ์ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เนื่องจากเซิฟเวอร์อยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้านจึงยังทำให้ปิดบริการไม่ได้

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ พบว่า ทั้งสองคนเป็นเพียงแค่คนรู้จักกัน แต่เป็นคนละเครือข่ายกัน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามการจับกุมครั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง 5 คน ซึ่งพบว่า มีการโอนเงินกับกลุ่มผู้ต้องหา ต้องขอตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง จึงจะดำเนินการตามขั้นตอนได้

เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหานายเหมรัศมิ์ พร้อมพวก รวม 52 คน
ในข้อหาร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันออนไลน์ บาคาร่า พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยมีวงเงินในการกระทำความผิดรวมกันมีมูลค่าตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป และร่วมกันกระทำความผิดมูลฐาน ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับการพนันตามกฎหมายว่าด้วยการพนัน เป็นการจัดให้มีการเล่นการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ อันเป็นความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน โดยจับกุมได้แล้ว 7 ราย เบื้องต้นอยู่ระหว่างนำตัวมาดำเนินคดีที่ สน.นางเลิ้ง และจะขยายผลทลายเครือข่ายพนันออนไลน์ต่อไป

สำหรับนายอดิสรณ์ หรือ เอ มินเนี่ยน เคยเป็นข่าวแสดงออกทางการเมืองโดยติดป้ายไวนิลรอบบ้านหรู ในหมู่บ้านกฤษดานคร ระบุว่า "บ้านมินเนียนเอ ไม่ต้อนรับพวกล้มเจ้า" รวมทั้งโจมตีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นอกจากนี้ ยังเคยโพสต์คลิปในลักษณะใช้ชีวิตอยู่แบบเรียบง่ายตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ปลูกผักปลอดสารพิษกินเอง รวมทั้งยังเคยนำอาหารแบ่งใส่ถุงใส่ตู้ปันสุข เพื่อช่วยผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และยังให้ลูกน้องคนสนิท ตระเวนนำอาหาร และเครื่องใช้จำเป็นแจกจ่ายชุมชน และสถานที่ต่างๆ อีกด้วย

กระทั่งเกิดกรณีเพลิงไหม้บ้านพักเมื่อวันที่ 3 เม.ย.2564 ทำให้ลูกน้องที่ติดอยู่ในบ้านเสียชีวิต กระทั่งต่อมาบ้านหลังดังกล่าวได้พังถล่มลงมา เป็นเหตุให้อาสาสมัครกู้ภัย 3 รายเสียชีวิต โดยช่วงเกิดเหตุนายอดิสรณ์เดินทางไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ก่อนโควิด-19 ระบาด และกลับประเทศไทยไม่ได้ แต่ได้แสดงความรับผิดชอบแก่ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บผ่านตัวแทนของตน

4. ศาลยะลาพิพากษาจำคุก “อัยย์ เพชรทอง” 5 ปี 4 เดือนไม่รอลงอาญา คดีหมิ่นกล่าวหา "วันนอร์" เป็นหัวหน้าก่อการร้าย!



เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ศาลจังหวัดยะลาได้นัดฟังคำพิพากษาคดีที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอัยย์ เพชรทอง ข้อหาหมิ่นประมาท โดยศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามมาตรา 91 รวม 4 กรรม ลงโทษกระทงละ 2 ปี รวม 8 ปี แต่จำเลยนำสืบเป็นประโยชน์ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามมาตรา 78 คงจำคุก 5 ปี 4 เดือน ไม่รอลงอาญา และให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และเดลินิวน์ จำนวน 3 วันติดต่อกัน

ทั้งนี้ เหตุที่ศาลไม่รอลงอาญา เนื่องจากพฤติการณ์ของจำเลยร้ายแรง สร้างความแตกแยกในสังคมระหว่างศาสนาอิสลามกับศาสนาพุทธ

ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว โดยขอบคุณศาลที่ให้ความเป็นธรรม และว่า คำพิพากษาของศาลเห็นได้ชัดว่า การกระทำของนายอัยย์ เพชรทอง ตลอดเวลานั้นเป็นการกล่าวอ้างที่ไม่เป็นความจริง เป็นการใส่ร้าย วิพากษ์วิจารณ์ ถ้าต้องการแสดงความเห็นโดยสุจริต ต้องทำโดยวิธีอื่น ไม่ใช่การลงเฟซบุ๊กหรือกล่าวร้ายว่าตนเองเป็นหัวหน้าโจรก่อการร้าย ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายกับตนเอง ที่มีตำแหน่งทางการเมืองหลายตำแหน่ง เช่น ปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ย่อมทำให้ตนเองและพรรคประชาชาติ รวมทั้งกรรมการพรรคเกิดความเสียหาย และมวลสมาชิกมี 20,000 กว่าคนเสียหายด้วย

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา กล่าวด้วยว่า นายอัยย์ เพชรทอง ไม่ได้กล่าวหาตนคนเดียว กล่าวหาคนทั่วไป แม้กระทั่งคนที่เคารพนับถือ เช่น พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ซึ่งท่านจากโลกนี้ไปแล้ว แต่นายอัยย์ เพชรทอง ยังกล่าวหาไม่หยุดหย่อน รวมทั้งคนอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งศาลเห็นว่า การกระทำของจำเลยในคดีนี้ไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์ในหน้าที่การงาน และสิ่งสำคัญศาลเห็นว่า การกระทำของจำเลยสร้างความแตกแยกให้กับศาสนาอีกด้วย

นอกจากนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ยังฝากถึงพี่น้องประชาชนทั่วไปด้วยว่า เรื่องของศาสนานั้นเป็นสิ่งที่ดีงาม สอนให้คนเป็นคนดี ให้รักสมัครสมานกัน ส่วนคนที่ทำไม่ดีก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ไม่ใช่เรื่องของศาสนา ถ้าเราสร้างให้คนเข้าใจผิดในศาสนา เกิดความแตกแยก จะเป็นภัยต่อสังคม ต่อประเทศชาติ และหากเกิดความแตกแยกทางศาสนา จะส่งผลร้ายแรงยิ่งกว่าความแตกแยกในสังคม หรือความแตกแยกของนักการเมือง ด้านการเมืองยังพอเยียวยาได้ สักพักหนึ่งก็เกิดความเข้าใจ ในสังคมก็เช่นกัน แต่ความแตกแยกทางศาสนานั้น ส่งผลลึกไปถึงความศรัทธาของคนแต่ละฝ่าย ซึ่งอาจจะเกิดความเข้าใจผิด และเกิดการต่อสู้กันในหลายๆ ประเทศ

ประเทศไทยเป็นเมืองที่คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ และยังมีคนส่วนน้อยที่นับถือศาสนาอิสลามและศาสนาคริสต์ เราเองก็เคยอยู่กันอย่างสงบสุข รักใคร่ปรองดองกันมาโดยตลอด ตนเข้าใจว่าบางคนอาจจะไม่ดี แต่ก็มีอยู่ทุกศาสนา แต่เราไม่ควรไปแต่งเติมว่าเป็นเรื่องของศาสนา แล้วต้องมาแตกแยกมาเกลียดกันเพราะศาสนา ถ้าทำอย่างนั้นแล้ว คนที่เสียหายที่สุด คือ คนไทยทุกคน ทุกศาสนา และประเทศชาติ ก็จะเสียหายไปด้วย

ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายอัยย์ เพชรทอง เป็นอดีตศิษย์วัดพระธรรมกาย ต่อมาได้ตั้งตัวเองเป็นเลขาธิการองค์กรปกป้องพระพุทธศาสนาเพื่อสันติภาพ (อปพส.) ซึ่งมีแนวทางการเคลื่อนไหวแบบสุดโต่ง สร้างความขัดแย้งระหว่างศาสนา

5. ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้จำคุก 1 เดือน “ชาญศักดิ์ ธนเตชา” ให้การเท็จหวังช่วย “บรรยิน” หลุดคดีฆ่า “เสี่ยชูวงษ์”!



เมื่อวันที่ 26 ม.ค. ศาลเเขวงพระนครเหนือ ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีที่พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ และนางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง ภรรยานายชูวงษ์ แซ่ตั้ง หรือเสี่ยชูวงษ์ เป็นโจทก์ร่วม ยื่นฟ้องนายชาญศักดิ์ ธนเตชา นักธุรกิจ เป็นจำเลย ในความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172

จากกรณีที่นายชาญศักดิ์ ให้ปากคำแก่คณะพนักงานสอบสวนคดีปลอมแปลงเอกสารสิทธิการโอนหุ้น และคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ เกี่ยวกับช่วงเวลาที่ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ขับรถออกจากสนามกอล์ฟ วันที่ 26 มิ.ย. 2558 บิดเบือนไป ซึ่งเป็นวันที่นายชูวงษ์ นั่งโดยสารรถคันดังกล่าวมาด้วยกับ พ.ต.ท.บรรยิน แล้วเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต

โดยในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น (ศาลแขวงพระนครเหนือ) นายชาญศักดิ์ จำเลย ให้การรับสารภาพ ศาลจึงพิพากษาจำคุก 2 เดือน ซึ่งการรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และเมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีและคำแถลงประกอบคำรับสารภาพแล้ว อีกทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทน มีกำหนด 1 เดือน

ต่อมาโจทก์ร่วม และจำเลยยื่นอุทธรณ์ ซึ่งจำเลยได้ประกันตัวไประหว่างอุทธรณ์คดี

ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ที่โจทก์ร่วมอุทธรณ์ว่าไม่สมควรลดโทษแก่จำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 นั้น การลดโทษตามมาตรา 78 เป็นดุลพินิจของศาลที่จะต้องพิจารณาว่า มีเหตุสมควรลดให้หรือไม่ ซึ่งคดีนี้จำเลยรับสารภาพ และโจทก์กับโจทก์ร่วมมิได้สืบพยานจึงไม่อาจกล่าวได้ว่า โจทก์และโจทก์ร่วมมีพยานหลักฐานเป็นอย่างไร และจำเลยจำนนต่อพยานหลักฐานเช่นว่านั้น คำรับสารภาพย่อมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ตามมาตรา 78 สมควรลดโทษให้จำเลย ที่ศาลชั้นต้นลดโทษให้จึงชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ร่วมข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

ส่วนที่โจทก์ร่วมอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยสถานหนัก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 โดยไม่เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นโทษกักขัง และจำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษจำคุก ลดโทษกักขังหรือเปลี่ยนโทษกักขังเป็นรอการกำหนดโทษจำคุกนั้น

ศาลเห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมาย ไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับบุคคลอื่น และผลกระทบต่อความเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรม เพราะเป็นช่องทางให้ผู้กระทำผิดไม่ต้องรับโทษ พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง ไม่มีเหตุสมควรที่จะเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทน หรือลดโทษหรือรอการกำหนดโทษให้แก่จำเลย แม้จำเลยไม่เคยกระทำผิดมาก่อน หรือมีภาระต้องอุปการะเลี้ยงดูบุคคลในครอบครัว หรือมีเหตุอื่น ๆ ตามที่จำเลยอุทธรณ์ ก็เป็นเหตุผลส่วนตัวไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะรับฟังเพื่อรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย อุทธรณ์ของโจทก์ร่วมฟังขึ้น ส่วนอุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น

ศาลอุทธรณ์ จึงพิพากษาแก้เป็นว่า ไม่เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นโทษกักขัง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ทั้งนี้ นายชาญศักดิ์ จำเลย จะต้องรับโทษจำคุก 1 เดือนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่จำเลยยังใช้สิทธิยื่นฎีกาได้ ซึ่งจำเลยได้ยื่นประกันตัวไปในชั้นฎีกา


กำลังโหลดความคิดเห็น