กองปราบปรามพบขบวนการจัดฉากเพื่อเอาประกันภัย ย้ายทะเบียนบ้านเปิดบัญชีใหม่สร้างความน่าเชื่อถือ ก่อนทำประกันภัยแล้วทิ้งช่วง 1-2 เดือน จัดฉากสร้างบาดแผลทั้งน้ำร้อนลวก ทั้งรถล้มแบบไม่มีคู่กรณี แล้วเบิกค่านอนโรงพยาบาล พบโดนไปแล้ว 16 บริษัท ความเสียหายรวมกว่า 20 ล้านบาท ตำรวจจับกุมได้แล้ว 15 ราย อีกรายติดโควิด ส่วนอีกรายยังหลบหนี
วันนี้ (28 ธ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม แถลงข่าวจับกุมขบวนการจัดฉากฉ้อโกงเพื่อเอาประกันภัย พฤติการณ์ของกลุ่มผู้กระทำความผิดก็คือ สืบเนื่องจากเมื่อต้นปี 2559 กองปราบปรามได้รับการสืบสวนเรื่องนี้ กระทั่งทราบพฤติการณ์ของกลุ่มผู้กระทำความผิดว่ามีการชักชวนบุคคลที่ต้องการเข้าร่วมขบวนการจัดฉากเพื่อเอาประกันภัย เมื่อมีคนสนใจ ทางกลุ่มจะโอนชื่อผู้สนใจเข้าไปยังทะเบียนบ้านของผู้กระทำผิด
จากนั้นจะทำหลักฐานสร้างความน่าเชื่อถือเพื่อเอาประกันภัย ไม่ว่าจะเป็นเบอร์โทรศัพท์ หมายเลขบัญชีธนาคาร บัตรเอทีเอ็ม จากนั้นไปขอทำประกันภัยตามบริษัทต่างๆ มีอยู่ 16 บริษัท จากนั้น 1-2 เดือนต่อมามีการจัดฉากสร้างบาดแผลเพื่อให้เกิดบาดแผล เช่น รถล้ม น้ำร้อนลวก จากนั้นก็เบิกค่ารักษาพยาบาลจากบริษัทประกันภัย มูลค่าความเสียหายที่พิจารณาไปแล้ว 14 ล้านบาท กำลังอยู่ในระหว่างพิจารณา 6 ล้านบาท รวม 20 ล้านบาท จากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน กองปราบปรามได้อนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหารวม 18 คน กระทั่งเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. จับกุมผู้ต้องหาได้ 18 คน
พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป. ระบุว่า คดีนี้ใช้เวลาในการสืบสวนพอสมควร เนื่องจากเป็นคดีที่รวบรวมพยานหลักฐานยากและสลับซับซ้อน สืบเนื่องจากกลุ่มบริษัทประกันภัย 16 บริษัท เข้าแจ้งความต่อกองปราบปรามว่า มีกลุ่มผู้เอาประกันโดนน้ำร้อนลวกทั้งหมด 13 ราย มีอยู่รายหนึ่งซึ่งเป็นภรรยา อ้างว่ารถจักรยานล้มเพื่อเบิกเงินเอาประกัน ทำให้บริษัทประกันภัยเกิดความสงสัย มอบคดีให้กองปราบปรามทำการสืบสวนเรื่อยมา จึงรู้รูปแบบการกระทำความผิดของคนร้าย
โดยจะมีหัวหน้าแก๊งคนหนึ่ง รวบรวมผู้ร่วมขบวนการหลายคน ชักชวนประชาชนที่มีรายได้น้อย ตกงาน ให้ร่วมทำประกันโดยจะได้ค่าจ้างเป็นเงินค่าบาดแผล เมื่อทำบาดแผลและเข้ารับการรักษาพยาบาล เช่น รายที่ถูกน้ำร้อนลวก เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 20 วัน ก็จะได้รับเงินค่านอนโรงพยาบาลคืนละ 3,000 บาท 20 คืนรวม 30,000 บาท หลังจากนั้นเมื่อชักชวนแล้วก็สร้างความเชื่อถือให้กับกลุ่มผู้เอาประกันที่มีรายได้น้อย ซึ่งจะมีเครือข่ายอีกคนหนึ่งประสานทำบัตรประชาชนใหม่ ย้ายเข้าคอนโดมิเนียมราคาถูก เปิดบัญชีธนาคารพร้อมบัตรเอทีเอ็มแล้วยึดไว้ที่หัวหน้าแก๊ง เมื่อสร้างตัวตนใหม่ขึ้นมาแล้วจึงยื่นเรื่องขอทำประกันหลายบริษัท มากที่สุด 10 บริษัท รวมบริษัทที่เสียหาย 16 บริษัท โดยแจ้งอาชีพและรายได้ที่เป็นเท็จ
หลังจากอนุมัติกรมธรรม์แล้วจะมีทีมงานเครือข่ายสร้างบาดแผล ไปทำบาดแผลให้ผู้เอาประกัน ที่หนักที่สุดคือโดนน้ำร้อนลวก โดยการต้มน้ำให้เดือดแล้วใส่แกงเผ็ดลงไป แกงเผ็ดทางภาคใต้จะแรงมาก แล้วเทลงบนขาของผู้เอาประกันภัย 13 ราย บางรายหนักถึงขั้นถูกอวัยวะเพศ เป็นบาดแผลติดตัว เสร็จแล้วก็จะมีคนนำส่งโรงพยาบาลเอกชนที่นอนรักษาตัวหลายคืนจะได้เบิกเงินค่าชดเชย แล้วจะได้ค่าจ้างเป็นค่านอนโรงพยาบาลคืนละ 3,000 บาท
หลังออกจากโรงพยาบาลแล้ว จะดำเนินการเบิกเงินค่าเคลมประกันจากบริษัทต่างๆ เป็นเงินสด ซึ่งทำแบบนี้เรื่อยมา กระทั่งรวบรวมพยานหลักฐานครบ พบเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ทั้งหมด 3 เครือข่ายใหญ่ ขออนุมัติศาลออกหมายจับ 19 หมายจับ มีผู้ต้องหารวม 18 คน ข้อหาซ่องโจรและร่วมกันฉ้อโกง บางรายที่ยังไม่ได้เงินประกันก็ตั้งข้อหาร่วมกันพยายามฉ้อโกง และข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ต่อมาวันที่ 27 ธ.ค. ได้ประสานกำลังตำรวจตรวจค้นทั่วประเทศ 15 จุด มีผู้ต้องหาที่จับกุมทั้งหมด 16 ราย ส่วนอีก 1 รายติดโควิดอยู่ในโรงพยาบาล ยังเหลืออีก 1 รายที่กำลังหลบหนี ระหว่างตรวจค้นผู้ต้องหาได้พกปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ 2 กระบอก และกระสุนจำนวนหนึ่ง นำส่ง สภ.สะเดา จ.สงขลาดำเนินคดีในข้อหาอาวุธปืน
เมื่อถามว่า กลุ่มผู้ต้องหาได้หาผู้ร่วมกระทำความผิดอย่างไร พ.ต.อ.พงศ์ปณต กล่าวว่า กลุ่มขบวนการเหล่านี้อยู่ในวงการประกันภัยมาตลอด บางคนก็เป็นตัวแทนประกันภัย บางคนก็ผันตัวเองไปทำแบบนี้ บางคนก็มีประวัติไม่ดีมาก่อน ถูกบริษัทยกเลิกใบอนุญาตมาก่อน เมื่อถามว่ามีมากกว่านี้หรือไม่ พ.ต.อ.พงศ์ปณตกล่าวว่า มีมากกว่านี้แน่นอน เพราะจากการตรวจค้นยังเจอโพยที่เขียนมาถึงปี 2563-2564 แต่ลักษณะอาจจะมีกรณีรถจักรยานยนต์ล้มเยอะกว่าน้ำร้อนลวก เพราะจะพิสูจน์ยากเพราะมีบาดแผลจริง รักษาจริง มักจะกล่าวอ้างว่าไม่มีคู่กรณี
เมื่อถามถึงการสร้างตัวตนของผู้เอาประกันภัยนั้น พ.ต.อ.พงศ์ปณตกล่าวว่า พบว่าคอนโดฯ ที่ย้ายเข้าอยู่เป็นของลูกหลานหัวหน้าเครือข่าย สมุดบัญชีก็เปิดใหม่ในชื่อตัวเอง บัตรประชาชนก็ทำขึ้นมาใหม่ ทำให้ดูมีความน่าเชื่อถือขึ้น ส่วนการหาผู้ร่วมขบวนการนั้น ในปี 2559-2561 จะหาผู้ร่วมขบวนการในพื้นที่ใกล้เคียง แต่เมื่อบริษัทประกันภัยเริ่มรู้ว่าจะเป็นการโกงก็เริ่มขยับพื้นที่ จากโพยที่ได้รับเมื่อวานนี้พบว่าเป็นพื้นที่ทางภาคกลาง และจังหวัดพิจิตร แต่คนที่กระทำความผิดอยู่ที่ภาคใต้ตอนล่าง