ทหารเรือเมากร่าง อ้างเป็นเพื่อนบิ๊กโจ๊กเกมแล้ว! ล่าสุดถูกตั้งกรรมการสอบ

โฆษกกองทัพเรือแจงแล้วกรณีมีชายเมากร่าง แถมอ้างตัวเป็นเพื่อนโจ๊ก เผยว่าชายรายดังกล่าวเป็นทหารเรือ ล่าสุด ต้นสังกัดตั้งกรรมการสอบสวนลงโทษทางวินัย เตรียมส่งตัวเข้ารับการธำรงวินัยแล้ว

จากกรณีพบชายอ้างตัวว่าเป็นเพื่อนผู้ช่วย ผบ.ตร. เมาสุราพูดจาดูหมิ่นตำรวจกลางร้านอาหารในอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ทั้งแจกของลับ ทั้งปาแก้วใส่ ขู่ว่าจะย้ายทั้งโรงพัก แม้ตำรวจจะใจเย็นบอก "เราข้าราชการเหมือนกัน" ก็ไม่นำพา ด้านผู้กำกับการโรงพักสัตหีบร่อนหนังสือถึงผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ ถามเป็นทหารจริงไหม ยศอะไร ถ้าจริงให้มาพบพนักงานสอบสวนด้วย

ล่าสุดวันนี้ (26 ธ.ค.) เพจ "โปลิศไทยแลนด์ - Police Thailand News" ได้รายงานความคืบหน้าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า "26 ธันวาคม 2564 พลเรือโท ปกครอง มนธาตุผลิน เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ในฐานะโฆษกกองทัพเรือ ชี้แจงข่าวกรณีสื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่คลิปเหตุการณ์ชายซึ่งอ้างตนว่าเป็นข้าราชการสังกัดกองทัพเรือ มีลักษณะอาการมึนเมาและพูดจาข่มขู่เจ้าหน้าที่ตำรวจขณะปฏิบัติหน้าที่ในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งว่า จากการตรวจสอบชายคนดังกล่าวเป็นข้าราชการสังกัดกองทัพเรือจริง โดยกองทัพเรือขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่สมควร

ทั้งนี้ พลเรือเอก สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้รับรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว พร้อมทั้งสั่งการให้หน่วยต้นสังกัดเรียกตัวนายทหารผู้ก่อเหตุเข้ารายงานตัวอย่างเร่งด่วน และให้เจ้าหน้าที่สารวัตรทหารเรือควบคุมตัวนายทหารคนดังกล่าวนำไปเข้ารับการธำรงวินัย ณ ศูนย์ธำรงวินัยกองทัพเรือ ต่อไป พร้อมดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงเพื่อลงโทษทางวินัยต่อไป

โฆษกกองทัพเรือเน้นย้ำว่ากองทัพเรือขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอโทษสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่กำลังพลของกองทัพเรือได้แสดงกิริยาวาจาที่ไม่สมควรและก้าวร้าวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงดูหมิ่นสำนักงานตำรวจแห่งชาติทำให้ได้รับความเสียหาย ผู้บัญชาการทหารเรือเน้นย้ำกำลังพลอยู่เสมอในการประพฤติและวางตนให้อยู่ในระเบียบวินัย เป็นที่พึ่งแก่ประชาชน ให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง ด้วยสติรู้ตัว ด้วยปัญญารู้คิด และด้วยสุจริตจริงใจ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมยิ่งกว่าส่วนอื่น โดยกองทัพเรือขอยืนยันว่าหากปรากฏว่าผลการสอบสวนเป็นการกระทำผิดก็จะไม่ปกป้องผู้กระทำผิดโดยเด็ดขาด และจะดำเนินการทางวินัยเพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป"