สภาถกรายงาน สสส. ปี 63 ชมขับเคลื่อนงานสร้างเสริมสุขภาพทันสถานการณ์โควิด ผลประเมิน “ธรรมาภิบาล-ความโปร่งใส” ดีเยี่ยม แนะ บูรณาการ ตร.-สธ. แก้ปัญหาล่วงละเมิด สร้างสังคมปลอดความรุนแรง ต้องเดินหน้างานสุขภาวะ LGBTIQN+ ชงออกแบบกิจกรรมทางกายเหมาะสมชุมชนครอบคลุมทุกพื้นที่
เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ที่ผ่านมา ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณารายงานประจำปี 2563 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ. 2544 โดยมี ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุน สสส. เป็นผู้ชี้แจง โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ร่วมอภิปรายและเสนอแนวทางการทำงานเรื่องการสร้างเสริมสุขภาพให้ สสส. จำนวนมาก
ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ชื่นชมการทำงานยุติความรุนแรงในผู้หญิง และตัดตอนการล่วงละเมิดทางเพศ งานพัฒนาระบบรายงานข้อมูลจุดเสี่ยงการคุกคามทางเพศในพื้นที่ กทม. ผ่านโปรแกรม Chat bot ที่ช่วยสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังทางออนไลน์ ถือเป็นการทำงานเชิงรุกกระตุ้นไม่ให้สังคมเพิกเฉยต่อความรุนแรง สสส.ต้องขับเคลื่อนงานร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ทั้ง กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อจุดประกายให้เกิดค่านิยมไร้ความรุนแรง 100 เปอร์เซ็นต์
นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า สุขภาวะของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศเป็นประเด็นที่ สสส. ต้องให้ความสำคัญ ขอชื่นชมการทำงานของ สสส. โดยเฉพาะการขับเคลื่อนงานยุทธศาสตร์สุขภาวะกลุ่ม LGBTIQN+ ที่สะท้อนการทำงานเชิงรุกในการสร้างความเป็นธรรมทางสุขภาพ ให้กับผู้มีความหลากหลายทางเพศชัดเจน เสนอให้ สสส. ขับเคลื่อนงานต่อไป ดังนี้ 1. ขับเคลื่อนให้เกิดการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ 2. พัฒนาฐานข้อมูลประชากรกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศให้เข้าถึงระบบริการสุขภาพ 3. สร้างระบบสุขภาพให้ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศเข้าถึงคลินิก LGBTIQN+ 4. สร้างเครือข่ายผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศให้มากขึ้น 5. พัฒนาศักยภาพเยาวชนที่มีความหลากหลายทางเพศให้มีความรู้เรื่องการดูแลสุขภาวะที่ถูกต้อง
นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่ สสส. ได้รับรางวัลเนลสัน แมนเดลา ด้านการสร้างเสริมสุขภาพ แสดงให้เห็นถึงการทำงานที่โดดเด่นหลายด้าน สสส. ยังเป็นองค์กรที่น่าชื่นชมในด้านการตรวจสอบและประเมินผลอย่างเป็นระบบ ได้รับการประเมินในระดับสูง 4.92 จากคะแนนเต็ม 5 ทั้งยังมีจัดสรรคัดเลือกผู้รับทุนอย่างเข้มข้น เน้นทำงานแบบบูรณาการกับหน่วยงานต่างๆ เมื่อมีสถานการณ์โควิด-19 ก็ได้สนับสนุนอย่างรวดเร็ว มีส่วนสร้างระบบดูแลผู้ป่วยและชุมชนที่ได้รับผลกระทบ และพัฒนาระบบแพทย์ทางไกล Tele medicine เข้าไปช่วยสอบสวนโรค ติดตามอาการทำให้ได้รับการดูแลใกล้ชิด ถือเป็นบทบาทสำคัญในการทำงานอย่างทันทุกสถานการณ์ และครอบคลุมทุกมิติด้านการสร้างเสริมสุขภาพ
ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ ส.ส.แบบแบ่งเขตพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า สสส. มีระบบการติดตามประเมินผลที่ดี ทำงานครอบคลุมทุกพื้นที่ เป็นต้นแบบที่ดีให้กับหน่วยงานอื่นเห็นได้จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ สสส. ทำงานเชิงรุกและมีส่วนทำให้คนไทยผ่านพ้นวิกฤตไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยประเด็นที่ขอชื่นชมคือการณรงค์ให้กินผักผลไม้ที่พบประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป บริโภคมากขึ้น แต่ขอให้ สสส. ขับเคลื่อนงานที่ส่งผลดีต่อสุขภาพคนไทยต่อไป ดังนี้ 1. งานเกษตรกรภายใต้โครงการอาหารปลอดภัยทุกพื้นที่ 2. เพิ่มการณรงค์ให้ชุมชนท้องถิ่นมีกิจกรรมทางกายที่เหมาะสมกับท้องถิ่น 3. ทำงานบูรณาการกิจกรรมทางกายร่วมกับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข 4. เพิ่มพื้นที่สุขภาวะ Happy Work Place ในที่ทำงานตามชุมชนท้องถิ่น เพื่อลดพฤติกรรมเนือยนิ่งและพฤติกรรมเสี่ยงสุขภาวะไม่ดีในพื้นที่ต่างจังหวัด