นายศรีสุวรรณ จรรยา โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว แซะอดีตพระมหาไพรวัลย์ที่เพิ่งสึกออกมาเป็นทิดสดๆ ร้อนๆ ขอให้สนุกกับการใช้ทรัพย์สินที่สะสมตลอดเพศบรรพชิต และให้รอดพ้นปลอดภัยจากภัยที่เกิดจากคำพูด รอดู "ไพรวัลย์" จะตอบโต้กลับมาอย่างไร หลังไม่มีผ้าเหลืองให้ต้องเกรงใจ
จากกรณี “ไพรวัลย์ วรวัณโณ” หรือพระมหาไพรวัลย์ วรวัณโณ พระลูกวัดวัดสร้อยทอง กรุงเทพมหานคร ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า “ขอบคุณพระศาสนาที่มอบทุกอย่างให้แก่เด็กบ้านนอกคนหนึ่งคนนี้ตลอดเวลา 18 ปีที่ผ่านมา ขอบคุณข้าวน้ำจากศรัทธาของญาติโยม” สื่อในทำนองว่าเตรียมตัวลาสิกขา และต่อมาได้มีการตอบกลับ ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน นักเทคนิคการแพทย์ชื่อดัง หรือ “หมอแล็บแพนด้า” ที่ถามพระมหาไพรวัลย์ไปว่า “จะสึกแล้วเหรอครับ” โดยพระมหาไพรวัลย์ตอบกลับมาว่า “ใช่ พี่หมอ” จึงเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าพระมหาไพรวัลย์เตรียมตัวลาสิกขาในเร็ววันนี้เป็นที่แน่นอนแล้ว โดยมีการคาดการณ์ว่า “พระมหาไพรวัลย์” จะสึกในวันที่ 4 ธ.ค.
อย่างไรก็ตาม วันนี้ (3 ธ.ค.) เพจ “ไพรวัลย์ วรวัณโณ” ได้โพสต์ภาพลาสิกขา ของอดีตพระมหาไพรวัลย์ ได้เผยภาพบรรยากาศของการสึก และพระมหาไพรวัลย์ได้เปลี่ยนเป็นเสื้อขาว สวมโสร่ง พร้อมโพสต์ภาพยิ้มอรุ่มเจ๊าะ พร้อมกับเข้าเยี่ยมมารดาที่โรงพยาบาล พร้อมถ่ายภาพ มารดาเขียนว่า “แม่เตรียมจะผ่าตัดแล้ว อยากจะกอดก็ยังกอดไม่ได้” ซึ่งเป็นภารกิจแรกในวันนี้
อย่างไรก็ตาม ในวันเดียวกันนี้ เฟซบุ๊ก ศรีสุวรรณ จรรยา ของนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ออกมาโพสต์ข้อความแซะอดีต พส.ไพรวัลย์ หลังสึกออกมาว่า
"ขออวยพรให้ ‘ไอ้ทิด’ สนุกสนานกับการใช้ทรัพย์ศฤงคารที่สะสมตลอดเพศบรรพชิต และให้รอดพ้นปลอดภัยจากโอษฐภัยทั้งปวง"
ทั้งนี้ พบว่าก่อนหน้านี้นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์ลงเฟซบุ๊กเกี่ยวกับการลาสิกขาของพระสงฆ์ ระบุว่า ทรัพย์สินของ พส.ที่ได้มาในขณะอยู่ในสมณเพศต้องตกเป็นของวัด เมื่อพระรูปนั้นลาสิกขา เว้นแต่จำหน่ายจ่ายโอนไปก่อนที่จะสละสมณเพศ
พร้อมยกรายละเอียดใจความว่า ทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างเป็นพระภิกษุ เป็นทรัพย์สินที่ศรัทธาญาติโยมถวายให้ในฐานะผู้สืบทอดพระพุทธศาสนา ทรัพย์สินเหล่านั้นมิได้ถวายเป็นของส่วนตัวของพระภิกษุ ดังนั้น จึงถือว่าทรัพย์สินเหล่านั้นมิใช่ของพระภิกษุ แต่เป็นของวัด กฎหมายถือว่าเป็นของที่ให้เพื่อทำบุญในพระพุทธศาสนา ไม่ได้ให้แก่พระภิกษุเป็นการส่วนตัว เพราะถ้าไม่ใช่เป็นพระภิกษุ ก็จะไม่มีคนทำบุญให้ หรือดังที่มีผู้ตั้งคำถามว่า "ถ้าไม่บวชจะได้มาหรือ" จนกลายเป็นประเด็นถกเถียงในโลกโซเชียล