"ท็อปนิวส์" ออกประกาศกราบขออภัย “พระมหาไพรวัลย์” จากการรายงานข่าวคลาดเคลื่อน กล่าวหาบวช 18 ปีรวยหลายร้อยล้าน ยอมรับผิดและจะใช้ความระมัดระวังในการนำเสนอข่าวสารให้มากกว่านี้
จากกรณีข่าวของ “TOP NEWS” ระบุว่า พระมหาไพรวัลย์ วรวัณโณ พระลูกวัดวัดสร้อยทอง กรุงเทพมหานคร บวช 18 ปีมีเงินเก็บมากถึง 315 ล้านบาท
กระทั่งพระมหาไพรวัลย์ต้องขู่ฟ้องว่า “หลังอาตมาสึก ทนายท่านไหนอยากได้เงินไว้เลี้ยงชีพ อาตมาจะมอบอำนาจให้นะ อาตมาจะฟ้อง เงินที่ได้จากการฟ้องจากสื่อขยะอาตมาจะไม่เอาสักบาท อาตมาจะมอบให้ทนายท่านนั้น”
ล่าสุด พระมหาไพรวัลย์โพสต์ภาพการแชตที่นักข่าวท็อปนิวส์ขอโทษเข้ามา บอกจะลบข่าวให้ ยอมรับผิดที่เอาข้อมูลที่มีคนโพสต์มาเขียนข่าวโดยที่ไม่ได้ตรวจสอบให้ดีก่อน
ทางด้านพระมหาไพรวัลย์ระบุว่า “จะชอบจะชังอาตมาไม่ว่า แต่อย่าทำร้ายกันด้วยความเท็จที่ไม่จริงเลย อย่าเป็นเหยื่อของความเกลียดชัง อย่าเป็นเหยื่อของความอคติ อย่าทำร้ายใครเพียงเพราะเขาเห็นตรงกันข้ามกับเรา อาตมาจะรอการขอโทษอย่างเป็นทางการนะ แล้วอาตมาจะยุติการดำเนินคดี”
อ่านข่าวประกอบ - นักข่าวท็อปนิวส์ขอโทษ “พระมหาไพรวัลย์” หลังขู่ฟ้องกล่าวหาบวช 18 ปีรวยร้อยล้าน
ล่าสุดวันนี้ (30 พ.ย.) กองบรรณาธิการข่าวออนไลน์ ท็อปนิวส์ ออกหนังสือขอโทษไปถึง "พระมหาไพรวัลย์" โดยได้ระบุข้อความว่า
"จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ประจำกองบรรณาธิการข่าวออนไลน์ ท็อปนิวส์ ทีมข่าวเด่น ได้นำเสนอรายงานข่าว หัวข้อเรื่อง “รวยขนาดนี้ใช้ยังไงหมด!! พระมหาไพรวัลย์ บวช 18 ปี อู้ฟู่หลายร้อยล้าน!! ด้านพระมหาสมปองเตรียมมอบเวสป้าเป็นของขวัญวันสึก เผยแพร่ทาง Facebook TOPNEWS เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 เวลา 17.45 น. ซึ่งข่าวดังกล่าวยังไม่ได้มีการนำเสนอผ่านสื่อทีวี และช่องทางอื่นแต่อย่างใด
หลังจากได้รับข้อมูลที่ถูกต้องแล้ว ทางกองบรรณาธิการออนไลน์ได้ดำเนินการแก้ไข โดยการลบข่าวดังกล่าวออกจากระบบในทันที
จากนั้นได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ได้ติดต่อไปที่พระมหาไพรวัลย์ทางกล่องข้อความในทันที ซึ่งได้รับการตอบกลับจากพระมหาไพรวัลย์ว่า “ให้ดำเนินการแก้ข่าวให้อาตมา แล้วอาตมาจะยกโทษให้” ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้ทางกองบรรณาธิการข่าวออนไลน์จึงขอใช้พื้นที่นี้ในการอธิบายว่า เรื่องดังกล่าวไม่ตรงกับความเป็นจริง มีความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ในการนำเสนอข่าว จึงกราบขออภัยพระมหาไพรวัลย์มา ณ โอกาสนี้
ทางกองบรรณาธิการข่าวออนไลน์จะพึงใช้ความระมัดระวังในการนำเสนอข่าวสารให้มากกว่านี้ และยังคงยืนยันยึดมั่นในมาตรฐานจริยธรรมในการดำเนินข่าวต่อไป"
