ไลน์ว่อนตำรวจ ครูฝึกนักเรียนนายสิบตำรวจ ภ.6 เสียชีวิตแล้วเมื่อเช้านี้ (28 พ.ย.) หลังฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็มแรกแล้วป่วย ก่อนตรวจพบมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเมื่อ 6 เดือนก่อน ขณะที่ครอบครัวยื่นเรื่องไปที่ สปสช.ได้มาเพียง 2 หมื่นบาท
วันนี้ (28 พ.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า เฟซบุ๊ก "พระจันทร์ ลายกระต่าย" โพสต์ข้อความระบุว่า "เรียน ผู้บังคับบัญชาและเพื่อนข้าราชการตำรวจทราบ ได้รับแจ้ง คุณอรณีย์ ผูกพันธ์ ว่า ร.ต.อ.ณรงค์ชัย ผูกพันธ์ สามีได้เสียชีวิตแล้วเมื่อเวลาประมาณ 08.30 น. ของวันอาทิตย์ที่ 28 พ.ย. 2564 จะตั้งศพไว้วัดไหนเพื่อฌาปนกิจทางญาติจะแจ้งให้ทราบอีกทีครับ" จากการตรวจสอบของผู้สื่อข่าวพบว่ามีข้อความดังกล่าวส่งต่อไปยังไลน์กลุ่มของตำรวจจริง
อ่านโพสต์ต้นฉบับ คลิกที่นี่
สำหรับ ร.ต.อ.ณรงค์ชัย ผูกพันธ์ อายุ 59 ปี ผู้บังคับหมวด (สัญญาบัตร 1) ซึ่งเป็นครูฝึกนักเรียนนายสิบตำรวจกองร้อยที่ 3 ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 6 จ.นครสวรรค์ ฉีดวัคซีนเข็มแรกเป็นยี่ห้อซิโนแวค ที่โรงพยาบาลส่งสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ 3 (แม่และเด็ก) อ.เมืองนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา หรือเมื่อ 6 เดือนก่อน หลังฉีดวัคซีน 3-4 วัน เจ็บป่วยเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศรีสวรรค์ หลังจากรักษาแล้วยังพบว่ามีไข้ อ่อนเพลีย ไม่ดีขึ้น ไม่สามารถตรวจหาสาเหตุได้ ต่อมาครอบครัว ร.ต.อ.ณรงค์ชัยนำตัวส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ วินิจฉัยและตรวจพบมะเร็งต่อมน้ำเหลือง และพักรักษาตัวมาถึงปัจจุบัน
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า พ.ต.ท.เอกพงษ์ ผูกพันธ์ รองผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ ลูกชาย ร.ต.อ.ณรงค์ชัย เปิดเผยว่า ครอบครัวเชื่อว่าเกิดจากการฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็มแรก เพราะหลังรับวัคซีนมีไข้และอ่อนเพลีย จากนั้นมีปัสสาวะสีแดง ไปหาหมอพบว่าเป็นนิ่วในถุงน้ำดี ผ่าตัดเรียบร้อยกลับมาพักที่บ้านนครสรรค์ แต่มีไข้ทุกวัน อาการไม่ดีขึ้น จึงย้ายมารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ พบว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเมื่อเดือน มิ.ย. และเมื่อตรวจไขกระดูกพบเชื้อไวรัสอีวีวี อาการทรุดลงเรื่อยๆ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ รู้สึกตัว คุยรู้เรื่อง หมอต้องให้เคมีเพื่อจะฆ่าเซลล์มะเร็ง เชื่อว่าเป็นผลมาจากวัคซีนซิโนแวค อาจจะไปกระตุ้นตัวไวรัสขึ้นมา
ที่ผ่านมาครอบครัวได้ไปยื่นเรื่องพร้อมหลักฐานว่าเป็นผลกระทบจากวัคซีนที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จังหวัดนครสวรรค์ แต่ได้รับการปฏิเสธ กระทั่งอุทธรณ์การพิจารณาคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือ พร้อมยื่นเรื่องมาที่ส่วนกลางจึงเข้าเกณฑ์การช่วยเหลือ วินิจฉัยให้ช่วยเหลือเบื้องต้น 2 หมื่นบาท แต่ค่าใช้จ่ายในการรักษาสูงถึง 6-7 ล้านบาท เพราะยังมียานอกบัญชีเวชภัณฑ์ที่เบิกไม่ได้ และประกันสุขภาพที่มีอยู่หมดวงเงินแล้ว ที่ผ่านมาได้เปิดรับบริจาคเกล็ดเลือด ซึ่งมีตำรวจที่เป็นลูกศิษย์บริจาคให้เรื่อยๆ แต่ยังขาดอยู่
