ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก เผยไทยอยู่ในวิกฤตเริ่มขาดแคลนเลือด ยืนยันผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วไม่ว่าจะเป็นวัคซีนโควิด-19 ชนิดไหนก็ตาม หรือวัคซีนอื่นๆ เช่นไข้หวัดใหญ่ สามารถบริจาคโลหิตได้แน่นอน
วันนี้ (28 พ.ย.) เฟซบุ๊ก "Yong Poovorawan" ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ “โควิด-19 วัคซีน กับการบริจาคโลหิต” ระบุว่า จากกรณีที่มีการแชร์ในสื่อสังคมออนไลน์วิกฤตเริ่มขาดแคลนเลือด แต่เนื่องจากเลือดของผู้บริจาคที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 มีสีดำคล้ำ ไม่สามารถนำไปใช้รักษาผู้ป่วยได้ ทำให้ผู้บริจาคโลหิตและประชาชนเกิดความเข้าใจผิด และความกังวล ส่งผลกระทบต่อโรงพยาบาลที่ต้องใช้โลหิตในการรักษาผู้ป่วยเป็นอย่างมาก
ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วไม่ว่าจะเป็นวัคซีนโควิด-19 ชนิดไหนก็ตาม หรือวัคซีนอื่นๆ เช่นไข้หวัดใหญ่ สามารถบริจาคโลหิตได้แน่นอน ที่บอกว่าโลหิตเป็นสีดำคล้ำก็ไม่เป็นความจริง การบริจาคโลหิตจะใช้เลือดจากหลอดโลหิตดำ สีจะคล้ำกว่าเลือดจากหลอดโลหิตแดง เพราะปริมาณออกซิเจนในเลือดของเลือดที่มาจากโลหิตแดงมีมากกว่าก็จะทำให้เลือดสีแดงกว่าเลือดที่มาจากหลอดเลือดดำ
แต่ก็ไม่ได้ดำคล้ำแบบที่เป็นข่าว
ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว ถึงแม้จะเป็นโควิด-19 หรือวัคซีนอื่นใด สามารถบริจาคได้หลังจากได้รับวัคซีนแล้ว 7 วัน ที่กำหนดไว้ 7 วันเพราะหลังให้วัคซีนบางคนอาจจะมีอาการข้างเคียง เช่น มีไข้ ปวดเมื่อย ปวดศีรษะ เพียงแต่รอให้หาย สบายดีก็สามารถบริจาคได้ ถ้ายังไม่หายอาจจะช้าไปหน่อยก็ไม่เป็นไร เมื่อพร้อมสามารถบริจาคได้ทันที ไม่ได้มีข้อห้ามแต่อย่างใด
ผู้ที่บริจาคเลือดแล้วก็เช่นเดียวกัน ยังไม่ควรที่จะไปฉีดวัคซีนในวันที่บริจาคเลือด รอวันรุ่งขึ้นที่ร่างกายพร้อมแล้วก็ไปฉีดวัคซีนได้เลย หรือถ้าเพลียมากก็เว้นอีกสัก 1 วันก็ได้ ไม่ได้มีข้อห้ามอย่างใด
ขณะนี้ทางศูนย์บริการโลหิตมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เลือดเป็นจำนวนมาก การมีข่าวดังกล่าวจะทำให้คนเข้าใจผิด ไม่ไปบริจาคโลหิต โดยเฉพาะในช่วงรณรงค์การฉีดวัคซีนเป็นจำนวนมาก อย่างในสัปดาห์ที่จะมาถึงนี้
ขอยืนยันว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนอะไร สามารถบริจาคโลหิตได้ที่ร่างกายสบายดี ผ่านพ้นระยะเวลาที่สังเกตอาการว่าจะมีอาการแพ้วัคซีนหรือไม่ ถ้าจะสบายใจก็ประมาณ 1 สัปดาห์ และที่ว่าเลือดเป็นสีดำคล้ำก็ไม่เป็นความจริง กรุณาอย่าแพร่ข่าวไม่จริงออกไป จะมีผลต่อผู้ป่วยจำนวนมากที่กำลังรอรับโลหิตอยู่"
คลิกโพสต์ต้นฉบับ