กว่า 20 แมตช์ที่พวกเธอจะต้องฝ่าฟันในการแข่งขันแบบไม่รู้ชะตากรรมกับผู้ท้าชิงสาวที่ล้วนต่างก็มีความฝันเหมือนกัน สมาชิกชั่วคราวบางคนต้องสูญเสียเพื่อนร่วมวงที่พ่ายแพ้จนออกจากรายการตามกติกา และต้องปรับอารมณ์ยอมรับกับเพื่อนใหม่ที่เข้ามาแบบไม่คาดคิดในการต่อสู้ชิงตำแหน่งแบบ "เซอร์ไวเวอร์ ออดิชั่น"จนสุดท้ายจึงได้ 7 สาวที่แกร่งที่สุด ทั้งความสามารถและการพิชิตใจกรรมการ ทั้ง "ต้นน้ำ – บัณฑิฏา สันตยารมณ์" , "ม่านมุก – ชดาธาร ด่านกุล" , "มีมี่ – พิมพ์มาดา ตั้งสี" , "รันม่า – แทนทยา ชิชิดะ" , "ซีโมน – ปุณณาสา ต้นวิชา" , "เก๋ – พรรณิภา วงษาชัย" และ "ไฮเวย์ – ศิรประภา แสงพันตาพานิช" คือผู้ที่สามารถยืนอยู่บนตำแหน่งได้จนเทปสุดท้าย และได้รางวัลตอบแทนด้วยการเป็น"สมาชิกตัวจริง" ของ "ลาสต์ ไอดอล ไทยแลนด์" (Last Idol Thailand)
"รู้สึกว่า ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ ไม่คิดว่าตัวเองจะชนะเลิศตอนนั้น แต่ว่ามั่นใจในตัวเองมาก แต่ตอนนี้ก็ดีใจมาก และภูมิใจในตัวเองมากๆ เลย แล้วก็ภูมิใจกับทุกคนแลย ที่ได้มาอยู่ด้วยกัน จนได้เป็นตัวจริง ก็รู้สึกว่า เราก็ผ่านอะไรมาเยอะมากเลยเนอะ ดีใจมาก (ทั้งวงปรบมือ)"
"ไฮเวย์ ศิรประภา" สาวน้อยผู้ชนะสมาชิกชั่วคราวจนสามารถมาแทนที่ในตำแหน่งหมายเลข 7 ได้สำเร็จ บอกกับ "ผู้จัดการออนไลน์" ถึงความรู้สึกของเธอและเพื่อนๆ แน่นอนว่า เธอคือ 1 ใน 3 คน ต่อจาก "รันม่า แทนทยา" และ "มีมี่ พิมพ์มาดา" ที่เป็นผู้ท้าชิงแล้วเอาชนะผู้ที่เคยยืนจองสถานะสมาชิกของวงได้สำเร็จ
แล้วอะไรเป็นเหตุให้เธอทั้ง 3 ก้าวเข้ามาสู่เวทีนี้?
ไฮเวย์ ศิรประภา : ที่หนูอยากจะมาเป็นไอดอล ก็คือ หนูมีไอดอลเป็นของตัวเอง ก็ได้เห็นเขาเต้นบนเวที ได้เห็นเขาร้องเพลงบนเวทีอย่างงี้ แล้วก็มีแฟนคลับมาโยกย้ายส่ายเอว หรือมาเชียร์อย่างงี้ แล้วเรารู้สึกว่า หนูก็อยากเป็นอย่างเขาด้วย อยากให้แฟนคลับมาโบกมือเชียร์แท่งไฟอะไรซักอย่าง รู้สึกว่าการเป็นไอดอลมันเป็นความฝันของหนู แบบความฝันของหนูจริงๆ เลยค่ะ แต่ตอนนี้ก็ทำมาได้ ก็รู้สึกว่า โอเคในตัวเอง
รันม่า แทนทยา : ก็จุดเริ่มต้นแรกของหนู ที่อยากจะมีความคิดที่จะมาเป็นไอดอลก็เพราะว่า หนูดูอนิเมะเรื่องนึง เป็นอนิเมะเกี่ยวกับไอดอลเหมือนกัน คือหนูรู้สึกเข้าถึงมาก เข้าถึงกับความพยายามของเขา กับแสงสีเสียง กับเสียงเชียร์ กับหยาดเหงื่อ หรือว่าอะไรก็ตามที่เขาทำในนั้น แล้วหนูรู้สึกว่าอยากจะเป็นในวินาทีนั้นเลย หนูก็เก็บความรู้สึกนั้นมาเรื่อยๆ แต่ก็เคยออดิชั่นมาบ้าง จนสุดท้ายได้มาที่นี่ คือหนูรู้สึกว่า พอได้เห็นกฎกติกาของที่นี่เนี่ย หนูรู้สึกว่ามันเร้าใจมาก เหมือนกับมันเป็นอะไรที่แปลกใหม่มาก มันไม่ใช่แค่การออดิชั่นธรรมดา แต่หนูรู้สึกว่ามันตื่นเต้น ก็เลยชอบเลยค่ะ ก้เลยตัดสินมาที่นี่
มีมี่ พิมพ์มาดา : ที่หนูอยากเป็นไอดอลก็เพราะว่า แรกเริ่มเดิมทีตั้งแต่เด็ก หนูชอบร้อง ชอบเต้นมากเลยแต่ว่าพอโตขึ้นมาเรื่อยๆ มันก็เป็นอะไรที่เก็บเอาไว้ ไม่ได้เอามันออกมาให้ใครได้รู้กัน แต่ว่า พอมาถึงจุดๆ นึง ตอนที่หนูมีโอกาสชอบไอดอลคนหนึ่ง ก็รู้สึกว่า เขาก็ให้อะไรเราเยอะเหมือนกันนะ เขาก็เป็นความสุขให้กับเราได้ แล้วก็เป็นคนที่ทำให้เรารู้สึกสบายใจได้ หนูก็เลยรู้สึกว่า มันก็มีความคิดที่อยากเข้าใจว่า งว่าเขาอยู่จุดๆ นั้น เขามีความรู้สึกยังไงบ้าง หนูก็เลยลองไปออดิชั่นที่นึงดู แล้วก็มันก้ติดใจกับการออดิชั่น แต่มันก็ไม่ติด จนผ่านมาปีนึง หนูก็ไปค้นหาดู จนมาเจอ last idol Thailand เราก็ลองดูหน่อยแล้วกัน เผื่อว่าเป็นโอกาสของเราก็ได้ และได้ติดเป็นผู้ท้าชิง
ความโหดของรายการตั้งแต่เทปแรก!
ม่านมุก ชดาธาร : บอกเลยนะว่า เราเปิดตัวไปตอนเดือนธันวาคมใช่มั้ย ก็ซ้อมด้วยกันเป็น 7 สมาชิกชั่วคราวเดิม เป็นระยะเวลาที่นานมากๆ แล้วก็มีโอกาสที่ได้ไปเดินสาย คือเราทำความรู้จักมามากๆ แล้ว จนสนิทเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วใช่มั้ย พออีพีแรก มาเลย ก็คือ ตอนที่ "มีมี่" มาท้า "ขนมหวาน - ศุจินทรา โพธิ์สม" (สมาชิกชั่วคราว) ตอนนั้นพวกเราเอง ไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อนว่า ทุกอย่างจะเกิดขึ้นได้รวดเร็วขนาดนี้ คือเราเคยคิดไว้แหละว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น อาจจะต้องสูญเสียใครบางคนไป แต่ว่าไม่คิดว่าจะเป็นอีพีแรกจริงๆ
"ตอนนั้นทุกคนก็ตกใจมาก และเข้าใจเลยว่า รายการนี้ที่เราคิดว่ามันโหดร้าย มันโหดร้ายจริงๆ แล้วคือมันโหดร้ายมากๆ เพราะว่าเราไม่ทันได้เตรียมใจ แล้วก็เหมือนกับ ไม่ทันและไม่รู้จะรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้า ตรงนั้นยังไงด้วย"
ต้นน้ำ บัณฑิฏา : ก็ตื่นเต้นมากเลย แต่ว่า ด้วยความที่มันเป็นครั้งแรก เราก็ไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ว่าผู้ท้าชิงเป็นยังไง เขามาจากไหน หรืออะไรยังไง มันเป็นความรู้สึก ครั้งแรก ครั้งใหม่ เป็นการเปิดประสบการณ์ที่เรียกว่าไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่ เพราะว่า จู่ๆ ก็เศร้า คือมันเป็นแบบดีใจนะ ที่เราได้เริ่มถ่ายแล้ว เพราะว่ามันก็เลื่อนมานานมาก กว่าที่เราจะได้เริ่มถ่ายซะที แบบเราได้เริ่มถ่ายแล้วนะ แต่พอเริ่มถ่ายปุ๊บ ความโชคร้ายมันก็เข้ามาเลย มันก็เป็นความรู้สึกที่หงอยๆ เหมือนกัน อุตส่าห์ดีใจที่ได้เริ่มถ่าย แต่ตอนนั้น ก็เสียบรรยากาศนิดหน่อย แต่ก็พยายามฮึบตัวเองขึ้นมา
ม่านมุก ชดาธาร : ใช่ แต่ว่า อย่างที่ "น้าเน้ก" (เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ดำเนินรายการ) บอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้น มันมีเหตุผลเสมอ แล้วก็ดีงามเสมอ แต่ว่ามีน้องๆ ที่เข้ามาใหม่ มาเป็นครอบครัวเดียวกันอีกทีนึง ก็รู้สึกว่าดีใจ
เก๋ พรรณิภา : ในวันแรกที่พวกเราไปถึงสตูดิโอใช่มั้ย ก็แบบแต่งหน้าทำผมไป แต่วันนั้นเก๋จะบอกว่า เป็นวันที่ทุกคนตื่นตัวแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว ว่าผู้ท้าชิงมาท้า ร้องเพลงเล่นกันสนุกสนานเจี๊ยวจ๊าวมากเลย แต่พอขึ้นไปบนเวทีแค่นั้นแหละ ‘เฮ้ย ใครจะมาท้าคนแรกอ่ะ’ ตอนนี้แหละแบบว่า การทายดวงเริ่มเกิดขึ้นแบบ ‘วันนี้นะ คนนี้ต้องโดนแน่ๆ เลย’ แล้วก็มาเริ่มทายกัน แล้ววันนั้น "ขนมหวาน" ร้องไห้ด้วย แบบ ‘พี่ หนูโดนแน่ๆ เลย’ เราก็แบบ ‘มันไม่ตรงขนาดนั้นหรอก’ พอขึ้นไปปุ๊บ ผู้ท้าชิงเดินออกมา คือไม่รู้นะว่าทุกคนคิดยังไง แต่สำหรับเก๋ ‘เอาแล้ว ต้องเราแน่ๆ’
"คือเก๋คิดทุกแมตซ์เลยว่า คนนี้ต้องมาท้าเก๋แน่ๆ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ไม่ว่าจะท้าเก๋ไปแล้ว หรือว่าคนต่อไป ก็ต้องเป็นเก๋แน่ๆ คือแบบกลัวหน้าเกร็งไปหมดเลย เครียด แต่พอเป็นคขนมหวาน ก็โอเค สบายใจ ไม่ใช่เรา (หัวเราะเบาๆ) แต่ก็เป็นห่วงน้อง ให้น้องสู้ๆ นะ แต่พอกรรมการประกาศว่าเป็นชื่อพี่มีมี่ ก็เสียใจ เพราะแบบว่า เก๋ก็สนิทกับขนมหวานอยู่เหมือนกัน น้องก็เป็นคนอีสาน ก็มาพูดอีสานใส่กันบ้าง พอขนมหวานเดินออกไป ก็รู้สึกว่า ‘ที่ตรงนี้จะมีคนมายืนต่อแล้วเหรอ’ เราก็ต้องยอมรับความจริง แล้วก็อยากจะบอกขนมหวานว่า สู้ๆ ต่อไปนะ ซักวันเราคงได้เจอกันอีก"
ซีโมน ปุณณาสา : ก็เหมือนที่ทุกคนพูดละ แบบมาวันแรก เราก็ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลย แล้วก็เหมือนกับตอนแรกที่ก่อนจะถ่าย หนูก็รู้สึกแบบ ‘มันน่ากลัว แต่ก็คงไม่น่ากลัวขนาดนั้นหรอก’ แต่แมตซ์แรกที่เปิดมาก็ปลงเลย หนูเชื่อว่าทุกๆ คนในนั้นปลง และเข้าใจระบบรายการมากขึ้น อาจจะเข้าใจจาก 100 สู่ 200% ไปเลย ว่ามันเป็นแบบนี้นี่เอง แล้วสุดท้าย เหมือนกับเวลาเปิดในวันแรก เราก็ต้องมีเพื่อนใหม่ในวันนั้นเลย เราก็ต้องเกิดการ ต้องยอมรับความจริงด้วย แล้วเราก็เข้าไปในห้องที่ต้องบล้อกกิ้งด้วย จากตั้งแต่วันนั้นมาจนมาวันนี้ หนูก็ไม่ค่อยชอบห้องนั้น เพราะเวลาที่จะเข้าไปในห้องนั้น ก็จะเกิดการสูญเสียใครบางคนไป
ตอนนั้นแบบ มีใครแว่บแรกว่าทำไมกรรมการถึงให้ "มีมี่" ชนะ?
เก๋ พรรณิภา : รู้สึกนะ ตอนแรกเก๋ยังยอมรับความจริงไม่ได้หรอก ขนาดเก๋เดินเข้าไปในห้องพัก ก็จะคิดแบบ ‘ทำไมพี่เขาใจร้ายจัง’ ‘ทำไมต้องทำกับขนมหวานแบบนี้ด้วย’ ก็เข้าใจพวกพี่ๆ เขาด้วยว่าอะไรที่มันเกิดขึ้นมา เราก็ไปกำหนดเขาไม่ได้ ก็ขึ้นอยู่กับพี่ๆ กรรมการด้วย ว่าการชอบใคร ก็ยินดีต้อนรับพี่มีมี่
ความรู้สึกของ "มีมี่" ผู้ท้าชิงคนแรกแล้วชนะจนยืนมาเป็นหนึ่งใน 7 คนในที่สุด
มีมี่ พิมพ์มาดา : ความรู้สึกวันนั้นเหรอ จริงๆ ถ้าย้อนกลับไป หนูก็แอบงงนิดนึง เพราะว่า เราก็เต็มที่ของเรานะ แต่ว่า ด้วยโชว์ของหนูมันเรียกว่า ยังไม่ครบเครื่องเท่ากับของ "น้องขนมหวาน" เขา ที่เขามีร้อง มีเต้น และมีแร็ปด้วย อะไรอย่างงี้ด้วย หนูก็เลยคิดว่า ซึ่งตอนที่เราเลือกเพลงนี้ (ลงใจ ของ โบกี้ไลอ้อน) มา ก็มีความสุ่มเสี่ยงอยู่นิดนึง เพราะว่ามันต้องสื่อสารทางสายตาด้วย เพราะหนูก็รู้ตัวดีว่า หนูไม่ใช่คนที่ร้องเพลงเพราะขนาดนั้น เรื่องประสบการณ์และทักษะ ก็มีอยู่นิดเดียวแค่นั้น ก็เลยรู้สึกว่า ก็มีโอกาสที่เราจะไม่ติดนะ ก็เลยทำใจไว้ประมาณนึงแล้ว แต่พอเราติดขึ้นมา จากที่เราปลงไปประมาณนึง กลายเป็นเราได้ กลายเป็นงงแล้วตื่นเต้นดีใจ ก็เลยทำให้การพูดการจาดูไปอย่างนั้นนิดนึงค่ะ ก็ดีใจมากจริงๆ ที่ได้ ก็อยากจะดีใจให้สมกับที่ได้ตำแหน่งมา ก็เลยโชว์ว่าเราดีใจจริงๆ
และก็ได้ถูกท้าชิงเป็นคนสุดท้ายด้วย
มีมี่ พิมพ์มาดา : จริงๆ หนูก็แอบคิดว่ารายการแอบโหดร้ายกับเราขนาดนี้เลยเหรอ เพราะลุค "น้องจีจี้" (ศุภิสรา วุฒิศาสตร์ ผู้ท้าชิง) เขาก็สาวแว่นเหมือนกันอีก ยังไงละทีนี้ เขาก็น่ารัก เราก็น่ารัก (หัวเราะทั้งวง) ก็เลยแบบว่า กรรมการเขาจะชอบแบบไหน ก็ต้องตัดสินที่โชว์แล้วบุคลิกเหมือนกันอีก หนูก็เลยทำให้เต็มที่ ตอนนั้นในหัวสมองหนูตึงเครียดมากเลย ตีกันไปหมดเลย ถ้าสมมุติว่า เราหลุดขึ้นมาทำยังไงล่ะ มันกลัวมากเลยค่ะ แต่ว่า หนูคิดว่าหนูจะหลุดร้องไห้ก่อนโชว์ไม่ได้ ถ้าเกิดหนูหลุดตอนนั้น ก็คือหลุดไปเลยแน่นอน ก็เลยสู้ให้เต็มที่ค่ะ แล้วก็ดีใจที่พี่โบเขาเห็นว่าหนูสู้จริงๆ ค่ะ ทำให้หนูได้อยู่ต่อและเดบิวต์พร้อมทุกคน
ความรู้สึกจากผู้ท้าชิง สู่ผู้ถูกท้าชิงของ "รันม่า"
รันม่า แทนทยา : ความรู้สึกมันเหมือนกับไม่รู้ว่าข้างหน้ามันจะเกิดอะไรขึ้นน่ะ คือตอนที่หนูมาท้าเขา หนุยังรู้ว่า หนูมาแข่งกับ "หงส์หยก" (หงส์หยก ควรประดิษฐ์ สมาชิกชั่วคราว) แข่งเลยวันนี้แน่ๆ แต่พอมาในวันที่เราต้องมาป้องกัน เราไม่รู้อะไรเลย ว่าคนที่เข้ามาจะได้แข่งหรือเปล่า แล้วในเรื่องเพลง คือก่อนหน้านั้น หนูก็ซ้อมมา 2 เพลงก่อนใช่มั้ย คือหนูดันมาเปลี่ยนเพลงด้วย ตอนที่จะมาป้องกัน แล้วได้ซ้อมในเวลาที่ไม่นานมาก หนูก็เหมือนกลัวด้วย คือมันทำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ คือถ้าเขาท้าเรา เราก็ต้องแข่ง คือจะให้ไปท้าคนอื่น มันก็ไม่ได้ คือมันต้องสู้ เราปฎิเสธไม่ได้ ก็ต้องยอมรับสถานเดียว ซึ่งต่อมาเราก็อึ้งเหมือนกันว่าผ่านมาได้ ก็ทำดีแล้ว
ความโชคดีของ "ไฮเวย์" พอท้าชิงจนชนะแล้วก็ไม่มีใครมาท้าอีก
ไฮเวย์ ศิรประภา : ก็เป็นความโชคดีของหนูด้วย แต่หนูก็อยากโชว์เพลงที่ 2 ของหนูนะ คือเป็นเพลงที่มันมากสำหรับเรา แบบโจ๊ะได้โจ๊ะ หนูก็รู้สึกว่าก็อยากโชว์เหมือนกัน
อย่างเรื่องเพลงมีการเลือกเพลงกันยังไง?
ซีโมน ปุณณาสา : ก็จะมีพี่ๆ ช่วยนำเสนอ แต่สุดท้ายเราก็ต้องเลือกเองใช่มั้ย ว่าเราชอบเพลงไหนอะไรอย่างงี้ เหมือนกับว่าเพลงที่หนูเลือก มันอาจจะใช้การสื่อสารอารมณ์นิดนึง แล้วทุกเพลงก็เป็นเพลงสไตล์ที่หนูชอบ เหมือนมันอาจจะออกแนวดาร์กๆ สมมุติ อาจจะเป็นแนวโรคจิตๆ แบบ ‘นักมายากล’ หรือ ‘บุษบา’ คือหนูชอบดูหนังแนวนี้อยู่แล้ว อย่างตอนที่เอาเพลง ‘ไหนว่าจะไม่หลอกกัน’ หนูชอบอ่านนิยายแบบเศร้าหน่อยๆ มันอาจจะทำให้เราเข้าใจความรู้สึกได้เร็วขึ้น
มีพี่ๆ ในวงช่วยกันเลือกมั้ย?
ซีโมน ปุณณาสา : อย่างเวลาที่มีเพลงอะไร พี่ๆ ก็จะช่วยกันดูว่า เพลงนี้ดีนะ หรือเพลงนี้ดีกว่านะ แต่จริงๆ ครูจะแนะนำมากกว่า ว่าเพลงนี้อาจจะเข้ากับเรานะ แต่สุดท้ายการเลือกเพลงน่ะ ขึ้นกับตัวเราอยู่ดี ถ้าเราไม่ชอบ ก็ไม่ต้องเอาก็ได้ค่ะ
ม่านมุก ชดาธาร : อย่างหนูเอง หนูเลือกเพลงที่เรารู้สึกกับมัน เลือกเพลงที่หนูรู้สึกว่ามันใช่จริงๆ อย่างเพลงแรกของหนู คือ ‘ปีกรัก’ ซึ่งเป็นเพลงที่หนูเติบโตมากับมันจริงๆ แล้วเป็นเพลงแรกที่หนูฝึกร้องก็คือเพลงนี้ ก็เลยรู้สึกว่า เราอยากนำเสนอความเป็นตัวเรา ความเบียวๆ ความชื่นชอบญี่ปุ่น ความเป็นโอตะคุที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ในใจเรา ให้กับทุกคนได้ดูด้วย แล้วอย่างเพลงที่สอง คือเพลง ‘ทาสแมว’ ก็เป็นเพลงที่ไอดอลจ๋ามากๆ เนื่องจากหนูก็รักในการเป็นไอดอลมากๆ ก็อยากจะนำเสนอเพลงที่ทำให้ทุกคนเห็นภาพความเป็นไอดอลจ๋าๆ เลย อะไรอย่างงี้ ก็เลยเลือกเพลงนี้ให้กับทุกคนได้ฟัง
"ส่วนเพลงสุดท้าย ก็เป็นเพลง ‘แสงสุดท้าย’ ก็คือเพลงนี้เนี่ย เป็นเพลงไทยที่หลายๆ คน รู้จัก แล้วก็เป็นเพลงที่บอกเล่าเกี่ยวกับตัวเราเองด้วย เพราะเราเองก็เหมือนกับพบเจอเรื่องราวมาเยอะ ผ่านเรื่องราวต่างๆ มากมาย กว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ ซึ่งพูดก็พูดอีกแล้ว อายุเราก็แทบจะเต็มเพดานแล้วด้วย ก็รู้สึกว่า มันอาจจะเป็นโอกาสสุดท้าย หรือ แสงสุดท้ายของเราจริงๆ ก็ได้ ก็เลยหยิบยกเพลงนี้มาร้อง ส่วนเนื้อภาษาญี่ปุ่นนั้นนะ เนื่องจากหนูชอบญี่ปุ่นมากๆ แล้วก็เห็นว่ามีแฟนๆ ที่ประเทศญี่ปุ่น ติดตามรายการนี้มากมายเลย รวมถึงรุ่นพี่ที่นั่นด้วย ก็เลยอยากมีโอกาสให้เขาเข้าใจว่าเราร้องเพลงอะไรอยู่ หรือว่ามีเนื้อหายังไง ก็เลยนำท่อนญี่ปุ่นนะ มาใส่ซึ่งท่อนนี้ หนูก็นำมาจากช่องมายดาริน ซึ่งเราก็รู้จักกับน้องด้วย คือไปขอมาว่ามาใส่ในเพลงได้มั้ย ประมาณนั้นก็เลยเป็นเพลงแสงสุดท้ายที่มีภาษาญี่ปุ่นที่อยู่ในเพลงด้วย ก็ขอบคุณทุกคนที่ชื่นชอบกันนะ"
มีใครที่แบบ ‘ฉันว่าเธอเอาเพลงนี้ดีกว่ามั้ย’ ?
ต้นน้ำ บัณฑิฏา : สำหรับเพลงหนูที่เลือกเพลงของวงเคลียร์ 2 เพลงเลย ก็แปลกๆ ใช่มั้ยล่ะคะ ซึ่งแรกสุดหนูก็เลือกเพลงวงเคลียร์ไป ส่วนเพลงที่สองคือ ‘ฝัน หวาน อาย จูบ’ เพราะว่ามันรู้สึกว่าตัดกับ ‘กระโดดกอด’ ไปเลย แต่สุดท้ายมันมีเพลง ‘จะรักหรือจะร้าย’ เข้ามาในลิสท์ด้วย ทุกคนก็แบบ อยากดูเพลงนี้ๆ แล้วหลังจากนั้น เราก็โหวตกัน คือหนูก็ตัดสินใจไม่ได้ คือเราก็ชอบจะรักฯ แล้วก็ชอบ ฝัน หวาน ด้วย หนูตัดสินใจไม่ได้ ก็ให้ทุกคนโหวตว่า ชอบอันไหนมากกว่ากัน แล้วทุกคนก็โหวตเพลงแรก เพราะว่า มันดูเป็นตัวหนูมากที่สุด แล้วเขาก็ชอบการดุ๊กดิ๊กๆ อะไรของหนูนี่แหละค่ะ มันก็เลยกลายเป็นเพลงวงเคลียร์ของทั้ง 2 เพลงเลย มันก็แปลกๆ นิดหน่อย สำหรับหนูนะ
‘ปิ้งย่าง’ ไง?
มีมี่ พิมพ์มาดา : หนูอยากร้อง แต่เขาว่าหนูไม่ไหวหรอก หนูก็เลยต้องเปลี่ยน แต่ว่า มันเป็นเพลงที่ร้องเป็นวง แล้วหนูต้องร้องคนเดียว อย่างที่บอกไปว่า หนูเป็นคนที่ร้องเพลงใม่เก่งอยู่แล้ว ด้วยอะไรหลายๆ อย่าง ก็เลย ตอนแรกก็ให้ "พี่ม่านมุก" ปล่อยท่าให้แล้วด้วย แต่ว่านั่นแหละ ไม่ได้ไปต่อ ก็ต้องเปลี่ยนไป
เก๋ พรรณิภา : เพลง "โอ๊ะ โอ๊ย" ซึ่งเป็นเพลงแรกที่เลือกมาซ้อมเลย เลือกเลยว่าจะเอาเพลงนี้ไปท้ากับผู้ท้าชิงเลย ตอนแรกก็ซ้อมมานานมากๆ แต่ว่าเราก็ไม่ได้แข่งซักที จนเรารู้สึกว่า เพลงนี้มันดูกร่อยไปแล้วหนรือเปล่า จนเก๋อาจจะรู้สึกไปเอง คนอื่นอาจจะไม่รู้สึกก็ได้ ว่าเพลงนี้มันยังสนุกอยู่นะ แต่เก๋รู้สึกว่าเก๋ทำไม่ได้กับเพลงนี้เ เพราะว่ามันเป็นเสียงสูงมากๆ เลย แล้วมันเหนื่อยตรงที่ต้องเต้นและร้องไปพร้อมๆ กัน จนพอมาหลังๆ ก็รู้สึกว่า มันทำได้ไม่เต็มที่แล้ว เก๋ก็เลยเปลี่ยนเป็นเพลง ‘อย่าเสียใจคนเดียว’
"ส่วน ‘สบตา’ ก็มีพี่ๆ ช่วยเลือก ตอนแรก เราก็ไม่รู้จักทั้ง 2 เพลงนี้เลยนะ แต่สบตา ก็เคยฟังผ่านๆ มา จนได้มาฟังปุ๊บ ก็รู้สึกว่า เพลงนี้มันละมุนดีจัง อะไรอย่างงี้ค่ะ พี่ๆ เขาบอกว่า อาจจะเข้ากับเก๋นะ เพราะว่าเพลงแรกเก๋ก็มาแบบสายให้กำลังใจ อันนี้ก็แบบสวยๆ นิดนึง เก๋ก็เบาๆ ใส่ท่าเต้นไปด้วย อาจจะดูดีสวย ดูดีขึ้นค่ะ (หัวเราะเบาๆ)"
รันม่า แทนทยา : สวยมากเลย จริงๆ พี่เก๋ คือนอกโชว์ เป็นคนฺฮาๆ โจ๊ะๆ ใช่มั้ย แต่พอมาในโชว์ จะกลายเป็นคนที่สวยมากๆ เลย พวกเราที่อยู่ข่างหลัง พวกเราก็อึ้ง แบบ ‘พี่เก๋สวยมาก’ อึ้งในความสวยของพี่เก๋จริงๆ
การแข่งขันของเพื่อนแมตซ์ไหนที่เรารู้สึกว่าประทับใจที่สุด?
เก๋ พรรณิภา : ประทับใจมากที่สุด ก็คงจะเป็นเพลงแสงสุดท้ายของ "พี่ม่านมุก" เพราะว่าเก๋ชอบที่ พี่มุกเอาเพลงนี้มาบอกเล่าให้กับทุกคนว่านี่คือเรื่องราวของพี่ม่านมุกนะ เอาเนื้อเพลงภาญี่ปุ่นมาใส่ด้วย ตอนที่เก๋ฟังแรกๆ เก๋ว้าวเลยว่า ‘พี่ม่านมุกเอามาใส่จริงดิ’ มันดูดีมากเลยนะ เก๋ฟังครั้งแรกขนลุกเลย แล้วพอตอนท่อนสุดท้าย มันจะเป็นแบบว่า ตอนจบ พี่มุกเอาขาไมค์พาดไว้ข้างหลัง แล้วตอนซ้อมท่าเหนื่อยทิพย์ พี่มุกบอก พี่มุกจะทำ แต่พี่มุกก็ไม่ทำ เก๋ก้เฝ้ารอคอยมากๆ ว่าจะทำ
ม่านมุก ชดาธาร : ทำไมถึงไม่ทำเหรอคะ กลัวว่ากรรมการจะเห็นแล้วแบบว่า เป็นอะไร ไหวหรือเปล่า เพราะแบบ เราต้องซื้อใจกรรมการก่อนไง ถ้าเราทำท่าเลย ก็จะเกินไปนิดนึง ก็เปลี่ยนเป้นยิ้มละกัน แต่ตอนซ้อมคือทุกคนทำตามหนู เป็น fairy ending (หัวเราะ)
ม่านมุก ชดาธาร : จริงๆ ก็มีแมตซ์หลายแมตซ์ที่หนูประทับใจมากๆ นะ แต่ถ้าเกิดให้พูดถึงแมตซ์ที่หนูรู้สึกตื่นเต้นมากๆ ก็คงเป็นแมตซ์ของ"ต้นน้ำ" กับ "เรมี่" (ไอริณ รณเกียรติ ผู้ท้าชิง) เพราะว่าน้องเรมี่เดินเข้ามาแบบออร้ากระจาย คือหนูคิดเลยว่า คนนี้มาท้าใครคือน่ากลัวมากๆ แน่ๆ ซึ่งตอนนั้นคือเป็นครึ่งทางของรายการแล้ว เป็นแมตซ์ที่ 10 แล้ว เราก็รู้สึกว่ามันน่ากลัวมาก แล้วยิ่งพอเป็นต้นน้ำใช่มั้ย หนูก็เป็นห่วงน้องมาก เพราะว่า ตอนนั้นเป็นครั้งแรกของต้นน้ำด้วย เพราะว่ามันมีเรื่องนึง ก็คือ ตอนนั้นต้นน้ำเพิ่งตัดหน้าม้าเองที่บ้าน แล้วพอมาที่รายการ พี่ช่างแต่งหน้าก็ม้วนหน้าม้าให้ หน้าม้าก็จะเต่อๆ นิดนึง อะไรอย่างงี้ พี่ๆ ก็จะมองว่า ต้นน้ำหน้าม้าแปลกๆ รึเปล่า ประมาณนั้น แล้วเรมี่เข้ามาแบบสวยมาก ตอนแรกก็มาแบบหน้าม้าใหม่ จะสุ้ได้มั้ย ประมาณนี้คะ
"แต่ลึกๆ แล้ว หนูก็มั่นใจในตัวต้นน้ำมากๆ เพราะหนูเห็นต้นน้ำโชว์เพลง ‘กระโดดกอด’ มานานมาก แล้วหนูก็รู้สึกว่า มันคือเวลาที่ต้นน้ำได้ปล่อยของแล้ว แล้วก็รู้ว่าต้นน้ำเป็นคนที่ เขาพร้อมที่จะมอบพลังบวกให้กับทุกคนอยู่แล้ว ถ้าเกิดมีโอกาส ไม่ว่าจะตอนไหน น้องเขาก็ปล่อยพลังตลอด หนูก็เลยรู้สึกว่า จริงๆ หนูมั่นใจนะว่า ต้นน้ำจะชนะได้ แต่ความสวยของเรมี่ก็กระแทกตาจริงๆ ยิ่งตอนที่ดูหลังเวทีใช่มั้ยคะ ดูเรมี่ร้องเพลง ‘วัดปะหล่ะ’ สวยทุกมุมเลย ขนาดร้องไห้ยังสวย เราร้องไห้ยังหน้าแย่ เรมี่ร้องไห้ยังสวยมาก เหมือนเล่นละครอยู่ เหมือนนางเอก อะไรอย่างงี้ ก็เลยรู้สึกว่ามันตื่นเต้นมากๆ แล้วก็ดีใจที่ต้นน้ำผ่านมาได้ ชนะมาได้"
ต้นน้ำ บัณฑิฏา : แต่หนูขอบอกเลยนะ เรื่องหน้าม้า ขอแก้ข่าวหน่อย คือหนูเป็นคนที่อัจฉริยะมาก เห็นอนาคตเลยว่าวันนั้นหนูโดนท้าแน่ๆ คืนนั้นหนูเลยสร้างเอกลักษณ์ให้ตัวเอง เพราะไม่อย่างงั้น ความสวยเปล่งประกายมากใช่มั้ย เราต้องเอาความแปลกเข้าสู้ หนูก็เลยตัดหน้าม้าเลย หนูก็เลยจีเนียส
ต้นน้ำ บัณฑิฏา : ถ้าเป็นแมตช์ที่ทำให้หนูตื่นเต้นมากที่สุดนะ คือหนูเลือกไม่ถูกดเลยระหว่าง พี่ม่านมุก กับ พี่มีมี่ แต่ว่าถ้าให้ลุ้นลุดๆ เลย ก็คงเป็นแมตซ์ของพี่ม่านมุก กับ "พี่ชาชา" (ณัฏฐนิชา ลีฬหะวัฒนะ ผู้ท้าชิง) เป็นแมตซ์ที่ลุ้นระทึกมาก แบบพี่ชาเขาแสดงได้ดีมาก ออร่าเปล่งประกายทะลุจอออกมาเลย แล้วความครีเอทีฟของเขาที่ใช้ภาษามือ แล้วเพลงมันเข้ากันมากเลย มันไม่มีอะไรพูดแทนคำว่า perfect ในโชว์นั้นได้เลย แต่พี่มุกก็เก่งมาก หนูรู้เลยว่าพี่มุกคือตื่นเต้นมาก คือหนูเครียดแทนกรรมการเลย ถ้าหนูเป็นกรรมการ หนูก็ไม่รู้ว่าจะเลือกใครเหมือนกัน แต่แน่นอนว่าหนูเชียร์พี่ม่านมุกอยู่แล้ว เพราะหนูรักพี่ มันเลยเป็นโชว์ที่ตราตรึงในใจหนูมาโดยตลอดเลย แล้วหนูชอบเพลงนั้นมาก เลิฟยูมากเลย
มีมี่ พิมพ์มาดา : ของหนูก็จะเป็นของน้องเก๋ เพลง ‘สบตา’ เพราะก่อนที่จะแข่ง เราก็ไม่รู้ว่าเก๋จะโดนท้ารึเปล่า คือก่อนหน้านั้น เหมือนเก๋เมาแสง เพราะว่าเหมือนเก๋ไม่สบาย พี่ๆ ก็ต้องหายาดม หาน้ำแดงมาให้ แล้วก็ไม่คิดว่าเก๋จะโดนท้า คิดว่าเป็นใครก้ได้ที่ไม่ใช่เก๋ เพราะน้องดูไม่สบาย น้องดูปวดหัวด้วย อะไรอย่างงี้ด้วย
"เพราะหนูรู้ว่าเพลงของเก๋มันเป็นท่าที่ไม่ค่อยเหมือนคนอื่นเขา ท่าจะต้อง advance กว่าคนอื่นเขาตลอด จะต้องมีเหวี่ยง มีหมุน จะต้องหมุนแรงกว่าคนคื่นอื่นเขา 2 สเต็ป หนูกด็เลยเป็นห่วงน้องเขา เพราะว่า เป็นเพลงที่ใช้พลังงานเยอะมากจริงๆ แต่พอ "น้องเกรซ" (เกรซ โรจน์ชาญชัยกุล ผู้ท้าชิง) เดินออกมา แล้วท้าน้องเก๋ก็แบบว่า ถ้าเก๋ปกติ หนูจะไม่กังวลเท่าไหร่ แต่พอเก๋เป็นอย่างงั้นทุกคนเป็นกังวลกันมากๆ แต่ว่าเก๋ก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง พอน้องได้โชว์แล้ว น้องแค่ร้องเสียงแรกออกมา หนูก็รั้สึกว่าน้องเขาทำได้แน่นอน ก็เลยเบาใจ แต่ว่าเชียร์ไปเรื่อยๆ ค่ะ แต่ชัยร์แบบลุ้น ตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะว่ามันยังไม่ถึงท่อนที่ต้องเต้น อันนั้นก็ต้องลุ้นอีกรอบว่า เก๋จะไหวมั้ย ถ้าเกิดฟลุ๊คขึ้นมา แต่ว่าน้องก็ทำได้ก็เลยดีใจมากๆ และเป็นโชว์ที่ประทับใจ"
ไฮเวย์ ศิรประภา : ของหนูชอบเพื่อนรักคนนี้ (หันไปหาซีโมน) หนูชอบเพลงนักมายากลที่สุด คือเป็นโชว์ที่หนูชอบมาก เปิดฟังทุกวันเลย รู้สึกว่าเป็นโชว์ที่หนูชอบมาก ซีโมนทำได้ดีมากเลย คือรู้สึกว่าเหมือนอยากเล่นมายากลที่ดึงกุหลาบออกจากหมวก
ตอนที่ร้องต่อหน้า "พี่สอง-จักรพงศ์ สิริริน" มือเบสวงพาราด๊อกซ์ ที่มาเป็นกรรมการในนัดนั้น รู้สึกเกร็งมั้ย
ซีโมน ปุณณาสา : ตอนนั้นไม่เกร็ง แต่ตื่นเต้น มันเป็นความรู้สึกแบบ เจ้าของเพลงอยู่ตรงหน้า แล้วได้ร้องเพลง และโดนท้าด้วย และพี่สองด้วย ตอนนั้นก็ตื่นเต้น แต่ก็คิดว่าต้องทำให้ดีที่สุด เพราะเจ้าของเพลงอยู่ตรงหน้าแล้ว ให้เขาเห็นข้อผิดพลาดน้อยที่สุด
ซีโมน ปุณณาสา : ส่วนแมตซ์ที่หนูชอบที่สุด หนูชอบทุกแมตซ์เลย แล้วก็ของหนูคือเหมือนต้นน้ำเลย คือแมตซ์ระหว่าพี่ม่านมุก กับ พี่ชาชา เพราะพี่ชามีการร้องแบบผสมผสานภาษามือมาด้วย แลพะข้อความจากพี่ชาชา ส่งถึงทุกคนจริงๆ แล้วมันทำให้ข้อความของเราหลุดไปอยู่ในภวังค์ของพี่ชา แล้วพี่มุกก็มาแบบเบียวๆ หน่อย ตามสไตล์ของพี่มุก แล้วเหมือนกับพี่มุกเหมือนกับพาเราไปสนุกสนานได้ คือคู่นั้นลุ้นมากๆ เลยค่ะ แล้วก็อีกคู่คือ พี่มีมี่กับพี่จีจี้ คือสองคนนี้เหมือนกันมากๆ เลย คล้ายกันมากๆ คือลุ้นมากๆ เลย แต่ในใจก็เชียร์ว่า พี่มีมี่ ก็ต้องทำได้อยยู่แล้ว เพราะว่าหนูเชื่อใจในตัวพี่มีมี่มากๆ จนสุดท้ายเราก็ได้อยู่ด้วยกัน 7 คนจริงๆ
รันม่า แทนทยา : หนูชอบแมตซ์ของ "พี่ตาล" (สุดารัตน์ วงศ์กล่ำ สมาชิกชั่วคราว) กับ "พี่หยดน้ำ" (ณฐินี บุญศิลป์ ผู้ท้าชิง) เพราะว่าหนูดูแล้วหนูรู้สึกชอบที่ ตอนแรกดูพี่หยดน้ำเหมือนคนขี้อาย แต่พอเขาโชว์ เขาโชว์ได้แบบ หนูว่าเขาดีอ่ะ ร้องก็ดี มท่าเต้นเขามันก็น่ารัก มันสมูท หนูก็เลยชอบเขามาก ตอนที่เขาร้องไห้มันก็น่ารักดี แล้วพี่ตาลก็น่ารักเหมือนเดิม พี่ตาลสวย พี่หยดน้ำน่ารัก
เหมือนเวทีนี้จะทำให้ "ม่านมุก" ได้โชว์ศักยภาพที่มีจนหลายเสียงพูดกันว่า นี่คือไอดอลตัวจริง?
ม่านมุก ชดาธาร : ก่อนอื่นก็ต้องขอบคุณทุกคนเลย ที่มองเห็นมุกเป็นแบบนั้นนะ คือด้วยความที่หนูเองอยู่ในวงการไอดอลมานานแล้ว แล้วก็จริงจังกับมันเสมอ คือต้องบอกว่า ก่อนที่หนูจะมาถึงขั้นนี้ได้คือ มันต้องผ่านอะไรมาเยอะมากๆ จริงๆ คือไม่ใช่แค่ว่า หนูเดบิวต์วันแรก แล้วหนูก็แบบมีคนชื่นชมได้เลย หนูต้องอดทนมากๆ พยายามทำให้ทุกคนเห็นว่า หนูตั้งใจกับมันนะ หนูอยากที่จะเดินบนเส้นทางนี้จริงๆ อยากที่จะเป็นไอดอลและรักมันจริงๆ ค่ะ ก็ขอบคุณทุกคนที่มองเห็น ระยะเวลาที่หนูผ่านมาตลอด 4 ปี ที่หนูเป็นไอดอลมา รวมถึงติดตามในรายการ last idol ด้วย
"หนูรู้สึกว่าหนูโชคดีมากๆ ที่มีโอกาสได้เข้ามาอยู่ในรายการนี้ เพราะว่า อย่างที่ทุกคนรู้กันก็คือ หนูก็แทบไม่มีโอกาสได้ร้องเพลงคนเดียวเลย ก็อาจจะต้องโชว์เป็นวงตลอด พอมีโอกาสได้โชว์ในสิ่งที่ตัวเองอยากโชว์ แล้วก็โชว์คนเดียวด้วย หนูตื่นเต้นมากๆ แต่ก็ขอบคุณตัวเองเหมือนกันค่ะ ที่แบบว่าเลือกที่จะมารายการนี้ เพราะหนูรู้นะว่าที่หนูมารายการนี้ เพราะอาจจะมีคนมองว่า ม่านมุกจะมาทำไม หรือ แก่แล้วเลิกเป็นเหอะ ไอดอล อะไรอย่างงี้ ก็มีหลากหลายกระแสที่ตัวเองก็เห็นมาเหมือนกัน แต่ว่าหนูไม่รู้สึกเสียใจที่หนูตัดสินใจมา หนูรู้สึกดีใจมากๆ และรู้สึกภูมิใจในตัวเองมากๆ และดีใจที่มีโอกาสได้เจอน้องๆ ที่น่ารักทุกคน และจะทำหน้าที่ตัวเองในฐานะ last idol Thailand ให้ดี (ปรบมือทั้งวง)"
แล้วเราบริหารจัดการยังไงในเมื่อต้องควบกับวง sweat 16 ด้วย
ม่านมุก ชดาธาร : จริงๆ เรื่องของ sweat 16 คือหนูเองก็ต้องดูตารางงาน คือมันเป็นสิ่งที่เราต้องยอมรับอยู่แล้วตั้งแต่เราเข้ามาสมัครในรายการนี้แหละว่า ถ้าเกิดเราเข้ามา เราอาจจะต้องเหนื่อยมากกว่าคนอื่นนิดนึง ก็ต้องจัดการทุกอย่างให้ได้ ก็เหมือนกับฝึกความรับผิดชอบให้กับตัวหนูเองด้วย แล้วก็ เรื่องซิงเกิลใหม่ หรืออะไรยังไง ก็อยากให้ทุกคนติดตามในอนาคตละกันนะว่ามันจะออกมาเป็นยังไง แต่ที่หนูอยู่ตรงนี้ หนูกล้าที่จะพูดและมั่นใจมากๆ ว่า สำหรับม่านมุก last idol Thailand มุกเองก็จะทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด เท่าที่ตัวเองจะสามารถทำได้ มุกเองก็อยากจะผลักดันวงนี้ และอยากให้แบบวงการไอดอลไทยกลับมาคึกคักอีกครั้งนึง หนูก็จะดีใจมากๆ เลย ถ้าหนูเป็นส่วนร่วมในสิ่งๆ นั้น
สำหรับ "ต้นน้ำ" ในฐานะที่เราเป็น "เซ็นเตอร์" ของเพลงแบนวากอน พร้อมที่จะรับความกดดันนั้นมั้ย?
ต้นน้ำ บัณฑิฏา : พร้อม คือหนูเป็นคนหนึ่งที่ไม่ค่อยรู้สึกถึงความกดดันเท่าไหร่ เรียกได้ว่า ไม่รู้จักด้วยว่า ความกดดันคืออะไรกันแน่ แต่ไม่ค่อยเข้าใจว่า ความกดดันมันต้องรู้สึกยังไงกันแน่ เพราะว่าหนูเป็นคนหนึ่งที่ไม่ค่อยได้สนใจอะไรอยู่แล้ว ขอแค่ให้มีความสุขกับสิ่งที่เราทำ มีความสุข ได้สนุกกับสิ่งที่เรารัก สิ่งที่เราทำอยู่ หนูก็รู้สึกดีมากๆ แล้ว
ความรู้สึกหลังจากจบแมตซ์สุดท้าย
ต้นน้ำ บัณฑิฏา : แน่นอนว่าพวกเรารู้สึกดีใจ และภูมิใจในตัวพวกเรามาก มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากเลย เหมือนยกภูเขาออกจากอก เราไม่ต้องมาซ้อมเพลงเพื่อมาโชว์ เพื่อมาแข่งขัน เพื่อที่เราจะอยู่ในตำแหน่งนี้ต่อไป แต่เราซ้อมเพลง bandwagon เพื่อแสดงเอ็มวีของพวกเราเอง มันเป็นความรู้สึกที่เราเฝ้าฝันมานาน ความพยายามที่เราทำมาตั้งแต่เริ่มจนจบ มันสำเร็จแล้ว เราได้รับมาแล้ว เราได้ทำภารกิจ เราได้ลุล่วงสำเร็จตามเป้าหมายที่เราหวังไว้ แล้วเราก็จะทำให้มันดีต่อไปเรื่อยๆ ก็รอติดตามด้วยนะ
ก้าวต่อไปของ last idol Thailand
มีมี่ พิมพ์มาดา : ก้าวต่อไปก็ตามที่ประกาศไปในอีพีสุดท้ายนะ ว่าเราจะร่วมแสดงในหนังของคุณ "คงเดช จาตุรันต์รัศมี" ไม่ว่าเราจะได้รับบทอะไร หรือใครในหนังเรื่องนั้น ก็ขอให้ฝากติดตามด้วยนะ
ความฝันกับ last idol Thailand
มีมี่ พิมพ์มาดา : ความฝันไอดอลสำหรับหนูเลยนะ อย่างแรก อยากจะทำให้คนที่มาติดตามเรา หรือว่า อาจจะผ่านไปผ่านมาที่หันมารับชมเรามีความสุขให้ได้ก่อน อยากจะให้เขารู้สึกดีเวลาที่หันมามองพวกเรา แล้วก็อยากจะให้วสงเป็นที่รู้จักมากขึ้น ก็นี่จะเป็นความฝันที่เป็นระยะยาวเลย ไม่ว่าวงจะผ่านไปแค่ไหน อยากจะให้ทุกคนได้รับรู้ความสุขจากพวกเรา
ไฮเวย์ ศิรประภา : ความฝันของหนูที่มีต่อวงนะ หนูฝันว่าอยากเจอแฟนคลับแล้ว หนูจะทำตรงนี้ให้ดีที่สุด ทุกคนก็ทำดีที่สุดอยู่แล้วค่ะ คือหนูเชื่อว่า ทุกคน 7 คน สามาถเป็นที่รักของทุกคนได้ แล้วก็ทำให้เห็นถึงความพยายามได้ เชื่อว่า พวกเราทุกคนสามารถเป็นกำลังใจที่ดีให้กับแฟนคลับได้ค่ะ เชื่อมั่นในตัวเรานะ
ซีโมน ปุณณาสา : หลังจากที่เป็นต้องการเป็นที่รักของทุกคนแล้วใช่มั้ย มันก็ต่อมาเป็นเอ็มวีแล้วใช่มั้ย ดังนั้น หนูอยากมีคอนเสิร์ตเป็นของตัวเอง ของพวกเรา หนูอยากแสดงคอนเสิร์ตของพวกเราให้ทุกๆ คนได้เห็นแล้ว อยากให้ทุกคนเห็น อยากไป entertain ทุกๆคนแล้ว
รันม่า แทนทยา : สำหรับหนูนะ คือก่อนอื่นเลย ความฝันก็คือทุกวันนี้หนูก็มีความสุขมากที่ได้อยู่ตรงนี้ หนูก็อยากให้ตัวหนูเองมีความสุขได้เรื่อยๆ ไปเรื่อยๆ อย่างนี้ ไม่ท้อ ไม่อะไร เพื่อที่จะให้ส่งต่อความสุขนี้ให้กับแฟนคลับ หรือว่าใครก็ตามที่ได้มาดูเราก่อนน่ะ ความฝันเลยเนี่ย หนูอยากทำให้ หนูอยากเป็นส่วนหนึ่ง อยากทำให้วงไปได้ไกลๆ หนูอยากเป็นส่วนในนั้น ก็อยากจะทำให้ดีที่สุดเพื่อวงนี้ มันก็กลายเป็นวงของเราแล้ว ก็อยากทำให้ดีมากๆ
เก๋ พรรณิภา : ของเก๋ก็เหมือนน้องซีโมน อยากให้วงเรามีเพลงเยอะๆ แล้วก็อยากให้ทุกคนได้มาชมในคอนเสิร์ตของเรา แล้วก็พวกเรา อยากจะมีดอกาสได้ไปที่ญี่ปุ่น แล้วก็มีส่วนร่วมในโชว์ของวงรุ่นพี่ last idol japan และให้วงของพวกเราดังระดับประเทศไปเลย
ม่านมุก ชดาธาร : เมื่อกี้น้องเก๋บอกว่า ดังระดับประเทศใช่มั้ย ส่วนม่านมุกเอง ก็มีความฝันอีกอย่างนึง และทุกคนด้วยเช่นกัน ก็คือ อยากไปที่ประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากรายการของเรามีรูปแบบมาจากประเทศญี่ปุ่น ใช่มั้ย เพราะฉะนั้น พวกเราก็จะต้องไปเจอรุ่นพี่ซะหน่อย ก็อยากจะไปเจอพี่ๆ last idol japan มากๆ เลย เพราะว่า เราเองก็ได้เห็นเขามีประสบการณ์แบบเดียวกับเรา แล้วเรารู้สึกว่ามีเขาเป็นแบบอย่าง ก็เลย ถ้าเกิดมีซักงานที่มีโอกาสได้ไปร้องเพลงด้วยกัน ก็น่าที่จะใจฟูมากๆ เลยค่ะ แล้วอีกอย่างหนึ่ง อันนี้ส่วนตัวนะคะ หนูติดตามคุณอากิโมโตะ (ยะสุชิ ผู้ให้กำเนิดรายการ) มานานมากๆ ตั้งแต่ที่หนูยังเป็นสาวผมติ่ง ก็ติดตามตั้งแต่ AKB48 Nogizaka จนมา Sakurazaka ติดตามมาตลอดใช่มั้ย หนูก็มีความใฝ่มันที่อยากจะเจอเขา อยากบอกว่าหนูชอบเขามาก ก็ถ้ามีโอกาสได้เจอ อากิโมโตะซัง ก็จะดีใจมากๆ เลย
ต้นน้ำ บัณฑิฏา : ส่วนความฝันของต้นน้ำกับการอยู่ last idol Thailand ก็คือการจัดงานอะไรก็ได้ ขอแค่ให้ทุกคนมีความสุข หนูไปเจอเนื้อเพลงๆ เพลงนึงมา ซึ่งหนูก็จำไม่ได้นะว่าร้องตรงๆ ยังไง แต่มันประมาณว่า ‘I have met so many heroes in my life to be a power to smile every day and now is my turn to be the one to make your smile’ มันก็ประมาณว่า หนูได้เจอฮีโร่ทุกวันเลยนะ แล้วมันเป็นพลังทำให้หนู สู้ต่อไป ยิ้มต่อได้เรื่อยๆ แล้วตอนนี้ มันก็ถึงเวลาที่หนูอยากจะมอบรอยยิ้ม มอบความสุขให้กับทุกๆ คนแล้ว ซึ่งฮีโร่ที่หนูเคยเจอมามากมายก็เปรียบเสมือนแฟนทุกๆ คน ที่ได้ให้กำลังใจพวกเรา เพราะฉะนั้น ถึงเวลาของพวกเราแล้วที่จะส่งรอยยิ้มให้กับทุกคนบ้าง ก็รับไว้เลย (หัวเราะ)
เรื่อง : ดรงค์ ฤทธิปัญญา , สรวัจน์ ศิลปโรจนพาณิช
ภาพ : สรวัจน์ ศิลปโรจนพาณิช , ดรงค์ ฤทธิปัญญา
วิดีโอ : ดรงค์ ฤทธิปัญญา