xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 31 ต.ค.-6 พ.ย.2564

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



1.“รุ้ง ปนัสยา” ไม่หยุดเคลื่อนไหว ร่วมม็อบราษฎร กรีดแขนชูยกเลิก ม.112 ด้าน “ทักษิณ” สอน รบ.จับเข่าคุยเยาวชนที่เห็นต่าง!

เมื่อวันที่ 31 ต.ค. กลุ่มราษฎรและแนวร่วมประชาธิปไตย ในนาม "คณะราษฎรยกเลิก 112" หรือ ครย.112 ได้นัดชุมนุมที่แยกราชประสงค์ กรุงเทพฯ เพื่อเรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112, กฎหมายที่ปิดกั้นสิทธิเสรีภาพของประชาชน และเรียกร้องให้คืนสิทธิการประกันตัวชั่วคราวแก่นักกิจกรรมที่ถูกคุมขังในเรือนจำจากการแสดงออกทางการเมือง

ทั้งนี้ ช่วงหนึ่ง น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง โฆษกกลุ่มราษฎร ได้อ่านแถลงการณ์ “ราษฎรประสงค์ ยกเลิก 112” โดยเชิญตัวแทนไอลอว์, เฟมินิสต์ปลดแอก , เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน, ทะลุฟ้า, ราษฎร, แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม, ครย., 24 มิถุนาประชาธิปไตย, สหภาพคนทำงาน, วงสามัญชน, พรรคก้าวล่วง ราษฎรทุกคน ร่วมเป็นสักขีพยาน

โดยแถลงการณ์ระบุข้อเรียกร้องต่อกระบวนการยุติธรรม และรัฐสภาว่า 1.ให้สิทธิประกันตัว ปล่อยผู้ต้องขังทุกคนจากเรือนจำ และ 2.แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา เพื่อยกเลิกมาตรา 112 น.ส.ปนัสยา กล่าวด้วยว่า “ถึงเวลาแล้ว เราจะเริ่มผนึกกำลังทุกสาขาอาชีพ ทุกกลุ่มองค์กร ต่อสู้ด้วยแรงกาย แรงใจ เข้าชื่อเสนอแก้ไขกฎหมาย 112 และเพื่อขับเคลื่อนสังคมไทยให้มีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ด้วยเสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ และเพื่อเป็นเครื่องยืนยันที่จะใช้แรงกาย แรงใจ รวมถึงชีวิต เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อเรียกร้องของเรา ยกเลิก 112 รวมถึงปฏิรูปสถาบัน”

จากนั้น น.ส.ปนัสยา ได้กรีดเลือดที่แขนซ้ายเป็นตัวเลข 112 พร้อมกรีดทับตัวเลขอีกครั้ง ก่อนนำรอยเลือด 112 ไปประทับกับแถลงการณ์ที่ได้อ่านไปก่อนหน้า หลังจากนั้น ผู้ร่วมชุมนุมได้เปล่งเสียง “ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ” “ราษฎรประสงค์ ยกเลิก 112” อย่างต่อเนื่อง

หลังม็อบราษฎรได้เคลื่อนไหวให้ยกเลิก ม.112 วันต่อมา (1 พ.ย.) นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ได้ออกจดหมายเปิดผนึกผ่านเพจพรรคเพื่อไทย ยืนยันเจตนารมณ์ว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมนำข้อเสนอแก้กฎหมาย 112 และ 116 เข้าสู่วาระการประชุมของรัฐสภา นับเป็นการย้ำเจตนารมณ์ที่ได้กล่าวเอาไว้ในงาน พรุ่งนี้เพื่อไทย ที่ได้เรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษทางความคิด เพื่อฟื้นฟูหลักนิติรัฐและนิติธรรมของประเทศ

ด้านนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยออกจดหมายเปิดผนึกยืนยันพรรคพร้อมนำข้อเสนอแก้กฎหมายอาญา มาตรา 112 และ 116 เข้าพิจารณาในสภาว่า คงต้องไปถามพรรคเพื่อไทยว่ามีแนวคิดอย่างไร ในเมื่อวันนี้มีรัฐธรรมนูญที่ปกป้องสถาบัน แต่ท่านจะไปยกเลิกหรือทำตามคนเพียงแค่กลุ่มเดียว ที่มีพฤติกรรมจาบจ้วงมาโดยตลอด ขอให้ประชาชนทั้งประเทศดูว่า นโยบายของพรรคเพื่อไทยคือการไม่ปกป้องสถาบันใช่หรือไม่ เรื่องนี้คนที่บอกว่ารักสถาบันที่อยู่ในพรรคต้องตอบ

ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคยืนยันไปชัดเจนหลายครั้งว่า จุดยืนพรรคยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สำหรับมาตรา 112 พรรคไม่มีความคิดที่จะไปแก้ไข ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคได้พูดมาตลอด

ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ยืนยันเดินหน้าเสนอแก้มาตรา 112 โดยบอกว่า ร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาที่พรรคเคยเสนอและยังค้างอยู่ 1 ฉบับ มีการแก้ไขมาตรา 112 ด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ท้วงติงมาให้แก้ไข โดยอ้างว่า ร่างของพรรคขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 6 พรรคพิจารณาแล้วยืนยันว่า ร่างไม่ได้ขัดต่อรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด โดยจะมีการยื่นหนังสือต่อสภาต่อไป และหวังว่าพรรคเพื่อไทยจะให้การสนับสนุน

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล จะเสนอร่างแก้ไขกฎหมาย มาตรา 112 และ 116 ว่า พรรค พปชร.มีจุดยืนชัดเจนเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ที่จะต้องอยู่ต่อไป เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ได้สร้างประเทศชาติ พรรค พปชร.ไม่เอาด้วยแน่นอน แต่จะรับฟังข้อคิดเห็นจากประชาชนทั่วไป จะช่วยเหลือประชาชนให้อยู่ดีกินดี ให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติ

ด้าน นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกจดหมายเปิดผนึกยืนยันพร้อมข้อเสนอแก้กฎหมายมาตรา 112 และ 116 เข้าพิจารณาในสภาว่า ไม่แปลกใจ และว่า พรรคที่ต้องการแก้ไขมาตรา 112 และ 116 มีพรรคใดบ้าง เลือกตั้งครั้งหน้า ประชาชนจะได้ตัดสินใจง่ายๆ ขอท้าให้พรรคเพื่อไทยประกาศชูนโยบายในการเลือกตั้งครั้งหน้าให้ชัดไปเลย ถ้าแน่จริง เมื่อพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ประกาศเลยว่า จะนิรโทษกรรมพานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับบ้านอย่างเท่ๆ ประชาชนจะได้รู้ความจริง หลังจากนี้พรรคพลังธรรมใหม่จะผนึกกำลังกับพรรคเล็กต่างๆ เพื่อคัดค้านการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ในสภาอย่างถึงที่สุด

เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อช่วงดึกวันที่ 2 พ.ย. นายทักษิณ ชินวัตร ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า ฟังเรื่องดราม่ามาตรา 112 ทั้งฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยที่จะแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 มีมาประมาณปี 2500 ตัวกฎหมายไม่เคยเป็นปัญหา ทุกวันนี้เกิดจากการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง บุคคลในกระบวนการยุติธรรมอาจกลัวหรืออาจอยากแสดงความจงรักภักดีโดยไม่ยึดหลักนิติธรรม แล้วเกิดการใช้อำนาจในทางที่ผิด เพื่อหวังผลทางการเมือง

นายทักษิณ ยังระบุด้วยว่า สมัยก่อนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีคณะกรรมการพิจารณาว่าจงใจละเมิด ม. 112 จริงหรือเปล่า แต่ช่วงนี้ปัญหาเยอะมาก ยิ่งใช้ อีกฝ่ายก็โกรธเคือง เคยบอกรัฐบาลจับเข่าคุยกับกลุ่มเยาวชนที่เห็นต่าง จะได้แนวทางอยู่ร่วมกัน ปรับกระบวนการดำเนินใหม่อย่างเป็นระบบ ไม่กลั่นแกล้ง ไม่หาเรื่อง ปล่อยผู้ถูกกล่าวหาให้ได้รับการประกัน และใช้กระบวนการยุติธรรมทางอาญาดำเนินการไป ที่จะบอกว่ายกเลิกเพราะโกรธ หรือยกเลิกโดยไม่มีเหตุผล หรือไม่ยกเลิกเด็ดขาด การพูดคุยกันน่าจะดีกว่า วันนี้ประเทศเลือกใช้แต่ Law and order เท่านั้น ขอให้ทั้ง 2 ฝ่ายหยุดดราม่า หายใจยาวๆ เริ่มต้นใหม่เพื่อความรัก ถวายความจงรักภักดีที่ถูกต้องถูกทาง ไม่ให้เจ้านายต้องถูกครหาโดยที่ไม่รู้

ขณะที่พรรคเพื่อไทยได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นั้น ฝ่ายค้านเห็นพ้องกันว่า เป็นปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย ลิดรอนสิทธิเสรีภาพ ทำให้เกิดนักโทษทางความคิดเห็นต่าง ไม่อยากให้มีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้น หากเกิดขึ้นต้องได้รับการดูแลช่วยเหลือ ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติจะใช้เวทีสภาแก้ปัญหารับทุกความเห็นเข้าสภา แต่ฝ่ายค้านจะไม่นำเสนอร่างแก้ไข หากจะเสนอถือเป็นสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ไม่อยากให้เกิดการแตกแยกแล้วไปแก้ปัญหานอกสภา ขอเรียกร้องฝ่ายรัฐบาลหยุดนำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นกล่าวหาใส่ร้ายฝ่ายประชาธิปไตย เพื่อกลบเกลื่อนปิดบังในสิ่งที่รัฐบาลประสบปัญหาอยู่ พรรคเพื่อไทยก็จะไม่เป็นตัวตั้งตัวตีล่าชื่อหรือผลักดันแก้ไข ขอเป็นตัวกลางประสานงานนำปัญหามาคุยในสภาเท่านั้น

2."วิรัช-ทัศนียา-ทัศนาพร" 3 ส.ส.พปชร. หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว หลังศาลรับฟ้องคดีทุจริตสนามฟุตซอล ด้าน “บิ๊กตู่” ตั้ง "นิโรธ" นั่ง ปธ.วิปรัฐบาลคนใหม่!


เมื่อวันที่ 2 พ.ย. องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง ได้ประชุมพิจารณาสำนวนคดีที่อัยการสูงสุดฟ้องนายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (สมัยเป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทย) กับพวก รวม 87 คนในข้อหาเเตกต่างกัน ได้แก่ ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐทุจริตในการร่วมกันออกแบบ กำหนดเงื่อนไขอันเป็นมาตรฐานในการเสนอราคาโดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม, เป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐร่วมกันกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยรัฐ หรือกระทำการใดๆ โดยมิได้มุ่งหมายแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม

เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองร่วมกระทำความผิดการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ, เป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐมีอำนาจหน้าที่ในการอนุมัติพิจารณาหรือดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเสนอราคาครั้งใด รู้หรือมีพฤติการณ์แจ้งชัดว่าควรรู้ว่า การเสนอราคาในครั้งนั้นมีการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยรัฐ เพื่อให้มีการยกเลิกการดำเนินการเกี่ยวกับเสนอราคาในครั้งนั้น, เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ร่วมกันใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งโดยทุจริต

เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐร่วมกันปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ, เป็นเจ้าหน้าที่มีหน้าที่ทำเอกสาร หรือกรอกข้อความลงในเอกสารในการปฏิบัติการตามหน้าที่รับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้น หรือกระทำการอย่างใดต่อหน้าที่ของตนอันเป็นเท็จ, ร่วมกันใช้อุบายหลอกลวงหรือกระทำการโดยวิธีอื่นใดเป็นเหตุให้ผู้อื่นไม่มีโอกาสได้เสนอราคาอย่างเป็นธรรม,

ตกลงร่วมกันเสนอราคาเพื่อวัตถุประสงค์เพื่อจะเป็นประโยชน์แก่ผู้หนึ่งผู้ใด เป็นผู้มีสิทธิในการทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐโดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม, ร่วมกันใช้เอกสารราชการปลอม, ร่วมกันปลอมเอกสาร, ร่วมกันใช้เอกสารปลอม, สนับสนุนเจ้าพนักงาน เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือเจ้าพนักงานของรัฐในการทำหน้าที่โดยทุจริต, พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 10, 11, 12, 13, พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157, 162, 264, 265, 268, 83, 86, 91 ในคดีทุจริตสนามฟุตซอลโรงเรียนในจังหวัดนครราชสีมา ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

โดยคดีนี้ทาง ป.ป.ช.ได้ส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมชี้มูลความผิดนายวิรัชสมัยเป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทย ร่วมกันกับพวก รวม 87 คน ทุจริตเงินจัดสรรงบประมาณปี พ.ศ.2555 จัดสร้างสนามฟุตซอลให้กับโรงเรียนในเขตพื้นที่การศึกษา 18 จังหวัด มูลค่า 4,459 ล้านบาท รวมทั้งโรงเรียนในเขตพื้นที่การศึกษา เขต 2 จ.นครราชสีมาด้วย แต่ปรากฏว่า การสร้างสนามฟุตซอลใน จ.นครราชสีมา กลับสร้างไม่ได้มาตรฐาน ไม่สามารถใช้งานได้

ทั้งนี้ องค์คณะผู้พิพากษาพิจารณาสำนวนแล้ว มีคำสั่งประทับรับฟ้อง ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง บัญญัติว่า หากศาลประทับฟ้องแล้ว ให้จำเลยยุติปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา เว้นแต่ศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ส่งผลให้นายวิรัชต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งศาล โดยศาลนัดพิจารณาคดีครั้งเเรก (สอบคำให้การ) ในวันที่ 20 ธ.ค. เวลา 09.00 น.

มีรายงานว่า หลังศาลฯ รับฟ้องคดีดังกล่าว นอกจากนายวิรัชต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.แล้ว ยังรวมถึงนางทัศนียา รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ ภรรยาของนายวิรัช และนางทัศนาพร เกษเมธีการุณ ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ น้องสาวนางทัศนียา ซึ่งเป็นจำเลยในคดีดังกล่าว ต้องยุติปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.เช่นกัน

ส่วนกรณีที่นายวิรัชดำรงตำแหน่งประธานวิปรัฐบาลอยู่ด้วยนั้น ล่าสุด เมื่อวันที่ 5 พ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มีคำสั่งแต่งตั้งประธานวิปรัฐบาลคนใหม่แทนนายวิรัชแล้ว คือ นายนิโรธ สุนทรเลขา โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย.2564 เป็นต้นไป

3. ฝ่ายค้านไม่พอใจ รมต.เลื่อนตอบกระทู้สด “พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน” หว่านข้าวประชดกลางสภา ด้าน "ชวน" สั่งทำความสะอาดเอง!



เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีกระทู้ถามสดด้วยวาจา 3 กระทู้ คือ กระทู้ของนายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ เรื่องปัญหาสิทธิที่ดินและการเพิกถอนเอกสารสิทธิ กระทู้ที่ 2 ของนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย เรื่องปัญหาราคาข้าว และกระทู้ที่ 3 ของนางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ เรื่องการเยียวยาประชาชนจากปัญหาโควิด-19 แต่ได้รับแจ้งว่า รัฐมนตรีขอเลื่อนทั้ง 3 กระทู้ เพราะติดภารกิจและมีการประชุม ครม.นัดพิเศษ จากนั้นได้เปิดโอกาสให้เจ้าของกระทู้แสดงความเห็น

นายกมลศักดิ์ ซึ่งเป็นเจ้าของกระทู้ถาม รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ตั้งแต่เปิดสมัยประชุมสภาเป็นสมัยที่ 3 แล้ว แต่เห็น ครม.เลื่อนมาชี้แจงตลอด เราจะแก้ปัญหานี้อย่างไร เพราะเจตนาหลักการกระทู้สดด้วยวาจา เพื่อให้รัฐมนตรีมาตอบปัญหาเพื่อประชาชนและประเทศชาติ การที่รัฐมนตรีละเลย ไม่ปฏิบัติตามเช่นนี้ ตนเห็นว่า กำลังไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ม.3 วรรคสอง ที่บัญญัติว่า ครม.ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ และหลักนิติธรรมเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนโดยส่วนรวม และข้อบังคับสภาข้อ 151 กำหนดให้นายกฯ หรือรัฐมนตรีที่ถูกกระทู้ถาม ต้องเข้าร่วมประชุมเพื่อตอบคำถามด้วยตนเอง เว้นแต่มีเหตุจำเป็นอันมิอาจเลี่ยงได้ และต้องแจ้งหนังสือแจ้งต่อสภาก่อน หรือในวันประชุมสภาฯ และต้องแจ้งด้วยว่าจะสามารถมาตอบได้เมื่อใด จึงขอถามว่า ที่ผ่านมา ครม.ก็ทราบอยู่แล้วว่า ทุกวันพฤหัสบดีจะมีการกระทู้ถามสดด้วยวาจา แต่ทำไมจึงกำหนดภารกิจในวันนี้บ่อยครั้ง อยากให้สภาฯ หามาตรการให้ ครม.ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับด้วย

ขณะที่นายพิเชษฐ์ เจ้าของกระทู้สดเรื่องปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ซึ่งได้นำข้าวเปลือก และปุ๋ยใส่ข้าว มาประกอบการอภิปราย พร้อมระบุว่า เป็นข้าวและปุ๋ยที่ชาวนามอบให้มา เพราะมองว่า ส.ส. เป็นที่พึ่งของประชาชน ที่ต้องการสะท้อนให้รัฐบาลแก้ปัญหา อย่างไรก็ดี เมื่อรัฐบาลไม่มาตอบจะให้เกษตรกรไปพึ่งใคร “เขาบอกว่า ไม่ต้องเอาข้าวกิโลกรัมละ 5 บาทกลับบ้าน ให้หว่านในสภาฯ? ให้งอกในสภาฯ นี้ เสร็จแล้วใส่ปุ๋ยด้วยให้งอกงามในสภาฯ เพราะเกษตรกรของประเทศไทยไม่รู้จะพึ่งใครแล้ว” จากนั้น นายพิเชษฐ์ได้นำข้าวเปลือกและปุ๋ยใส่ข้าวที่เตรียมมาโปรยกลางห้องประชุม

ด้านนายชวน ได้แสดงความเห็นใจ แต่ขอให้ทำความสะอาดพื้นด้วยตนเอง พร้อมกล่าวว่า "เมื่อเปิดโอกาสให้แสดงความรู้สึกแทนชาวบ้าน เชื่อว่า แม้ชาวบ้านจะมอบให้ แต่เขาคงไม่ต้องการให้เราทำแบบนี้” ขณะที่นายพิเชษฐ์ กล่าวตอบว่า “ครับ ผมขอเก็บทุกเมล็ดเอง และทำความสะอาดเองครับ”

ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ฐานะวิปฝ่ายค้าน หารือว่า กรณีเลื่อนกระทู้ถามสดของรัฐบาลเป็นสิ่งที่กังวล ดังนั้น เมื่อรัฐบาลไม่มาตอบ ขอให้พิจารณาเพิ่มกระทู้ถามสดในสัปดาห์หน้า โดยพรรคฝ่ายค้านจะเสนอให้งดเว้นข้อบังคับการประชุมสภาฯ ในสัปดาห์หน้า ให้เพิ่มกระทู้ถามสด 4 กระทู้ แต่หากสัปดาห์หน้าไม่มา ในสัปดาห์ถัดไป จะขอเว้นข้อบังคับให้ เพิ่มกระทู้ถามสดได้ 6 กระทู้ เพื่อให้กระทู้เพิ่มแบบพอกหางหมู ให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับสภาฯ “ผมจะใช้กลไกของฝ่ายค้าน เมื่อกระทู้ถามสด รัฐมนตรีไม่มาตอบ ขอให้เตรียมองค์ประชุมไว้ตลอดเวลา ทั้งวันทั้งคืน จะลองดูว่ามาตอบหรือไม่”

ด้านนายชวน กล่าวว่า ตนได้ประสานกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ว่า ให้ขอร้องให้รัฐมนตรีให้ความร่วมมือกับสภาฯ โดยวันพฤหัสบดีเป็นวันที่มีประชุมสภาฯ และตั้งกระทู้ถามสด ดังนั้น ขอร้องล่วงหน้า และขอความร่วมมืออย่านัดอย่างอื่น ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นมาตรฐาน ไม่เอาอดีตที่รัฐมนตรีหนีการตอบกระทู้มาเป็นแบบอย่างให้รัฐมนตรีหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ และเพื่อให้เป็นตัวอย่างกับรัฐบาลสมัยหน้า ทั้งนี้ นายวิษณุ กล่าวว่า จะนำสิ่งที่ตนปรารภแจ้ง ครม. ต่อไป

จากนั้น ที่ประชุมสภาฯ ได้เข้าสู่วาระกระทู้ถามทั่วไป โดยมีรัฐมนตรีเข้ามาตอบกระทู้ อาทิ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม มาตอบ

วันเดียวกัน (4 พ.ย.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ตั้งกระทู้ถามสดเรื่องราคาข้าวตกต่ำ และได้โปรยข้าวกลางห้องประชุมสภาว่า เหตุที่ไม่สามารถไปตอบกระทู้สดได้ เพราะต้องเข้าประชุม ครม. โดยวาระพิจารณาสำคัญ คือเรื่องการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวรวมอยู่ด้วย ตนและรัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และว่า ถ้านายพิเชษฐ์ให้ความสำคัญจริง และจะตั้งกระทู้ถามสดในสภาอีกครั้ง ตนยินดีที่จะไปตอบ ไม่เคยกลัวสภาและไม่เคยกลัวว่า จะไปตอบกระทู้ถามสดของใครไม่ได้ ขอให้ถามใหม่ในสัปดาห์หน้า ไม่ต้องนำข้าวไปโปรยโดยไม่จำเป็น

4. "บิ๊กแป๊ะ" ถอนตัวไม่ลงชิงผู้ว่าฯ กทม. ด้าน "ธรรมนัส" ยันตนไม่ใช่ต้นเหตุ เพราะรักกันมาก เปรียบเหมือนคอหอยกับลูกกระเดือก!



เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ที่อาคารปานศรี อดีตที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งปัจจุบันเป็นสำนักงานของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่ประกาศก่อนหน้านี้ว่า จะลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ได้เรียกประชุมสมาชิกสภากรุงเทพฯ (ส.ก.) 50 คน ที่จะลงสมัครในนามกลุ่ม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ก่อนแจ้งว่า ตนได้ตัดสินใจจะไม่ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.แล้ว ทำให้ ส.ก.ทั้งหมดต่างตกใจไปตามๆ กัน เพราะตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้ลงพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ

รายงานแจ้งว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ระบุเหตุผลที่ไม่ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ว่า “ผมไม่อยากให้ผู้ใหญ่ที่เคารพต้องลำบากใจ จึงขอยุติการลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.”

อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า สาเหตุที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ เปลี่ยนใจไม่ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. เนื่องจากเกิดปัญหาความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เนื่องจาก ร.ต.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค พปชร. ต้องการส่ง ส.ก.ในนามพรรค พปชร. รวมทั้งจะสนับสนุน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.ลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.สมัยหน้าด้วย เท่ากับว่าจะต้องไปแข่งกันเอง

อีกทั้งก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ เคยปรารภว่า ไม่ต้องการที่จะแข่งกับ พล.ต.อ.อัศวิน เพราะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่มีความใกล้ชิดกันตั้งแต่สมัยเป็นข้าราชการตำรวจ จึงอาจเป็นเหตุผลหนึ่งในการตัดสินใจไม่ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ในครั้งนี้

รายงานแจ้งด้วยว่า พล.ต.อ.อัศวิน ไม่ได้กลัวแพ้ ไม่ว่าจะเป็นนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครลงชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ที่ผลโพลมีคะแนนำ เนื่องจากนายชัชชาติยังจะต้องไปแย่งฐานเสียงเดียวกับกลุ่มที่เป็นฐานเสียงของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย หรือแม้แต่ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยและก้าวไกลก็ตาม แต่สาเหตุหลักคือ ไม่ต้องการให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรค พปชร. ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพต้องลำบากใจ นอกจากนี้ยังมีผู้ใหญ่ขอมาให้ถอนตัว และอาจจะให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ไปทำงานการเมืองด้านอื่นแทน

วันต่อมา (2 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์ พล.อ.ประวิตร ถึงกรณี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ถอนตัวไม่ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. ว่า ได้พูดคุยกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ หรือยัง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ยังๆ” ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ความสัมพันธ์กับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ยังคงเดิมใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เหมือนเดิม เพราะรู้จักกันมานานแล้ว และคงไม่โทรถาม เดี๋ยวเขาคงมาคุยกับตนเอง เมื่อถามว่า พรรค พปชร.จะหันไปสนับสนุน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.แทนใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่เห็น ไม่เห็นมี และตนก็ไม่รู้ และยังไม่ได้คิดว่าจะสนับสนุนใคร เพราะว่าพรรค พปชร.ไม่ส่งผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.

วันเดียวกัน (2 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เลขาธิการพรรค พปชร.ว่า ไม่ได้มีความขัดแย้งกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ที่มีข่าวถอนตัวไม่ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่วว่า “ผมกับพี่แป๊ะ เหมือนคอหอยกับลูกกระเดือก ผมคบกันมาตั้งแต่เด็กๆ” เมื่อถามต่อว่า ข่าวการถอนตัวของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ มี ร.อ.ธรรมนัสเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า “จริงๆ แล้ว ถ้าคนรู้ว่า ผมกับพี่แป๊ะรักกันขนาดไหน ผมเกิดมาทุกวันนี้เพราะพี่แป๊ะช่วยผม ถือว่ามีส่วนสำคัญที่ผลักดันให้ผมมาจนถึงทุกวันนี้”

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า มีข่าวทำนองว่า ร.อ.ธรรมนัส เปลี่ยนไปสนับสนุน พล.ต.อ.อัศวิน ผู้ว่าฯ กทม.แทน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า “โถ พี่แป๊ะเหมือนคนในครอบครัวผม ดูแลผมมาตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่จบโรงเรียนนายร้อยมา พี่แป๊ะก็ดูแลผมมาถึงวันนี้” เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะทาบทาม พล.ต.อ.จักรทิพย์กลับมา ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ทุกเรื่องต้องเคารพการตัดสินใจของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ และเคารพการตัดสินใจของ พล.อ.ประวิตร

5. ศาลอาญา สั่งจำคุก "เบนจา อะปัญ" แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ 6 เดือน ฐาน "ละเมิดอำนาจศาล" เจ้าตัวไม่สำนึก ไม่ลดโทษให้!



เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ศาลอาญาได้อ่านคำสั่งคดีละเมิดอำนาจศาลที่ ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการประจำศาลอาญา เป็นผู้กล่าวหา น.ส.เบนจา อะปัญ แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ผู้ถูกกล่าวหา กรณีเมื่อวันที่ 29 เม.ย.2564 กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้ชวนกันมาทำกิจกรรมยื่นจดหมายราชอยุติธรรม พร้อมทั้งยืนอ่านกลอนในลักษณะประณามใส่ร้ายดูหมิ่นตุลาการที่ศาลอาญา โดยกลุ่มบุคคลดังกล่าวได้เข้ามาบริเวณศาล รวมตัวกันอยู่ที่บริเวณบันไดทางขึ้นหน้าศาล

ซึ่งมีการใช้เครื่องขยายเสียงและตะโกนข้อความ ปล่อยเพื่อนเรา โดยระหว่างที่มีการทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ได้ทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยภายในศาลอาญา

ทั้งนี้ ศาลอาญามีคำสั่งว่า น.ส.เบนจา ผู้ถูกกล่าวหา มีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 30, 31 (1), 33 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15, 180 ให้ลงโทษจำคุกผู้ถูกกล่าวหาเป็นเวลา 6 เดือน แม้ถูกกล่าวหาให้การรับข้อเท็จจริงว่า ได้กระทำการตามคำกล่าวหาก็ตาม แต่กลับต่อสู้ว่า การกระทำไม่เป็นความผิด อันเป็นการแสดงว่า ผู้ถูกกล่าวหามิได้สำนึกถึงการกระทำ ประกอบกับคำรับของผู้ถูกกล่าวหา เป็นไปในทางจำนนต่อพยานหลักฐานที่ปรากฏแน่ชัด คำรับข้อเท็จจริงของผู้ถูกกล่าวหา จึงไม่เป็นประโยชน์ในการพิจารณา อันจะเป็นเหตุบรรเทาโทษได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จึงไม่ลดโทษให้

หลังศาลมีคำสั่งดังกล่าว มีรายงานว่า น.ส.เบนจาได้ร้องไห้ และเมื่อสงบลงจึงพูดว่า ขาเป็นของเธอและเป็นสิทธิของเธอที่จะเดินหรือไม่เดิน ก่อนพูดอีกว่า พี่จะลากหนูก็ลากไปเถอะ หนูจะไม่เดิน จะยืนตรงนี้ หนูก็ไม่ได้ทำร้ายใคร ถ้าพี่จะลากหนูก็ลากไปจะไม่ขัดขืน

จากนั้น น.ส.เบนจา ได้นอนคว่ำราบลงไปกับพื้น ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนพื้น เจ้าหน้าที่จึงนำรถเข็นผู้ป่วยมา และนำ น.ส.เบนจา ขึ้นนั่งบนรถเข็น เพื่อนำไปควบคุมตัวตามคำสั่งศาล โดย น.ส.เบนจา ได้พูดด้วยเสียงที่ดังระดับหนึ่งว่า "ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎรจงเจริญ"


กำลังโหลดความคิดเห็น