xs
xsm
sm
md
lg

ชายคลั่งควงมีดกลางตลาดแม่กลอง เครียดถูกโกงงานรับเหมา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ชาวเน็ตแชร์เหตุการณ์แปลก ชายคลุ้มคลั่งถืออาวุธมีด จอดรถจักรยานยนต์ท้ายพ่วงรถสาลี่ ตะโกนพูดจาวกวนจับใจความไม่ได้ สุดท้ายตำรวจใช้ปืนไฟฟ้ายิงล้มลงจับกุมไว้ได้ พบทำงานรับเหมาก่อสร้าง งานน้อยลงแถมนายจ้างโกง เครียดสะสม

วันนี้ (30 ต.ค.) โลกโซเชียลฯ ได้มีการแห่แชร์ภาพ พร้อมข้อความระบุว่า “ด่วน‼️ เวลานี้ชายคลุ้มคลั่งถืออาวุธมีด ถือรูป...ยืนบนรถพ่วง พูดจาวกวนไม่รู้เรื่อง หน้าธนาคารไทยพาณิชย์ ประชาชนที่มาตลาดห้ามมา ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายกำลังควบคุมสถานการณ์ เจรจาไม่เป็นผล #ทีมข่าวสมุทรสงคราม” จากภาพจะเห็นชายรายหนึ่งคาดศีรษะด้วยผ้าสีแดง ใส่เสื้อกั๊กหนังแขนกุดสีดำ นุ่งกางเกงขายาวสีฟ้า สวมรองเท้าผ้าใบ ขับขี่รถจักรยานยนต์ท้ายพ่วงรถสาลี่ โดยมีพระบรมฉายาลักษณ์พระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่งถือมาด้วย มาจอดกลางถนน ยืนควงมีดสปาต้าหัวตัดยาวประมาณครึ่งเมตร อีกทั้งยังพกมีดทำครัวติดตัวมาด้วยอีก 2 เล่ม มีปืนฉีดน้ำสะพายหลัง และปืนแก๊ปเหน็บที่เอวอีก 1 กระบอก ตามรายงานข่าวระบุว่า ชายคนดังกล่าวตะโกนพูดจาวกวนจับใจความไม่ได้

ชมโพสต์ต้นฉบับ คลิกที่นี่
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา บริเวณศูนย์จราจร สภ.เมืองสมุทรสงคราม ใจกลางตลาดแม่กลอง ต.แม่กลอง อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ตำรวจพยายามเกลี้ยกล่อมสอบถามว่าต้องการอะไร แต่ชายคนดังกล่าวไม่ยอมพูดคุยด้วย แต่กลับควงมีดด้วยอาการคลุ้มคลั่งเดินรอบรถจักรยานยนต์ของตนเอง เจ้าหน้าที่ต้องใช้กำลังประมาณ 30 นาย พร้อมไม้ง่ามเตรียมจับกุมตัว แต่ประเมินสถานการณ์แล้วเกรงว่าจะเกิดอันตราย กระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตัดสินใจใช้ปืนไฟฟ้ายิงจนชายดังกล่าวล้มลงกับพื้น ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะกรูกันเข้าไปจับกุมตัวไว้ได้

สำหรับชายคนดังกล่าวทราบชื่อต่อมาคือ นายบำรุง โพธิ์ทอง อายุ 46 ปี เป็นชาวตำบลบางช้าง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม สอบสวนทราบว่าประกอบอาชีพรับเหมาก่อสร้างงานชิ้นเล็กๆ ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้งานน้อยลง แถมเจอนายจ้างโกงได้เงินบ้างไม่ได้เงินบ้าง เกิดความเครียดสะสม วันนี้จึงมาก่อเหตุดังกล่าว ทางตำรวจคุมตัวส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า สมุทรสงคราม เพื่อตรวจหาสารเสพติด แจ้งข้อหาพกพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร และสร้างความเดือดร้อนรำคาญ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป