xs
xsm
sm
md
lg

LINE MAN Wongnai มอบกิจกรรมเพื่อสังคม เป็นตัวกลางช่วยวิกฤตช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 พุ่งเป้าครอบคลุม 77 จังหวัด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ในปีนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ถือเป็นว่าหนักพอสมควร มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากในช่วงเมษายน ค่อยๆ เพิ่มจากหลักร้อย เป็นหลักพัน จนถึงหลักหมื่น ถึงแม้ในปัจจุบันยอดผู้ติดเชื้อใหม่จะลดลง แต่ก็ยังถือว่าสูง และเกิดวิกฤตมากมายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่ล้นเตียง จนผู้ป่วยบางรายต้องรับการรักษาผ่านระบบ Home Isolation ไม่สามารถออกไปไหนได้ ต้องมีการคนคอยจัดส่งยารักษาและอาหาร รวมถึงเรื่องของร้านอาหาร ที่ไม่สามารถนั่งทานในร้านได้ ร้านผับ-บาร์ถูกปิด บางร้านหมดหนทางจนต้องเลิกกิจการ แต่สิ่งที่จะแก้วิกฤตได้ชั่วคราวคงหนีไม่พ้นเรื่องของ Delivery ที่เป็นตัวกลางของ "โลจิสติกส์" ซึ่งสามารถเป็นหนึ่งในการที่จะแก้วิกฤตได้ในช่วงนี้ได้

คุณอิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายสาธารณะและรัฐกิจสัมพันธ์ LINE MAN Wongnai ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับแพลตฟอร์มไทยกับภารกิจเพื่อสังคมในฐานะตัวกลางที่เชื่อมผู้ให้และผู้เดือนร้อนช่วงวิกฤตโควิด-19

"โดยในปีนี้ทั้งปีทาง LINE MAN Wongnai ได้รับผลกระทบมาก ซึ่งตัวของเดลิเวอรี่มีทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยลบ แน่นอนว่ายอดการสั่งซื้อเดลิเวอรี่สูงขึ้น แต่ตัวเราเองก็มีของ Wongnai ตัวร้านอาหารที่เป็นกินที่หน้าร้าน อย่างเรื่องของการโฆษณาไปให้คนไปกินหน้าร้าน ก็มีธุรกิจที่ขายดีโดยการจัดชุดอาหาร ก็ได้อาหารที่ราคาถูกลง ผลกระทบก็มีบวกและลบปนกันไป แน่นอนว่า LINE MAN Wongnai เป็นธุรกิจที่ผูกพันกับร้านอาหารมายาวนาน สำหรับ Wongnai ปีนี้เป็นปีที่ 11 มีร้านในเครือที่อยู่ในระบบของเราประมาณ 800,000 ร้าน อันนี้คือเดต้าที่เรามี และจะเห็นว่าร้านรายย่อยปิดตัวไปเยอะ ที่เป็นรายย่อยจริงๆ หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจริงๆ โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นโซนท่องเที่ยวสูง หรืออีกกลุ่มนึงก็คือกลุ่มที่เป็นคนตกงาน โดยโควิดในรอบที่ผ่านมา มีคนตกงานไปหลายคน โดยสิ่งที่อยากจะมาเล่าว่า LINE MAN Wongnai ทำอะไรบ้าง" คุณอิสริยะกล่าว


คุณอิสริยะ กล่าวว่า "ขอย้อนไปที่ตัว Core Values คือเป็นแกนหลักค่านิยมที่สำคัญของบริษัท โดย LINE MAN Wongnai มี Core Values อยู่ 3 ตัว อันที่หนึ่งคือ Innovate Fater คือทำให้เร็ว เราเป็นบริษัทเทคโนโลยีการสร้างนวัตกรรมแน่นอนว่าต้องรวดเร็ว เพราะมีคู่แข่งที่เป็นบริษัทที่เป็นบริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติ อันที่สอง Go Deeper ก็คือเราจะลงลึกไปยังชุมชนต่างๆ ของไทยให้มากที่สุด ถึงแม้จะมีชื่อว่า LINE มาแปะหน้า จุดเริ่มต้นของเราเป็นบริษทไทย ฝั่ง Wongnai เป็นไทยล้วน ทุกวันนี้ผู้บริหารผู้ถือหุ้นยังมีเป็นคนไทยอยู่ ตัวทีมพนักงาน ยกเว้นซอฟต์แวร์เป็นคนไทย ในเรื่องของคู่แข่งของเราเป็นบริษัทข้ามชาติ เราก็อยากจะลงลึกเข้าไปของความต้องการของคนไทยมากที่สุด เพราะเราเชื่อว่าคนไทยรู้ว่าอาหารไทยต้องการอะไร ตัวอย่างง่ายๆ ตอนนี้เราจะขยายให้ครบ 77 จังหวัดภายในสิ้นปีนี้ โดยขณะนี้มี 68 จังหวัด ก็จะพยายามลงลึกถัดจากอำเภอเมือง ก็ไปอำเภอใหญ่ๆ เพิ่มเติม ปีนี้เราอาจจะเห็นแถลงข่าวว่า LINE MAN ครบ 77 จังหวัด และข้อสุดท้ายคือ Respect Everyone หมายถึงเราอยากให้ผู้มีส่วนร่วมทุกคนได้รับการปฏิบัติที่ดีที่สุด เท่าเทียมกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ซึ่งข้อนี้เป็นสิ่งที่อยากพูดมากที่สุด"

"เป้าหมายของเราในส่วนของธุรกิจ LINE MAN Wongnai มิชชันขององค์กรคือเราอยากให้คนไทยมีชีวิตที่ดีขึ้น To help Thai people live better ถึงแม้รูปแบบของเราจะเป็นอาหาร แต่มันไม่ใช่แค่เรื่องกิน อย่างตัว LINE MAN ก็สามารถเรียกแท็กซี่ก็ได้ และล่าสุดเราได้มีการเปิดขายสินค้าบน LINE MAN ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นของกินเสมอไป เราขยายขอบเขตจากเรื่องกินเป็นเรื่องทั่วไป ส่วนเรื่องยุทธศาสตร์ของเราคืออะไร คงต้องย้อนไปที่ภาพเป้าหมายของเราคืออยากให้คนไทยทุกคนมีชีวิตที่ดี สิ่งที่เราเชี่ยวชาญ อันที่หนึ่งคือเป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ อันที่สองเรามีร้านอาหารในสังกัดในแพลตฟอร์มอยู่ 800,000 ราย อันสุดท้ายคือเรามีกลุ่มไรเดอร์ 10,000 คน เราจะทำยังไงให้สามารถเชื่อมทรัพยากร เชื่อมความเชี่ยวชาญได้ ซึ่งภารกิจ CSR ที่เราทำมาตั้งแต่ต้นปีมี 2 เรื่อง คือ 1.การปรับปรุงคุณภาพของตัวร้านอาหารและไรเดอร์ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 2.ทำยังไงก็ได้เอาความเชี่ยวชาญของเรา เอาเครือข่ายร้านอาหาร เครือข่ายไรเดอร์ของเรา ไปสนับสนุน แก้วิกฤตผลกระทบจากโควิด-19"คุณอิสริยะ กล่าว


ร้านอาหารและไรเดอร์คือพาร์ทเนอร์คนสำคัญ (Stakeholders Empowerment) ซึ่งทั้งร้านอาหารและไรเดอร์ได้รับผลกระทบอย่างมาก ในรอบ 3-4 เดือนที่ผ่านมา ร้านอาหารได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ไปถึง 2 รอบ โดยร้านอาหารในพื้นที่สีแดง เจอปัญหาอย่างชัดเจนเลยคือ ไม่สามารถขายของหน้าร้านได้ รายได้อย่างเดียวของร้านแทบจะมาได้จากการขาย Delivery เราได้แบ่งตามชนิดของร้าน คือ

- #Saveร้านอาหาร สำหรับร้านอาหารที่ไม่สามารถขายหน้าร้านได้
- #ช่วยเชฟSaveร้าน เป็นกลุ่มร้านอาหารไฟนไดนิ่งและร้านพรีเมี่ยมที่เชฟดัง ซึ่งคนทั่วไปอาจจะมองว่าขายแพงไม่น่าได้รับผลกระทบเท่าไหร่ แต่จริงๆ ไม่ใช่อย่างนั้น กลุ่มนี้กลับเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด เนื่องจากอาหารของเขาค่อนข้างขาย Delivery ยากมาก
- #SupportLocalBarTH กลุ่มธุรกิจผับ-บาร์ ซึ่งได้รับผลกระทบหนักเช่นกัน โดยร้านอาหารกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งไม่สามารถขายผ่าน Delivery ได้อยู่แล้วด้วย

คุณอิสริยะ กล่าวต่อว่า "โดยทางเราให้ค่า GP ฟรี 15 วันสําหรับร้านที่ไม่เคยขายออนไลน์ ซึ่งได้เสียงตอบรับค่อนข้างดี มีฟรีค่าธรรมเนียมสําหรับฟีเจอร์ "Self Delivery และ Pickup" ซึ่งฟีเจอร์ Pickup เป็นการที่บางร้านอาจจะไม่จำเป็นต้องขับรถจักรยานยนต์ไปส่ง เป็นให้ลูกค้ามารับหน้าร้านเองได้ ส่วนฟีเจอร์ Self Delivery กรณีถ้าร้านอาหารไหนมีพนักงานค่อนข้างเยอะ ไม่สามารถขายหน้าร้านได้ ทางเราจะเปลี่ยนพนักงานกลุ่มนี้เป็นพนักงานส่งอาหารชั่วคราวของร้านตัวเอง อีกทั้งให้พื้นที่สื่อโปรโมตร้านบนช่องทางทั้งหมดของ LINE MAN Wongnai ฟรี และถ่ายภาพอาหาร เพื่อโปรโมทร้านให้ฟรีจากช่างภาพมืออาชีพ ถ่ายรูปให้ร้านอาหารรวมกว่า 500 ร้าน ซึ่งรูปทั้งหมดเราให้ทางร้านใช้ได้ฟรี"

"ถัดมาเป็นกลุ่มของร้านไฟนไดนิ่ง ซึ่งกลุ่มของเชฟได้รับผลกระทบที่สุด ทางเราได้ร่วมมือกันระหว่างมูลนิธิ Chef Cares และ Wongnai ที่จะพาเชฟฝีมือดีจากหลายร้านอาหารดัง มาจัดทําเมนู “อาหารตามสั่งแบบไฟน์ไดนิ่ง” สามารถ สั่งมาที่บ้านได้ในราคาย่อมเยาว์ โดยมีร้านอาหาร 17 แห่งและเชฟที่ร่วมแคมเปญ ขายในรูปแบบพรีออเดอร์ โดยทาง Wongnai ไม่ได้เก็บส่วนใดจากเชฟเลย เพื่อช่วยร้านเพิ่มกระแสเงินสดด้วยการขายดีลไปรวม มากกว่า 3,000 ดีล ค่อนข้างประสบความสำเร็จ" คุณอิสริยะ กล่าว

คุณอิสริยะ กล่าวให้สัมภาษณ์ต่อว่า "ในส่วนของร้านกลุ่มผับ-บาร์ ซึ่งได้รับผลกระทบมากที่สุดอย่างที่กล่าวไปตอนต้น ในเมื่อคุณไม่สามารถเปิดขายหน้าร้านได้ ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ ทางออกเดียวของกลุ่มนี้คือขายอาหาร ซึ่งเราก็เปิดแพลตฟอร์มให้อาหารเหล่านี้มาใช้งานได้ฟรี"


สร้างความอุ่นใจให้ไรเดอร์ที่ปฏิบัติงานช่วงโควิด-19

คุณอิสริยะ กล่าวว่า ในส่วนของไรเดอร์เรามีสวัสดิการให้ค่อนข้างครบถ้วน ปัจจุบันมีประกันอุบัติเหตุและประกันรถจักรยานยนต์รายเดือน ซึ่งตัวประกันนี้เป็นประกันคุ้มครอง 24 ชั่วโมง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย สําหรับไรเดอร์ที่ขับเป็นประจํา และเข้าเกณฑ์ขั้นตํ่าที่กําหนดไว้ ในแต่ละเดือน หากไรเดอร์ได้รับบาดเจ็บระหว่างการทํางาน ทางเรามีการมอบเงินช่วยเหลือฉุกเฉินสําหรับไรเดอร์ที่ประสบอุบัติเหตุและครอบครัวทันที และสุดท้ายมีประกัน COVID-19 ให้ฟรี คุ้มครองยาว 1 ปี ถ้าหากไรเดอร์ติดโควิด-19 มีค่ารักษาพยาบาล และชดเชยรายได้รายวัน เป็นอะไรที่เราค่อนข้างภูมิใจ ที่เราสามารถจัดหาสวัสดิการที่จำเป็นให้กับไรเดอร์ได้ครบถ้วน พร้อมแจกอุปกรณ์ในการทำงานคือหน้ากากอนามัยให้ไรเดอร์ทั่วประเทศ โดยส่งให้ทางไปรษณีย์ ซึ่งแจกไปแล้ว 1 ล้านชิ้น เสียงตอบรับจากไรเดอร์ก็ดีมากๆ

"อีกสิ่งที่เราอยากจะทำคือการส่งต่อทรัพยากรหรือความเชี่ยวชาญที่เรามีไปยังกลุ่มคนอื่นๆ ในสังคมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อีกเช่นกัน ก็คือทาง LINE MAN เรามีทรัพยากรอยู่ทั้งกลุ่มที่เป็นร้านอาหารกับกลุ่มที่เป็นไรเดอร์ มีอะไรที่เราสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมเป็นตัวกลางเชื่อมต่อระหว่างคนที่มีทรัพยากรกับคนที่เดือดร้อน ช่วงที่มีการล็อกดาวน์ ผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก เราหันมาถามตัวเองว่าสิ่งที่เราเชี่ยวชาญคืออะไร และสิ่งที่กลุ่มอาสาต่างๆ ขาดแคลนคืออะไร เราเลยค้นพบว่าสิ่งที่กลุ่มจิตอาสา ส่วนใหญ่เขาจะมีของบริจาค มีอาหาร มีทรัพยากรอยู่แล้ว แต่ว่าการส่งของไปยังกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนค่อนข้างยาก ขาดตัวกลางที่เป็นโลจิสติกส์ ทาง LINE MAN จึงไปจับมือกับหลายๆ หน่วยงาน ในการจัดทรัพยากรส่งของจากหน่วยงานต่างๆ ไปยังปลายทางที่เป็นชุมชน หรือหน่วยงานที่ได้รับผลกระทบ" คุณอิสริยะ กล่าว


คุณอิสริยะ กล่าวต่อว่า ความร่วมมือกับสภากาชาดไทยและทีมอาสา HICV ในช่วงที่มี Home Isolation ทางสภากาชาดไทยประสบปัญหาในเรื่องของการจัดส่งยารักษาให้กับผู้ป่วยที่ติดเชื้อ เนื่องจากผู้ป่วยกระจายอยู่หลายพื้นที่ ทาง LINE MAN จึงเข้าไปช่วยสภากาชาดไทยในเรื่องการจัดชุดไรเดอร์ให้ โดยทางสภากาชาดไทยสามารถกดเรียกแมสเซนเจอร์ในระบบของไลน์แมนได้เลย และทางเราก็มีโค้ดส่งฟรีให้ โดยแค่เพียงเจ้าหน้าที่สภากาชาดไทยต้องคอยจัดยาใช้เวลาพอสมควร อาจจะไม่มีเวลากดเรียก ทางไลน์แมนก็ได้จัดเจ้าหน้าที่ของไลน์แมนนั่งประจำ เพื่อกดเรียกไรเดอร์ให้แทน เป็นการแบ่งเบาภาระให้กับเจ้าหน้าที่สภากาชาดไทย

นอกจากนี้เรามีโครงการคล้ายๆ กัน เราได้ร่วมกับ "กสศ." หรือกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ที่ทำเรื่อง Home Isolation ของเด็กโดยเฉพาะ อีกกลุ่มโครงการคือ "เราต้องรอด" ของคุณได๋ ไดอาน่า คุณนิหน่า อันนี้เราก็เป็นพาร์ทเนอร์ด้วย นอกจากเรื่องการจัดส่งยารักษาแล้ว เรายังมีการจัดส่งข้าวด้วย เราได้มีการร่วมงานกับหลายชุมชน หลายองค์กร และในหลายๆ จังหวัดมีไรเดอร์ที่เป็นจิตอาสา มีร้านอาหารบางร้านขายอาหารไม่ได้ เราก็ช่วยซื้ออาหารจากร้านนั้น แล้วให้ทีมไรเดอร์ของเรานำไปบริจาคให้กับตามชุมชนต่างๆ และเราได้มีการร่วมทำงานกับคุณวู้ดดี้ ซึ่งคุณวู้ดดี้ก็จะไปแจกอาหารตามชุมชนทุกวัน โดยทางไลน์แมนก็เข้าไปเป็นพาร์ทเนอร์ในเรื่องของโลจิสติกส์ และนี่คือหลายโปรเจกต์ที่เราทำในเรื่องส่งยา ส่งอาหารให้กับชุมชน ถือเป็นโครงการ CSR ที่เราภูมิใจ เพราะเป็นสิ่งที่คนขาดจริงๆ คือ "โลจิสติกส์" และเป็นสิ่งที่เราทำได้ดี ในช่วงเวลาที่ลำบาก

คุณอิสริยะ กล่าวว่า และมีโครงการที่เราร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ผู้ประกอบการร้านอาหารและไรเดอร์ที่มีรายได้ลดลง ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในภาวะวิกฤต ผ่านธนาคารออมสิน สิ่งที่ต่างจากเรื่องโปรโมตทั่วไปคือร้านอาหารที่รับออเดอร์ผ่านทางไลน์แมนหรือวงในก็ตามที่มีข้อมูลร้านอาหารนี้ได้รายได้กี่บาท สามารถเอาข้อมูลนี้ไปยื่นกู้กลับทางธนาคารออมสินได้อีกด้วย เพื่อให้ธนาคารออมสินมั่นใจว่าอย่างน้อยถึงร้านอาหารที่มายื่นกู้ มีปัญหาเรื่องของหน้าร้านอาหารไม่ได้ แต่การขายผ่าน Delivery ได้ มั่นใจว่าไม่เป็นหนี้เสีย โดยมีร้านอาหารให้ความสนใจเข้าร่วมมากกว่า 3,000 ร้าน ทั่วประเทศ

"ทั้งหมดที่พูดมาสำหรับงบประมาณเพื่อช่วยเหลือสังคมในยามวิกฤตทั้งหมด 10 ล้านบาท ร้านอาหารที่ได้รับการสนับสนุนของเราประมาณ 200,000 ร้าน ไรเดอร์ประมาณ 100,000 คน และทางไลน์แมนมีการส่งอาหารให้กับชุมชนประมาณ 30,000 มื้อ ด้านผู้ป่วย Home Isolation ได้รับการจัดส่งยาและอาหารถึงบ้าน 10,000 เคส ร่วมทั้งเรามีการบริจาคเงินให้กับโรงพยาบาล ให้โค้ดส่วนลดกับบุคคลากรทางการแพทย์อีกด้วย" คุณอิสริยะ กล่าวทิ้งท้าย
















กำลังโหลดความคิดเห็น