รร.ดุสิตธานีหัวหินชี้แจงดรามาคลิปวิดีโอใช้รถแทรกเตอร์ขับกวาดขยะลงหลุม ยันแค่ใช้รถเก็บกวาดขยะให้รวดเร็วขึ้น เนื่องจากมีขยะทะเลขึ้นมากองเป็นจำนวนมากจากมรสุม
จากกรณีพบผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งซึ่งคาดว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทย ได้โพสต์คลิปบริเวณริมหาดชะอำ จ.เพชรบุรี เกี่ยวกับการจัดการขยะที่ไม่เหมาะสมของโรงแรมแห่งหนึ่ง โดยในคลิปวิดีโอจะเห็นชาย 3 คนยืนอยู่ริมหาดแล้วก็มีรถแทรกเตอร์ขับกวาดขยะลงหลุมที่ขุดเอาไว้ ซึ่งจุดที่ฝังกลบขยะดังกล่าวอยู่ไม่ไกลจากจุดที่คลื่นซัดน้ำทะเลเข้ามาถึง
เจ้าของคลิประบุว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหน้าโรงแรมห้าดาวชื่อดังแห่งหนึ่ง พนักงานกำลังเตรียมพร้อมทำความสะอาดชายหาดรองรับช่วงวันหยุดยาว ซึ่งก็มีคำถามตามมาว่าทำไมไม่เอาขยะออกนอกชายหาดไปกำจัด แต่ใช้วิธีขุดหลุมฝังริมหาดแทน
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 26 ต.ค. เพจ “Dusit Thani Hua Hin” หรือโรงแรม 5 ดาวที่ถูกกล่าวถึง ได้ออกมาโพสต์ข้อความชี้แจงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า
“ช่วงวันหยุดที่ผ่านมา พายุมรสุมไม่ได้พัดแค่กองขยะปริมาณมหาศาลมาที่หน้าหาดของเรา แต่ยังพัดเอาความสงสัย ความไม่สบายใจของผู้คนที่ถาโถมมาหาเราด้วย จากคลิปภาพวิดีโอการทำความสะอาดเก็บขยะบริเวณหาดด้านหน้าโรงแรมฯ โรงแรมฯ เสียใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว และถือเป็นบทเรียนอันมีค่าในการบริหารจัดการขยะจากทะเล ที่ผ่านมาพนักงานได้ช่วยกันเก็บขยะโดยไม่ได้ใช้เครื่องทุ่นแรงใดๆ ช่วย แต่ในช่วงฤดูมรสุมนี้ ปริมาณเศษขยะจากทะเลที่ถูกซัดเข้ามาอยู่บนชายหาดมีปริมาณมากกว่าปกติ ด้วยความตั้งใจดีจึงได้ตัดสินใจใช้รถไถเพื่อสามารถทำความสะอาดหาดได้เร็วขึ้น แต่ภาพที่ออกไปกลับสร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
วันนี้เราขอบคุณพายุที่ทำให้เกิดการเรียนรู้ในการดูแลรักษาสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม ขอบคุณความปรารถนาดี คำแนะนำ กำลังใจ แม้คำตำหนิ ที่ให้เราได้มีโอกาสปรับปรุงแก้ไขการบริหารจัดการ เรายังคงมุ่งมั่นที่จะรักษาความสะอาดของชายหาด โดยมีการบริหารการกำจัดขยะจากทางทะเลที่รอบคอบและใส่ใจมากขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อลูกค้าของเรา และนักท่องเที่ยวทุกๆ ท่าน เราขอขอบคุณหน่วยงานราชการทุกภาคส่วนที่กรุณามาตรวจสอบ และให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาในระยะยาว ขอบคุณที่ให้โอกาสผู้ถูกว่าจ้างให้ได้มีโอกาสชี้แจงการทำงาน
เราเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนที่เป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน ให้ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการบริหารจัดการขยะร่วมกัน เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ปราศจากมลพิษ และต่อยอดการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน”
ทั้งนี้ ยังพบอีกว่าผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่โพสต์คลิปวิดีโอดังกล่าวได้ทำการปิดบัญชีผู้ใช้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว