เพจ “อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์” โพสต์อธิบาย “ไข้ต้มนานจนไข่แดงเป็นสีเขียว” ยืนยันไม่อันตรายต่อร่างกาย ไม่มีสารก่อมะเร็ง โดยสีเขียวในไข่เกิดจากแร่ธาตุที่อยู่ในไข่เท่านั้นเอง
เมื่อวันที่ 6 ต.ค. เพจ “อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์” หรือ ผศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์อธิบายหลังมีหลายคนเข้าใจว่าการ “ต้มไข่” นานเกินไป จะกลายเป็น “ไข่พิษ” ได้ โดยมีลักษณะไข่แดงเริ่มดูเป็นสีเขียว
ทางเพจอธิบายระบุว่า “ไข่ต้มนานๆ จนไข่แดงเริ่มดูเป็นสีเขียวไม่ได้เป็นอันตรายนะครับ ไม่ได้ก่อมะเร็ง อย่างที่แชร์กันในคลิปติ๊กต็อก (ตามรูปข้างล่างนี้) จริงๆ มันเป็นแค่การเปลี่ยนสภาพของแร่ธาตุที่อยู่ในไข่เท่านั้นเอง ไม่ได้เกิดกรดซัลฟูริก (กรดกำมะถัน) และไม่ได้เป็นอันตรายต่อร่างกายครับ
เอาเนื้อหาของบทความเก่าที่เคยเขียนไว้มารีโพสต์ให้อ่านกันนะครับ
(รีโพสต์ บทความเก่า)
กรณีมีการแชร์คลิปรายการทีวีภาษาจีนที่ทำการต้มไข่ด้วยเวลาต่างกัน แล้วอันที่ต้มไปนานกว่า 10 นาทีนั้น พอผ่าออกมาพบว่าส่วนไข่แดงเริ่มมีสีเขียวหุ้มทั้งหมด
พิธีกรในรายการก็บอกว่าเป็นไข่ต้มที่อันตราย ก่อมะเร็งได้!? ... ทำเอาคนตกใจกันใหญ่ เพราะหลายคนก็เคยเจอ เคยกินไข่แบบนี้
อย่าตกใจครับ มันไม่ได้อันตรายแต่อย่างใด!! สีเขียวที่เห็นขึ้นเป็นชั้นรอบไข่แดงต้มนั้นไม่ใช่ความผิดปกติของไข่ แต่เกิดจากการที่เราต้มไข่นานเกินไป จนทำให้ธาตุซัลเฟอร์ (กำมะถัน) และไฮโดรเจนตามธรรมชาติในไข่ขาว ทำปฏิกิริยากันเกิดเป็นไฮโดรเจนซัลไฟด์ขึ้น
แล้วไฮโดรเจนซัลไฟด์นี้ไปทำปฏิกิริยากับธาตุเหล็กตามธรรรมชาติในไข่แดง เกิดเป็นสารประกอบสีเขียวอมเทา ชื่อ เฟอร์รัสซัลไฟด์ (ferrous sulfide) หรืออีกชื่อคือ ไอรอนซัลไฟด์ (iron sulfide) ซึ่งไม่ใช่สารอันตราย หรือก่อมะเร็ง อย่างที่ว่าแต่อย่างใด
วิธีการหลีกเลี่ยงการเกิดสารสีเขียวนี้ คือการต้มไข่ไม่ให้นานเกินไป และให้ไปแช่น้ำเย็นทันที จะหยุดการเกิดปฏิกิริยาได้ครับ”