ธนาคารไทยพาณิชย์เตือนช่วงนี้มีมิจฉาชีพปลอมตัวเป็นธนาคารส่ง SMS ปลอมเพื่อหลอกขอข้อมูลส่วนตัว ห้ามแจ้งรหัส OTP แก่บุคคลอื่น ขณะที่โฆษก ตร.เผยนายกฯ สั่งปราบปรามกวาดล้างกลุ่มมิจฉาชีพอย่างเด็ดขาด
วันนี้ (2 ต.ค.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยกรณีที่มีเหล่ามิจฉาชีพหลอกชักชวนให้ลงทุนทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ในหลากหลายรูปแบบ ระบุว่า เนื่องด้วยการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ประชาชนต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำกิจกรรมหรือธุรกรรมต่างๆ โดยหันมาทำผ่านสื่อสังคมออนไลน์หรือแอปพลิเคชันมากขึ้น ผนวกกับการที่ประชาชนอยู่บ้านมากขึ้น และมีการหารายได้เสริมกันมากขึ้น จึงมีเหล่ามิจฉาชีพอาศัยช่องว่างดังกล่าวในการกระทำความผิดด้วยการโฆษณาผ่านช่องทางต่างๆ
หรือการชักชวนกัน ทั้งทางสื่อสังคมออนไลน์ และการบอกกันปากต่อปากให้มาร่วมลงทุนแชร์ลูกโซ่ ซึ่งมักจะมีข้อเสนอในลักษณะที่ให้ผลตอบแทนสูง ง่าย ไม่ซับซ้อน ยิ่งโอนลงทุนมากยิ่งได้เงินมาก และมุ่งเน้นไปที่การชักชวนให้คนอื่นมาลงทุนต่อ โดยจะมีข้อเสนอพิเศษให้ สำหรับผู้ที่ชวนคนอื่นมาลงทุนเพิ่มได้ก็จะได้เงินตอบแทน ทำให้มีผู้เสียหายหลงเชื่อเป็นจำนวนมาก และในปัจจุบันก็มีการพัฒนารูปแบบไปถึงขั้นมีการสร้างแอปพลิเคชันปลอม หรือเว็บไซต์ปลอมขึ้น เพื่อใช้ประกอบการหลอกลวงประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแอปพลิเคชันธนาคารปลอม ซึ่งมีลักษณะคล้ายแอปพลิเคชันของธนาคารจริง จึงขอให้พี่น้องประชาชนระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีมาตรการและดำเนินการป้องกันปราบปรามตามขั้นตอนของกฎหมาย และเน้นย้ำว่าจะต้องดำเนินการเอาผิดและกวาดล้างกลุ่มมิจฉาชีพอย่างเด็ดขาด เพราะถือเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน ซึ่ง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการไปยังทุกหน่วยงานในสังกัดให้ทำการสืบสวนสอบสวนปราบปรามจับกุมกลุ่มมิจฉาชีพ เร่งทำการจับกุมบุคคลตามหมายจับ รวมถึงขยายผลไปถึงเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างจริงจังต่อเนื่อง เพื่อให้มีผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน
การกระทำลักษณะดังกล่าวนอกจากจะเป็นการตอกย้ำพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนกันอยู่แล้ว ยังเข้าข่ายความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดฐานฉ้อโกง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในฐานความผิดดังกล่าวเป็นความผิดต่อส่วนตัว ผู้เสียหายจะต้องเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนในท้องที่ เพื่อดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิด รวมถึงเตรียมหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น หลักฐานการโอนเงิน บันทึกการสนทนา รายการเดินบัญชีธนาคาร เป็นต้น เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดี
"แนวทางการหลีกเลี่ยงป้องกันการถูกหลอกให้ลงทุน ขอให้ตรวจสอบให้ดี ว่าการลงทุนดังกล่าวมีความน่าเชื่อถือเพียงใด หลีกเลี่ยงการลงทุนที่มีข้อเสนอที่ฟังดูดีเกินกว่าจะเป็นไปได้หรือมีเงื่อนไขในลักษณะที่ได้ผลตอบแทนสูง ง่าย ไม่ซับซ้อน พึงระลึกไว้เสมอว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง ควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจ” ขอให้พี่น้องประชาชนคอยติดตามข่าวสารอยู่เสมอ เพื่อจะได้รู้ทันกลโกงของเหล่ามิจฉาชีพ นอกจากนี้ หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งไปยังคอลเซ็นเตอร์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง"
ด้าน SCB CALL CENTER ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หมายเลข 0-2777-7777 ได้แจ้งแก่ลูกค้าระหว่างรอสาย ระบุว่า "ช่วงนี้มีมิจฉาชีพปลอมตัวเป็นธนาคาร ส่ง SMS ปลอม เพื่อหลอกขอข้อมูลส่วนตัวของท่าน ทั้งนี้ ห้ามแจ้งรหัส OTP แก่บุคคลอื่น และขอเรียนว่าธนาคารไม่มีนโยบายส่ง SMS เพื่อขอข้อมูลส่วนตัว" พร้อมกับให้กด 4 เพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ สำหรับผู้ที่มีข้อสงสัย