พบภัยใกล้ตัวจากการบอกเบอร์ โทร.เพื่อสะสมคะแนน สาวรายหนึ่งถูกฝ่ายชายรุกล้ำความเป็นส่วนตัว เข้ามาทักแล้วส่งรูปแอบถ่ายโดยไม่ยินยอม ก่อนทำทีตีสนิท อ้างทำแบรนด์กระเป๋าชวนมาเป็นนางแบบ ชาวเน็ตปรี๊ดแห่แชร์ ชี้นอกจากละเมิดสิทธิส่วนบุคคลแล้วกำลังคุกคามด้วย
วันนี้ (9 ก.ย.) เรื่องราวเตือนภัยที่ชาวเน็ตแห่แชร์ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อในโลกโซเชียลฯ มีการแชร์ข้อความของผู้ใช้เฟซบุ๊กหญิงรายหนึ่ง ที่ออกมาเตือนภัยทำนองว่าถูกละเมิดความเป็นส่วนตัว หลังบอกเบอร์โทร.แก่ร้านค้าเพื่อสะสมคะแนน โดยสรุปว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่ร้านขายสินค้าแบรนด์ดังจากญี่ปุ่น ศูนย์การค้าแห่งหนึ่งย่านรังสิต จ.ปทุมธานี ระหว่างที่คิดเงินได้บอกเบอร์โทรศัพท์มือถือแก่แคชเชียร์เพื่อสะสมคะแนนตามปกติ ปรากฏว่ามีชายรายหนึ่งแอบถ่ายรูปตนและจำเบอร์มือถือเพื่อแอดไลน์ลงไป แล้วพยายามเข้ามาตีสนิทเพื่อทำความรู้จัก
ชายคนดังกล่าวพยายามเข้ามาตีสนิทว่า ใช่คนที่มาร้านหรือเปล่า ก่อนจะส่งรูปแอบถ่ายไปให้ เมื่อถามว่าเอาเบอร์โทร.มาจากไหน ใครอนุญาตให้ถ่ายภาพ ขอให้ลบเบอร์มือถือและรูปภาพ ฝ่ายชายจึงอ้างว่า พอดีจะถ่ายของแล้วติดฝ่ายหญิงมา แค่ต้องการส่งให้ดู แต่เบอร์โทร.นั้นอ้างว่าฝ่ายหญิงพูดบอกพนักงาน ตนได้ยินเอง และท้าว่าถ้าหากรบกวนสามารถบล็อกไลน์ได้เลย เมื่อถามว่าต้องการอะไรจากตน ฝ่ายชายท้าว่าฟ้องได้เลย ก่อนจะอ้างกฎหมายอาญา มาตรา 168 และขออภัยเป็นอย่างสูงถ้าทำให้ไม่สบายใจ
ฝายชายพยายามตีสนิทเรื่อยๆ อ้างว่าแค่อยากรู้จักแต่ไม่กล้า ตนทำแบรนด์กระเป๋ายี่ห้อหนึ่ง ตอนนี้มีนายแบบแล้ว แต่ยังขาดนางแบบ เลยชักชวนให้มาเป็นนางแบบ ฝ่ายหญิงจึงตอบกลับว่าไม่สนใจ แต่เป็นห่วงความเป็นส่วนตัวที่ถูกรุกล้ำ ไม่ยินยอมทั้งการจำเบอร์โทรศัพท์มือถือแล้วแอดไลน์มาทัก หรือรูปก็ไม่ยินยอมให้ถ่าย ฝ่ายชายก็อ้างว่าตนไม่มีเจตนาแอบแฝง ตนนิสัยไม่ดี ต้องขอโทษอย่างสูง อ้างอีกว่าทำครั้งแรกเพราะคึกคะนอง ต่อไปจะไม่ทำแบบนี้กับใคร
สำหรับมาตรา 168 ที่ฝ่ายชายนำมาอ้าง อยู่ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ระบุว่า “การแสดงเจตนาที่กระทำต่อบุคคลซึ่งอยู่เฉพาะหน้าให้ถือว่ามีผลนับแต่ผู้รับการแสดงเจตนาได้ทราบการแสดงเจตนานั้น ความข้อนี้ให้ใช้ตลอดถึงการที่บุคคลหนึ่งแสดงเจตนาไปยังบุคคลอีกคนหนึ่งโดยทางโทรศัพท์ หรือโดยเครื่องมือสื่อสารอย่างอื่น หรือโดยวิธีอื่นซึ่งสามารถติดต่อถึงกันได้ทำนองเดียวกัน”
ผู้ใช้เฟซบุ๊กหญิงรายดังกล่าวระบุว่า ยอมรับว่าแก้ปัญหาเหตุการณ์นี้ไม่ได้ และคงต้องระวังตัวเองต่อไป อีกฝ่ายดูไม่รู้สึกผิดอะไร แม้จะขอหลักฐานเรื่องข้อมูลส่วนตัวเพื่อความสบายใจ เพราะฝ่ายชายละเมิดสิทธิส่วนบุคคล การถ่ายรูปโดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ ถึงแม้จะไม่เห็นหน้า และกฎหมายไม่มีส่วนไหนปกป้องผู้ถูกแอบถ่ายด้วย ต่อไปนี้คงยื่นโทรศัพท์ให้พนักงานเพื่อสะสมแต้มแทน เพราะถ้าเกิดเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดแบบนี้อีกจะได้ไม่โทษว่าเราไม่ระวังตัวเอง ซึ่งความจริงแล้วควรเคารพสิทธิส่วนบุคคลของผู้อื่น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
โพสต์ดังกล่าวมีผู้แชร์มากกว่า 1,200 ครั้ง และความคิดเห็นจำนวนมาก ต่างแสดงความกังวลเรื่องดังกล่าวว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองหรือไม่ และมองว่าชายคนดังกล่าวกำลังคุกคาม หากปล่อยไว้แล้วอนาคตฝ่ายชายทำมากกว่านี้จะทำอย่างไร เพราะเหตุการณ์ที่มีคนจำเบอร์โทร.แล้วแอดไลน์แล้วพยายามทำทีตีสนิทอีกฝ่ายนั้นมีจริง อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตส่วนหนึ่งพยายามตามหาลายแทงฝ่ายชาย และเริ่มมีทัวร์ลงช่องทางโซเชียลฯ ของฝ่ายชายบ้างแล้ว
อีกด้านหนึ่ง ได้มีผู้ที่เข้ามาให้ความรู้ทางกฎหมาย ระบุว่า หากมีการกระทำดังกล่าวอันเป็นลักษณะในทางคุกคามทางเพศ ผู้กระทำย่อมมีความผิดตามกฎหมายอาญา ตามมาตรา 397 มีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 278 ฐานกระทำการรังแก ข่มเหง คุกคาม ให้อับอายในที่สาธารณะหรือส่อในทางละเมิดทางเพศ ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ ต้องร้องทุกข์ หรือดำเนินคดีภายใน 3 เดือนนับจากวันเกิดเหตุ ไม่อย่างนั้นจะเสียสิทธิทางกฎหมาย
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า สำหรับการบอกเบอร์โทร.เพื่อสะสมคะแนน เป็นทางเลือกในการสะสมคะแนนเพื่อทดแทนการยื่นบัตรสมาชิก ซึ่งเป็นที่นิยมแก่ผู้บริโภคเนื่องจากมีความสะดวก แต่ปัจจุบันมีผู้ประกอบการบางรายเริ่มเปลี่ยนวิธีแจ้งเบอร์โทรศัพท์แก่สมาชิก เช่น การให้ลูกค้ากดเบอร์โทรศัพท์ที่แป้นพิมพ์หรือเครื่อง EDC หรือการพัฒนาแอปพลิเคชันให้ลูกค้าแสดงบาร์โค้ดแทนบัตรสมาชิก