การจัดการขยะ เป็นวาระแห่งชาติมาตั้งหลายปีแล้ว หลังจากปริมาณขยะของไทยพุ่ง แต่ไร้ทางจัดการอย่างมีประสิทธิภาพครบวงจร “โรงไฟฟ้าขยะชุมชน” เพื่อแก้ไขปัญหาและจัดการขยะอย่างยั่งยืน ก็เลยเป็นนโยบายที่ต้องทำ เพราะหากไม่เอามาปั่นไฟฟ้า ก็ยากจะแก้ปัญหาทั้งขยะเก่าที่คาบ่อ และขยะใหม่ที่เพิ่มขึ้นทุกวันปีละกว่า 30 ล้านตันได้
แต่การจัดการขยะเป็นอำนาจของท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ก็เลยต้องเข้ามารับลูก จากปกติใครจะปั่นไฟฟ้าต้องมาที่กระทรวงพลังงาน และเพื่อให้การจัดวางภารกิจหน้าที่ชัดเจน ใครทำอะไร ให้วาระแห่งชาติเป็นจริงเป็นจัง ก็ได้มีการออกพ.ร.บ.รักษาความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2560 ตามมาด้วยการตั้งคณะกรรมการกลางจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย วันที่ 16 มกราคม 2560 และมาคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนกับรัฐ ทำโครงการปั่นไฟฟ้าจากขยะชุมชนทั่วประเทศ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ร่วมเป็นกรรมการด้วย ทั้งกระทรวงมหาดไทย และหลายหน่วยงานของกระทรวงพลังงาน อาทิ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ,คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ,สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.)
โครงการนี้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)ยังเข้ามารับลูก เมื่อ 15 พฤษภาคม 2560 เห็นชอบรับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนในรูปแบบ ฟีด-อิน-ทารีฟ (FiT) สำหรับผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) ปั่นไฟไม่เกิน 50 เมกะวัตต์ โดยสิ่งละอันพันละน้อยเดินไปภายใต้ Roadmap การจัดการขยะมูลฝอย และของเสียอันตรายของกระทรวงมหาดไทย
ปีนั้นทุกอย่างก็ดูราบรื่นสมกับเป็นวาระแห่งชาติที่ทุกหน่วยงานมาบูรณาการ และเร่งมือทำให้เกิดผล อะไรที่ต้องทำงานร่วมกันทั้ง กระทรวงมหาดไทยและพลังงาน ก็คุยกันมาตั้งแต่ปี 2561 ส่วนอะไรที่ต้องทำตามภารกิจก็ทำกันไป กระทรวงมหาดไทย ก็ไปพิจารณาเอกชนที่มีสิทธิ์ขายไฟฟ้าเข้าระบบ ทำงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ส่วนกกพ. ก็ไปออกระเบียบรับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนในรูปแบบ FiT สำหรับ SPP และกกพ.ยังทำงานกับพพ.กำหนดปริมาณรับซื้อไฟฟ้า ตามแผนแม่บทการจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายของประเทศ เพื่อนำเรื่องทั้งหมดเสนอต่อคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) และออกประกาศรับซื้อไฟฟ้า
เรื่องนี้สำคัญไม่สำคัญล่ะ คณะรัฐมนตรียังมีมติสำทับตามมาอีก เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2563 กำหนดให้รับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าขยะชุมชน 400 เมกะวัตต์ และเข้าไปอยู่ในแผนพัฒนาพลังงานทดแทน และพลังงานทางเลือก พ.ศ. 2561 – 2580 หรือ AEDP 2018 อย่างเรียบร้อย
กระทรวงมหาดไทยกับท้องถิ่นเห็นๆปัญหาจากขยะอยู่ ก็เร่งพิจารณาเอกชน ที่มีสิทธิ์ปั่นไฟฟ้าจากขยะชุมชนเข้าระบบ และจนมีโครงการที่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยภายใต้ “โครงการกำจัดขยะเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” รวม 23 โครงการ กำลังผลิตรวม 234.7 เมกะวัตวัตต์ กระทรวงมหาดไทยก็ส่งเรื่องให้กระทรวงพลังงานตั้งแต่ปีมะโว้
แต่ไหงจนถึงตอนนี้ผ่านมา 2 ปี เรื่องยังคาอยู่ที่กระทรวงพลังงาน ไม่เดินหน้าเปล่าแถมถอยหลัง มีการปรับระเบียบกฎเกณฑ์ใหม่ในสาระสำคัญ เรียกว่ามาเริ่มต้นนับ 1 หลังจากผู้กุมบังเหียนเปลี่ยนชื่อเป็นสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่ทำเอา 23 โครงการแปลกใจยิ่งยวด และ พยายามหาคำตอบ คือ กระทรวงพลังงานยุคนี้ ทำเสมือนกับว่าเมื่อ 2 ปีก่อนไม่มีอะไรเกิดขึ้น!! และใส่เกียร์ว่างซะเฉยๆขณะที่โครงการปั่นไฟฟ้าจากขยะชุมชนนำร่อง (Quick Win Projects) 11 โครงการก็ยังเดินหน้ากันอยู่
ไม่แน่ใจว่าที่อืดเป็นเรือเกลืออย่างงี้ มีจุดใดจุดหนึ่ง “เกียร์ว่าง” หรือเปล่า? จะมีการเมืองมาแทรกมาแซมหรือไม่ไม่รู้ได้ แต่วาระแห่งชาติเรื่องจัดการขยะของลุงตู่ต้องศักดิ์สิทธิ์ ปัญหาขยะบ้านเราต้องเร่งแก้ไข โดยเฉพาะในพื้นที่กทม.ที่ขยะกองท่วมหัว ช่วงโควิด 19 ระบาดมีขยะเพิ่มขึ้นจากฟู้ด เดลิเวอรี่ รวมถึงวัสดุหีบห่อต่างๆ รวมถึงยังมีขยะประเภทหน้ากาก ซึ่งไม่รู้ว่ามาจากผู้ติดเชื้อหรือไม่ปะปนเข้ามาในกองขยะชุมชนอีก
เมื่อ 23 โครงการเดินหน้าไปไม่ได้ เพราะไม่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ทุกอย่างต้องหยุดรออย่างไร้วี่แวว ประโยชน์ที่ควรเกิดก็เลยไม่เกิด ทั้งการจ้างงาน การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม แถมความเสียหายก็เพิ่มขึ้นๆ จนเอกชนต้องมีหนังสือสอบถามไปยัง รมว.กระทรวงพลังงาน เพื่อให้เร่งรัด แต่เรื่องยังเงียบฉี่
อย่างโครงการที่หนองแขม และอ่อนนุช ซึ่งมีศักยภาพกำจัดขยะของประเทศได้ถึง 1,000 ตันต่อวันต่อโรง และ ปั่นไฟฟ้าป้อนระบบมากที่สุดกว่า 30 เมกะวัตต์ต่อแห่ง ได้ลงนามสัญญามาเกือบ2 ปี และโครงการมีการจัดทำประมวลหลักการปฏิบัติ (CoP) เพื่อดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อม และรับฟังความเห็นผู้มีส่วนได้เสีย ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนในพื้นที่เสร็จสิ้นเกือบ 6 เดือน แต่ยังไม่สามารถลงทุนก่อสร้างโครงการได้ตามแผน เนื่องจากยังไม่ได้รับlสิทธิจำหน่ายไฟฟ้าจากกระทรวงพลังงาน
ทำให้มีคำถามดังอื้ออึงทุกวันว่า ก็ในเมื่อนโยบายการจัดการขยะเป็นวาระแห่งชาติ แต่ทำไมกระทรวงพลังงานถึงใส่เกียร์ว่างอย่างงี้…ขอเจ้ากระทรวงออกมาตอบหน่อย!