ศึกซักฟอก บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่จะระเบิดในต้นเดือนกันยายนนี้ ถือว่าเป็นครั้งที่หนักหนาสาหัสสากรรจ์กว่า 2 ครั้งที่ผ่านมา ด้วยเหตุปัจจัยต่างๆ เช่น
การแก้ปัญหาต่างๆในฐานะผู้นำไม่ประสบผลสำเร็จพอที่จะพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีฝีมือ นำพาชาติบ้านเมืองและประชาชนรอดพ้นจากวิกฤตการณ์ไปได้
ทั้งวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 ที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว มีคนติดเชื้อและคนตายจำนวนมาก ศัพท์ที่พูดกันใช้คำว่า “ตายเป็นใบไม้ร่วง” วัคซีนจัดหามาไม่ทัน ทำให้มีไม่เพียงพอ ผิดพลาดในการเลือกซื้อ ยี่ห้อวัคซีน การกระจายวัคซีนขาดการวางแผนที่ดี มาตรการล็อคดาวน์
การออกประกาศข้อกำหนดเพื่อคุมการติดเชื้อกลับกลายเป็นการใช้การเมืองความมั่นคงเพื่อปกป้องตำแหน่ง มากกว่าจะเป็นไปเพื่อประโยชน์ทางด้านสาธารณสุข เป็นการใช้อำนาจที่ขัดรัฐธรรมนูญ กฎหมาย กระทั่งศาลแพ่งออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว
ปัญหาปากท้อง การขาดรายได้ ทำมาหากินของชาวบ้านฝืดเคืองขนาดหนัก
ซ้ำยังถูกประท้วงขับไล่กดดันให้ลาออกจากการเป็นนายกฯ
“การบริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องเสียหายร้ายแรงทุกด้าน พฤติการณ์ฉ้อฉล ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจใช้อำนาจที่ขัดรัฐธรรมนูญ.... คนเป็นโรคโอหังคลั่งอำนาจ ไม่อยู่ในภาวะที่จะเป็นผู้นำประเทศได้อีกต่อไป.....” เนื้อหาบางส่วนในญัตติไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์
การจับ“ขึ้นเขียง”การเมืองเพื่อชำแหละถึงความผิดพลาดล้มเหลวและการทุจริตฉ้อฉล บิ๊กตู่ก็เคยเผชิญหน้าประหมัดดวลกับฝ่ายค้านชุดนี้มาแล้ว 2 ครั้ง
การเตรียมการซักซ้อมให้พร้อม เพื่อให้การยืนขึ้นตอบชี้แจงข้อกล่าวหาโจมตีในสภาเป็นเรื่องสำคัญที่บิ๊กตู่คงไม่ประมาท
ส่วนอีก 5 รัฐมนตรีที่โดนซักฟอกก็ต้องเตรียมตัวเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลฯ
สำหรับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ รอดพ้นการถูกเปิดอภิปรายไปได้ ก็ด้วยเหตุ
ที่ฝ่ายค้านไม่มีข้อมูลใหม่จะนำมาฟาดฟันให้ต้องพะวงหน้าพะวงหลัง จึงกล่าวได้ว่า การปฏิบัติงานที่ผ่านมามีผลงานเป็นที่น่าพอใจส่วนเรื่องส่วนตัวก็ไม่ปรากฏว่าได้กระทำในสิ่งที่บกพร่อง
ย้อนกลับมาที่บิ๊กตู่ การเอาตัวให้รอดในการอภิปรายชี้แจงทั้งข้อเท็จจริงและเหตุผลต่างๆจะต้องเคลียร์ให้ได้ นั่นก็เรื่องหนึ่ง
อีกเรื่องหนึ่ง การโหวตเสียงลงคะแนน คะแนนไว้วางใจควรจะได้มากที่สุดและเสียงไม่ไว้วางใจควรจะได้น้อยที่สุด การคุมเสียงในพรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย รวมไปถึงพรรคเล็กพรรคน้อย ก็ต้องบริหารจัดการให้ดี
คนที่จะได้รับมอบหมายจากผู้ใหญ่ให้ทำภารกิจสำคัญนี้หนีไม่พ้น “ผู้กองธรรมนัส” รมช.เกษตรฯและ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งไม่น่าจะเกินกำลังความสามารถ ความเป็นมือประสานสิบทิศสมกับเป็น “เส้นเลือดใหญ่”ในรัฐบาลได้พิสูจน์ให้เห็นมาแล้วตลอด 2 ปีกว่าที่ผ่านมา
เมื่อขึ้นมาเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ผู้กองธรรมนัสย่อมต้องพิสูจน์ให้เห็นศักยภาพเพื่อพร้อมในการก้าวไปสู่ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่สำคัญอย่างสมศักดิ์ศรี
หลังศึกซักฟอกครั้งนี้ถ้ามีเหตุพลิกผันเกิดขี้น ขุนพลการเมืองจากพะเยาผู้นี้ย่อมมีบทบาทสำคัญในการคลี่คลายวิกฤติเพื่อให้พรรคพลังประชารัฐยังเป็นแกนนำของรัฐบาลต่อไป
ในวิกฤติย่อมมีโอกาสเสมอ
ท่ามกลางมรสุมร้ายที่รัฐบาล “บิ๊กตู่” ตกเป็นฝ่ายตั้งรับ ร.อ.ธรรมนัสอาจแก้ไขได้
ความก้าวหน้าในเส้นทางการเมืองกับภารกิจในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงใหญ่ย่อมบังเกิดขึ้น พร้อมที่จะแผ่บารมีและเปิดโอกาสให้ใช้ศักยภาพในการบริหารประเทศได้อย่างเต็มที่ เพื่อก้าวไปสู่ความพร้อมในการทำศึกเลือกตั้งสมัยหน้าของพรรคพลังประชารัฐให้ประสบชัยชนะ ได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง