xs
xsm
sm
md
lg

“หมอของขวัญ” เปิดศึกทีวีดาวเทียม โวยเสนอข่าวด้านเดียวคดีลักเพชร อ้างถูกนกต่อหลอกอีกที

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แพทย์ศัลยกรรมชื่อดังเปิดศึกทีวีดาวเทียมช่องหนึ่ง หลังนำเสนอข่าวคดีลักทรัพย์เพชรเมื่อปี 2558 ระบุเกิดจากนกต่อที่มีอาชีพนายหน้าค้าเพชรเอาเพชรไปจากหมอ 15 ล้านแล้วหนีไป ยอมความกับโจทก์ไปแล้วแต่คดีต้องเดินต่อจนสิ้นสุด จวกสื่อเสนอข่าวด้านเดียว ด้านสำนักข่าวโต้เป็นเรื่องจริง คดีเพิ่งสิ้นสุด เจ้าตัวยังคุมประพฤติอยู่ด้วยซ้ำ

วันนี้ (16 ส.ค.) จากกรณีที่สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่องหนึ่งนำเสนอข่าวคดีลักทรัพย์ที่ พญ.ของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ หรือหมอของขวัญ แพทย์ศัลยกรรม ให้พ่อค้าเพชรและนายหน้านำเพชรมาให้ดูที่คลินิก ประกอบด้วย แหวนเพชรรูปหัวใจ 4.02 กะรัต มูลค่า 4,500,000 บาท เพชรในเรือนแหวน 11.05 กะรัต มูลค่า 6,500,000 บาท แหวนชูเพชร 3.03 กะรัต มูลค่า 4,000,000 บาท ขอตัวไปซื้อกาแฟ นำของกลางไปด้วย แล้วขับรถออกไป บ่ายเบี่ยงลักทรัพย์ผู้อื่นไปเป็นของตนเอง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 ต.ค. 2557 ที่ของขวัญคลีนิก ชั้น 18 อาคารอโศกทาวเวอร์ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ โดยศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 2 ปีไม่รอลงอาญา และให้คืนทรัพย์ที่ลักไป หรือให้ชดใช้เป็นเงิน ต่อมาศาลอุทธรณ์ ลดโทษให้เหลือจำคุก 1 ปี เนื่องจากจำเลยยอมรับผิด และได้ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์แล้ว และเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ศาลฎีกาพิพากษาว่าจำเลยสารภาพจึงรอลงโทษไว้ 2 ปี คุมประพฤติ 1 ปี ทำสาธารณประโยชน์ 30 ชั่วโมง

รายงานข่าวแจ้งว่า เฟซบุ๊ก Doctorkatekate ของ พญ.ของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ โพสต์ข้อความตอบโต้สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่องหนึ่ง ระบุว่า เหตุการณ์​นี้เกิดในปี 2558 มีคดีนี้จริง แต่ข้อเท็จจริงที่สำนักข่าวดังกล่าวไม่ได้นำเสนอ คือ คดีนี้เกิดจากนกต่อที่มีอาชีพนายหน้าค้าเพชร หนีคดีหลายคดี​ รวมถึงคดีที่เอาเพชรของหมอไป​ มูลค่า​ 15​ ล้าน​แล้วจ่ายเช็คเด้ง ศาลฎีกาตัดสินจำคุก​ 8​0 เดือน ไม่รอลงอาญา​ สถานะ​หนีหมายจับ มีพฤติการณ์คือ รับฝากขายเพชร​ รวมถึงเพชรของโจทก์ในคดีนี้​ด้วย​ รวมมูลค่าเพชรที่เอาไปจากหมอ โจทก์​ และผู้เสียหายทุกคนแล้วหนีไปมูลค่าเกือบ​ 100 ล้านบาท ในขณะต่อสู้คดี​ ซึ่งมีคดีที่เกี่ยวโยงอยู่อีกหลายคดี ไม่สามารถลงรายละเอียด​มากได้เนื่องจากจะกระทบต่อการสืบสวนกับคดีอื่นด้วย มีการเจรจากับโจทก์​เพื่อจบคดีนี้​ก่อนศาลอุทธรณ์​จะพิพากษา​ เนื่องจากเวลานั้นเป็นช่วงที่นกต่อหนีไป​ โจทก์กับหมอเลยได้เจรจากัน ซึ่งตอนนี้โจทก์​ก็ดำเนินคดีกับนกต่อด้วย โจทก์และหมอจึงได้ทำเรื่องยอมความที่ศาล​ โดยโจทก์แถลงศาลไม่ติดใจเอาความ แต่คดียังคงต้องดำเนินไปตามกระบวนการจนสิ้นสุดที่คำพิพากษา​ของศาลฎีกา

“หมอไม่ได้หนี​ เนื่องจากไม่ทราบว่าจะหนีทำไม​ และไม่มีหมายจับ​ เนื่องจากถ้ามีหมอคงถูกจับไปแล้ว ข้อนี้สำคัญที่สุด หมอเคารพในคำตัดสินของศาล แต่อย่างไรก็ตามทุกท่านย่อมใช้วิจารณญาณ​ได้เองว่า คนอย่างหมอจำเป็นต้องเอาของใครมั้ย คิดก่อน​” พญ.ของขวัญระบุ

พญ.ของขวัญกล่าวอีกว่า การเสนอข่าวด้านเดียวของสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่องดังกล่าว​ และทำให้ตนเกิดความเสียหาย มิใช่เป็นการกล่าวต่อคนฟังตามหน้าที่ เพราะเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นมานานมากแล้ว หากแต่เป็นการ​จงใจทำให้หมอเสื่อมเสียชื่อเสียง​ หวังทำลายความน่าเชื่อถือ สืบเนื่องจากประเด็น​ทางการเมือง กรณีที่ตนวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลเกี่ยวกับการบริหารวัคซีนโควิด-19 อย่างชัดเจน​ รวมถึงผู้ที่แชร์และโพสต์ข้อความที่เข้าข่ายหมิ่นประมาท ตนจะดำเนินคดีทุกคนอย่างถึงที่สุด หนึ่งในผู้ดำเนินรายการมีคดีอยู่ และถูกตัดสินจำคุก แต่คดียังไม่ถึงที่สุด ทำไมไม่เข้าใจกระบวนการศาลหรืออย่างไร​


อย่างไรก็ตาม สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่องดังกล่าวออกมาตอบโต้ พญ.ของขวัญ ระบุว่า คดีนี้คนที่ พญ.ของขวัญระบุว่าเป็นนกต่อไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะโจทก์หรือจำเลย แต่มีฐานะเป็นพยานโจทก์ เป็นผู้พาโจทก์นำแหวนเพชรจำนวน 3 วงมาให้จำเลยดู และเป็นผู้ประสานงานติดตามทวงถามให้จำเลยนำแหวนทั้ง 3 วงมาคืนโจทก์ ดังนั้น คนที่ พญ.ของขวัญระบุว่าเป็นนกต่อ จะเป็นหนี้จำเลยหรือไม่จึงไม่เกี่ยวกับคดีนี้ ประการต่อมา คดีนี้จำเลยต่อสู้คดีโดยปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งในศาลชั้นต้น และชั้นอุทธรณ์ แต่กลับคำให้การก่อนที่ศาลอุทธรณ์จะตัดสิน โดยจำเลยขอให้การใหม่จากที่ได้ให้การปฏิเสธต่อสู้คดี เป็นให้การรับสารภาพว่าได้กระทำความผิดจริง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334 ตามฟ้อง และมีการวางเงินชดใช้จำนวน 12,500,000 บาท ต่อศาล พร้อมทั้งขอศาลอุทธรณ์เมตตาลงโทษสถานเบา ให้โอกาสจำเลยประพฤติตนเป็นพลเมืองดีสืบไป

ส่วนที่ระบุว่า พญ.ของขวัญไม่ได้หนี​ ทำไมวันที่ 5 พ.ค. จำเลยถึงไม่ไปศาล แต่เดินทางไปฉีดวัคซีนไฟเซอร์ที่เมืองซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา โดยฉีดเข็มแรกวันที่ 29 เม.ย. 2564 เข็มสองวันที่ 20 พ.ค. 2564 จึงชัดเจนดังที่ศาลพิเคราะห์ว่า จำเลยมีพฤติการณ์หลบหนี กระทั่งมีหมายจับใบที่ 2 ลงวันที่ 8 มิ.ย. 2564 เนื่องจากจำเลยไม่มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ศาลฎีกาจึงให้ออกหมายจับมาปฏิบัติตามคำพิพากษา และให้เพิกถอนหมายจับเดิม และคำชี้แจงที่ระบุว่า คนอย่างหมอ​ จำเป็นต้องเอาของใครไหมนั้น ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา ได้พิพากษาว่า จำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์ จึงสิ้นข้อสงสัย

ขณะเดียวกัน จำเลยยังมีการขอเปลี่ยนคำให้การด้วย จากที่ได้ให้การปฏิเสธตามฟ้อง เป็น ให้การรับสารภาพว่าได้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 และจำเลยยังขอให้ศาลอุทธรณ์ได้โปรดเมตตาลงโทษสถานเบาด้วยเหตุผล ได้วางเงินชดใช้เต็มจำนวนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแก่โจทก์ที่ 1 แล้ว, ต้องรับผิดชอบดูแลเลี้ยงดูบุตรให้เติบโตขึ้นเป็นพลโลกที่ดีของประเทศชาติและสังคมในอนาคต อันเป็นภาระสำคัญของสถาบันครอบครัว, ต้องรับผิดชอบดูแลเลี้ยงดูบิดา-มารดาที่มีสุขภาพไม่ดี, เคยร่วมกิจกรรมกับมูลนิธิสร้างรอยยิ้ม ช่วยเหลือเด็กที่เป็นโรคปากแหว่ง จำเลยจึงขอให้ศาลเมตตาไม่ลงโทษจำคุก แต่ให้รอการกำหนดโทษหรือรอการลงโทษ เพื่อให้จำเลยได้ประพฤติตนเป็นพลเมืองดีสืบไป

นอกจากนี้ สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่องดังกล่าวยังออกมาชี้แจงถึงกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าเสนอข่าวด้านเดียว ว่า เรื่องนี้มิได้เกิดขึ้นนานแล้ว เพิ่งอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2564 ที่ผ่านมา พญ.ของขวัญอยู่ระหว่างรอการลงโทษ มีกำหนด 2 ปี ยังเหลืออีก 21 เดือน และยังอยู่ในช่วงคุมประพฤติมีกำหนด 1 ปี ยังเหลือเวลาอยู่ในช่วงคุมประพฤติอีก 9 เดือน อีกทั้งศาลสั่งให้ พญ.ของขวัญกระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ มีกำหนด 30 ชั่วโมง การกล่าวหาว่าเป็นการนำเสนอข่าวด้านเดียวจึงไม่เป็นความจริง และอาจเป็นการหมิ่นประมาทสำนักข่าวฯ ให้เสียหาย เรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นความจริงที่ได้มีคำพิพากษาศาลฎีกาออกมาแล้ว และเป็นความจริงที่ พญ.ของขวัญให้การรับสารภาพเอง

“บทเรียนจากคดีลักเพชร อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน คดีนี้โจทก์เห็นว่าจำเลยเป็นแพทย์มีความน่าเชื่อถือจึงไว้วางใจให้นำทรัพย์ที่เป็นข้อพิพาทออกไปจากที่เกิดเหตุ จนเกิดเป็นคดีลักทรัพย์ ศาลฎีกาเมตตา ลงโทษสถานเบา เนื่องจากจำเลยรับสารภาพในชั้นอุทธรณ์ และกระทำผิดครั้งแรก จำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์มูลค่า 12,500,000 บาท แต่เพราะกระทำผิดและยอมรับสารภาพในภายหลังโดยยอมเจรจาชดใช้ให้โจทก์เป็นค่าเสียหายสูงถึง 40,000,000 บาท เพื่อเป็นการชดใช้ค่าเสียหายต่อธุรกิจและสุขภาพจิตของโจทก์ จำนวนเงินที่ชดใช้ให้โจทก์สูงกว่ามูลค่าทรัพย์ที่ลักขโมยไปถึง 27,500,000 บาท” รายงานข่าวจากสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่องหนึ่งระบุ
กำลังโหลดความคิดเห็น