xs
xsm
sm
md
lg

ไม่มีกั๊ก! “รองอธิบดีกรมควบคุมโรค” ยันกระจายไฟเซอร์ทั่วถึง วัคซีนละเอียดอ่อนการขนส่งต้องค่อยเป็นค่อยไป

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายแพทย์ โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ชี้แจงปมดรามา รพ.ขอนแก่นออกแถลงการณ์เรียกร้องวัคซีนไฟเซอร์ 1,400 โดสเพื่อนำมาฉีดให้บุคลากรด่านหน้าแต่กลับได้เพียง 700 โดส ยืนยันกระจายวัคซีนให้อย่างทั่วถึง อาจติดปัญหาความล่าช้าด้านการขนส่ง เพราะวัคซีนไฟเซอร์มีความอ่อนไหวเรื่องอุณหภูมิ

เมื่อวันที่ 7 ส.ค. องค์กรแพทย์โรงพยาบาลขอนแก่นออกแถลงการณ์เรียกร้องวัคซีนไฟเซอร์เพื่อนำมาฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์ หลังลงชื่อรับวัคซีน 1,400 คน แต่ได้มาเพียง 700 โดส โดยเนื้อหาในแถลงการณ์ได้มีการระบุข้อความว่า

“ตามที่ทราบกันดีว่าประเทศไทยได้รับบริจาควัคซีนไฟเซอร์จากสหรัฐอเมริกา 1.5 ล้านโดส และจะมีการจัดสรรให้บุคลากรสาธารณสุขด่านหน้าอย่างเร่งด่วน เพื่อรับมือกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นทั่วประเทศ

โรงพยาบาลขอนแก่นนับเป็นโรงพยาบาลหลักในการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ทุกความรุนแรงของจังหวัดขอนแก่น ตั้งแต่ผู้ป่วยคลัสเตอร์ฟันน้ำนม คลัสเตอร์แรงงาน คลัสเตอร์เรือนจำและทัณฑสถาน ไปจนถึงผู้ป่วยหนักอาการวิกฤต สำหรับโควตาการฉีดวัคซีนไฟเซอร์มีบุคลากรทางการแพทย์ลงชื่อรับวัคซีนไฟเซอร์เป็นจำนวน 1,400 คน แต่โรงพยาบาลขอนแก่นกลับได้รับการจัดสรรวัคซีนเป็นจำนวนเพียง 700 โดสเท่านั้น ทั้งที่เป็นการขอตรงตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดทุกประการ องค์กรแพทย์โรงพยาบาลขอนแก่นจึงขอเรียกร้องให้มีการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ให้เพียงพอต่อจำนวนบุคลากรด่านหน้าของโรงพยาบาลขอนแก่น เพื่อเป็นการปกป้องชีวิตของบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้ทุ่มเทรักษาผู้ป่วยอย่างเต็มความสามารถมาโดยตลอด”

อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา เพจ “Thailand FACT Today” ได้ออกมาระบุข้อความชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า

“จากการที่องค์กรแพทย์ รพ.ขอนแก่นออกแถลงการณ์ขอวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่บุคลากรด่านหน้าครบเต็มจำนวน ขณะที่ สสจ.ระบุจัดสรรตามที่ได้รับการส่งมอบจากกระทรวงสาธารณสุขและส่งมอบให้ รพ.ต่างๆทั้งจังหวัดเร่งฉีดให้บุคลากรด่านหน้าแล้ว และ รพ.ขอนแก่นรับวัคซีนไฟเซอร์รอบแรก 50% ของบุคลากรด่านหน้า

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 8 ส.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าโลกโซเชียลมีเดียและเพจต่างๆ ทั่วทั้ง จ.ขอนแก่นได้มีการเผยแพร่แถลงการณ์จากองค์กรแพทย์ รพ.ขอนแก่น ในการขอรับวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าของโรงพยาบาลฯ หลังพบว่าได้รับการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์จากสำนักงานสาธารณสุข จ.ขอนแก่น เพียง 720 โดส จากเดิมที่ได้มีการเสนอขอรับวัคซีนไฟเซอร์ในการฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์และบุคลากรด่านหน้าของโรงพยาบาลที่มีอยู่ทั้งหมด 1,449 คน

นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ได้รับทราบถึงแถลงการณ์ดังกล่าวขององค์กรแพทย์ รพ.ขอนแก่น แล้ว และ รพ.ขอนแก่นจะเริ่มทำการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และบุคลากรด่านหน้าของ รพ. เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (9 ส.ค.) ตามที่สำนักงานสาธารณสุข จ.ขอนแก่น ได้จัดสรรให้ในรอบแรก 720 คน

“ขอนแก่นได้รับการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และบุคลากรด่านหน้ารอบแรก 9,480 โดส จากที่นำเสนอขอรับการจัดสรรให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และบุคลากรด่านหน้าทั้งจังหวัด 17,035 คน โดย รพ.ขอนแก่นขอรับการบูสเตอร์เข็ม 3 รวม 1,449 คน รพ.ศรีนครินทร์ 5,547คน

ดังนั้น ในรอบแรกที่จังหวัดได้รับมานั้น คณะทำงานได้เร่งจัดสรรไปในระดับอำเภอ หรือ รพ.ต่างๆ ตามสัดส่วน ต้องแบ่งเฉลี่ยกันตามที่ได้รับมาตามแต่ละรอบ ซึ่งในรอบแรกนี้ รพ.ขอนแก่นได้รับการจัดสรร 720 คน เท่ากับร้อยละ 50 หรือครึ่งหนึ่งของบุคลากรทางการแพทย์และบุคลากรด่านหน้าที่ได้เสนอขอรับการจัดสรรขึ้นมา” โดยข้อมูลวัคซีนบุคลากรทางการแพทย์ที่ขอมาและจัดสรรให้รอบแรกของจังหวัดขอนแก่น ดังนี้

1. สสจ.ขอนแก่นขอวัคซีน (ตามรายชื่อในแบบฟอร์มที่ กสธ.ให้มาบันทึก) จำนวนทั้งหมด 19,942 คน แบ่งเป็น pfizer 17,073 คน AstraZeneca 2,869 คน รวม 19,942 คน

2. สสจ.ขอนแก่นจัดสรร AstraZeneca 2,929 คน (ยอดที่ขอมา 2,869 คน ให้ รพ.กรุงเทพ 60 คน รวม 2,929 คน) จัดสรรครบทุกคนตามที่ขอมา จัดสรรเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม

3. สสจ.ขอนแก่นได้จัดสรร Pfizer 9,840 คน คิดเป็น 57.6% ของที่หน่วยงานที่ขอมา (จัดสรรทั้งหมดตามที่ได้รับมา) จัดสรรวันที่ 6, 7 สิงหาคม

4. รพ.ขอนแก่นขอมาทั้งหมด 2,893 คน (คนที่ขอมาต้องมีรายชื่อ เลขบัตร ปชช. ระบุแผนกที่ทำงาน ตามแบบฟอร์มของกระทรวงค่ะ อาจเป็นว่า ส่วนหนึ่ง รพ.ขอนแก่น ก่อนฉีดแล้ว จึงขออีกไม่ได้ ยอดก็เลยน้อย) แบ่งเป็น ขอ Pfizer 1,449 คน AstraZeneca 1,444 คน เราได้จัดสรร AstraZeneca ให้ รพ.ขอนแก่นแล้ว 1,444 คน ครบ 100% ตามที่ขอมา จัดสรรให้เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม และรอบนี้ได้จัดสรรให้ Pfizer 720 คน (49.69% หรือ 50%)

สรุปจัดสรรให้ รพ.ขอนแก่น Pfizer 720 คน และ AstraZeneca 1,444 คน รวมทั้งหมด 2,164 คน คิดเป็น 74.81% ตามที่ขอมา

5. รพ.ศรีนครินทร์ (รพ.ขอนแก่น เปรียบเทียบตัวเองกับ รพ.ศรีนครินทร์ที่ได้รับ) ขอมา 5,547 คน (มีรายชื่อเหมือน รพ.ขก.) เป็น Pfizer 5,359 คน AstraZeneca 188 คน

ได้จัดสรรให้ รพ.ศรีนครินทร์ Astra 188 คน Pfizer 2,700 คน รวม 2,888 คน คิดเป็น 52.07% ตามที่ขอมา

สรุป ถ้ารวมวัคซีนที่จัดสรรไปแล้ว รพ.ศรีนครินทร์ได้ 52.07% ส่วน รพ.ขอนแก่นได้ 74.81% ตามจำนวนที่ขอมา ทั้งนี้ สสจ.ขอนแก่นได้จัดสรรให้หน่วยงานทั้งหมด 41 หน่วยงาน จะได้รับวัคซีน Pfizer 9,840 คน

นพ.สมชายโชติกล่าวต่ออีกว่า การจัดสรรวัคซีนเข็ม 3 สำหรับการบูสเตอร์ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และบุคลากรด่านหน้านั้นจะส่งมอบให้แก่ รพ.ขอนแก่น เพื่อทำการฉีดให้เฉพาะ รพ.ของตนเอง และขณะนี้ได้กระจายวัคซีนไปใน รพ.ต่างๆ เช่น รพ.สิรินธร ที่จะดำเนินการฉีดให้กลุ่ม รพ.อำเภอในพื้นที่โซนใต้และโซนกลาง รพ.ศรีนครินทร์จะฉีดให้ รพ.อำเภอพื้นที่โซนเหนือของจังหวัด รวมทั้ง รพ.ชุมแพจะฉีดให้พื้นที่ รพ.ในอำเภอโซนตะวันตกอีกด้วย”

ล่าสุดวันนี้ (9 ส.ค.) เพจ “Thailand FACT Today” ได้ออกมาโพสต์ข้อความอีกครั้งเกี่ยวกับประเด็นองค์กรแพทย์ รพ.ขอนแก่น ออกแถลงการณ์ขอวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่บุคลากรด่านหน้าครบเต็มจำนวน โดยเผยว่า

“เรื่องนี้ ไม่มีอะไรในกอไผ่ ไม่มีอะไรที่ต้องปิดบัง และไม่มีใครขโมย หรือกั๊กวัคซีน อย่างที่มีการตั้งข้อสงสัย

ขอตอบคำถามเรื่องการได้วัคซีนไม่ตรงเอกสาร ดังนี้

1. การจัดส่ง ต้องค่อยเป็นค่อยไป เพราะการจัดสรรวัคซีนไม่สามารถระดมส่งลงพื้นที่ได้ครบ 100% ในคราวเดียวอยู่แล้วเนื่องจากติดปัญหาเรื่องการขนส่ง และจัดเก็บ เพราะวัคซีนไฟเซอร์มีความอ่อนไหวเรื่องอุณหภูมิอย่างยิ่ง การจัดส่งจึงต้องคำนวณให้ฉีดหมดในระยะที่สั้นที่สุด เพื่อรักษาประสิทธิภาพของวัคซีน โดยวัคซีนจะจัดเก็บที่โรงพยาบาลขนาดใญ่ในแต่ละพื้นที่ ก่อน “ทยอย” ส่งไปยังจุดบริการ

นายแพทย์ โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า การจัดส่งจะไม่สิ้นสุดสัปดาห์นี้ แต่จะมีส่งในสัปดาห์ต่อไป เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการแน่นอน

2. มีบางคนได้รับแอสตร้าฯ เป็นวัคซีนบูสเตอร์แล้ว นายแพทย์ โสภณเปิดเผยว่า จากการสำรวจความต้องการล่าสุดพบว่ามีบุคลากรการแพทย์ประมาณ 20% ที่ได้รับแอสตร้าฯ ไปบูสเตอร์แล้ว ส่งผลให้ยอดความต้องการไฟเซอร์ลดลง ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่บุคลากรการแพทย์ทุกคนจะได้รับไฟเซอร์ในรอบนี้

3. ไม่ทิ้งกลุ่มตกหล่น ทั้งนี้ ในกรณีที่มีรายชื่อตกหล่น เช่น หลังสิ้นสุดระยะเวลาลงชื่อเข้ารับวัคซีน ปรากฏว่ามีแพทย์บรรจุใหม่เข้ามา หรือมีการดันบุคลากรแนวหลังขึ้นมาเป็นแนวหน้า ให้หน่วยงานแจ้งมาได้ที่กรมควบคุมโรค เพื่อส่งวัคซีนให้เพิ่มเติม
คุณหมอยืนยันว่าจะจัดส่งครบจำนวนบุคลากรด่านหน้าตามการสำรวจเพิ่มอย่างแน่นอน
ข้อเท็จจริงมีเพียงเท่านี้ ทุกอย่างยังเป็นไปตามขั้นตอน ไม่มีใครกั๊ก ไม่มีใครขโมยวัคซีน”





กำลังโหลดความคิดเห็น