ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนกแอร์ แจงตั๋วเครื่องบินอู่ตะเภาแพง เพราะขายได้เพียงครึ่งลำ บางเที่ยวบินต้องบินเครื่องเปล่ากลับ ต้องเคลื่อนย้ายบุคลากร หลังผู้โดยสารเจอค่าโดยสารปาเข้าไป 4-5 พัน ไม่รวมนั่งรถเข้ากรุง
วันนี้ (7 ส.ค.) นายวุฒิภูมิ จุฬางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) ชี้แจงกรณีที่ราคาบัตรโดยสารจากท่าอากาศยานอู่ตะเภา จ.ระยอง ไปยังภูมิภาคต่างๆ มีราคาสูงขึ้น ระบุว่า “จากความจำเป็นในการเดินทางของผู้โดยสาร เราได้เริ่มให้บริการจากอู่ตะเภาเพื่อเชื่อมต่อ เหนือ กลาง อีสาน ใต้ เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้โดยสาร ซึ่งตลอดการให้บริการที่ผ่านมา เราได้รับฟังข้อคิดเห็นของผู้โดยสารมาโดยตลอด ทั้งในด้านเส้นทางและตารางการบิน รวมถึงค่าโดยสารที่สูงกว่าปกติ
เรายอมรับว่า ตั๋วเราราคาค่อนข้างสูงในช่วงนี้ เนื่องจากปัจจุบันเราดำเนินการภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ขายบัตรโดยสารได้เพียงครึ่งลำ เพื่อรักษามาตรการเว้นระยะห่าง เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้โดยสาร, ในบางเที่ยวบิน เราต้องทำการบินเครื่องเปล่าเพื่อไปรับผู้โดยสารโดยเฉพาะ เช่นเที่ยวบินสนับสนุนโครงการนำร่องด้านการท่องเที่ยว ที่สามารถรับผู้โดยสารออกจากจังหวัดภูเก็ตได้เท่านั้น, การเปิดฐานการบินแห่งใหม่ ที่ต้องดำเนินการเคลื่อนย้ายทั้งอุปกรณ์สนับสนุนการบินและบุคลากร โดยเรามีบุคลากรปฏิบัติการหมุนเวียนสำหรับการเปิดฐานการบินอู่ตะเภามากกว่า 200 คน
ทั้งหมดที่กล่าวมา เป็นสิ่งที่ทำให้ต้นทุนของเราสูงมากเมื่อเทียบกับสถานการณ์ปกติ ถึงแม้ว่าการให้บริการจากอู่ตะเภาในครั้งนี้จะไม่สร้างกำไรให้กับเรา แต่เราพร้อมทำเพื่อให้บริการผู้โดยสารที่มีความจำเป็นในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้”
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า หลังจากที่รัฐบาลประกาศข้อกำหนด ออกตามตามในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 28) เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกล่าสุด เมื่อวันที่ 18 ก.ค. ที่ผ่านมา รวมทั้งประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง แนวปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศในเส้นทางการบินภายในประเทศ ในระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ฉบับที่ 3) ที่ห้ามมิให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศปฏิบัติการบินรับส่งผู้โดยสารเข้าหรือออกพื้นที่ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเข้ม) ทำให้ทุกสายการบินที่มีเส้นทางในประเทศงดทำการบินจากหรือไปท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ มาตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค. ที่ผ่านมา
สายการบินนกแอร์จึงตัดสินใจนกแอร์เปิดฐานการบินอู่ตะเภา จ.ระยอง เชื่อมเส้นทางระหว่างภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ สำหรับผู้ที่มีความจำเป็นในการเดินทาง ขนส่งอวัยวะ อุปกรณ์และบุคลากรทางการแพทย์ที่จำเป็นและเร่งด่วน มาตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค. 2564 ที่ผ่านมา โดยเริ่มต้นเปิดเส้นทางเชียงใหม่ อุดรธานี สกลนคร อุบลราชธานี ภูเก็ต และนครศรีธรรมราช ต่อมารัฐบาลประกาศขยายพื้นที่สีแดงเข้มจาก 16 จังหวัด เป็น 29 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค. ที่ผ่านมา หลังสถานการณ์ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น โดยครอบคลุมไปถึงจังหวัดระยอง ทำให้มีผลบังคับไปถึงท่าอากาศยานอู่ตะเภา สายการบินได้ขอผ่อนปรนมาตรการการเดินทางกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง กระทั่งได้รับอนุญาตให้ทำการบินตั้งแต่วันที่ 6-18 ส.ค. 2564 ตามประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ที่ กพท 14/5569
อย่างไรก็ตาม พบว่า มีผู้โดยสารบางคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า ราคาบัตรโดยสารในช่วงนี้มีราคาสูงถึง 4,000-5,000 บาท ซึ่งทางสายการบินชี้แจงว่า ขณะนี้ดำเนินการภายใต้มาตรการด้านสุขอนามัยและกรมควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด และมีการจำหน่ายบัตรโดยสาร 50% ของจำนวนที่นั่งเท่านั้น จึงต้องมีการปรับอัตราค่าโดยสารให้สอดคล้องกับจำนวนผู้โดยสารในเที่ยวบินตามประกาศกรมการบินพลเรือน ฉบับที่ 3 นอกจากนี้ ผู้โดยสารยังต้องเสียค่าใช้จ่ายในการใช้บริการแท็กซี่สนามบิน หรือบริการอู่ตะเภา แอร์พอร์ต ลิมูซีน ปลายทางบางนา 600 บาท กลางเมืองกรุงเทพฯ และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 800 บาท