วันนี้ (26 ก.ค.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) กล่าวว่า ตนเคยย้ำหลายครั้งถึงความสำเร็จในการดูแลและฟื้นฟูพื้นที่ป่าชายเลนของประเทศไทย ว่า เป็นเพราะความร่วมมือของพี่น้องประชาชนทุกคนที่ช่วยกันดูแลและรักษาผืนป่าชายเลนของประเทศไทย จนเป็นข่าวดีจากการอ่านแปลภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุดปี พ.ศ. 2563 ของ GISDA พบว่า พื้นที่ป่าชายเลนคงสภาพ เนื้อที่ 1.74 ล้านไร่ เพิ่มจาก ปี พ.ศ. 2557 ที่มีอยู่ 1.53 ล้านไร่ ได้พื้นที่ป่าชายเลนคงสภาพเพิ่มขึ้นกว่า 200,000 ไร่ คงเป็นไปได้ยากหรืออาจต้องใช้เวลานานมากที่หน่วยงานภาครัฐเพียงอย่างเดียวจะดำเนินการให้มีพื้นที่ป่าชายเลนเพิ่มขึ้นได้มากขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม เป้าหมายที่ทุกคนอยากเห็น คือ พื้นป่าชายเลนจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ทุกปี ตนยังเชื่อมั่นในพลังของพี่น้องประชาชนที่จะช่วยกันดูแล รักษา อนุรักษ์ และใช้ประโยชน์ได้อย่างสมดุลและยั่งยืน
“ทั้งนี้ ได้มอบหมายและย้ำกับ นายยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษา รมว.ทส. และ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัด ทส. ในการหามาตรการและแนวทางส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาคประชาชน องค์กรเอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เข้ามามีส่วนร่วมให้มากขึ้น และในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อช่วยกันดูแลพื้นที่ป่าชายเลนให้เพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืน และเนื่องในวันป่าชายเลนโลก”
นายวราวุธ กล่าวอีกว่า ตนอยากฝากถึงพี่น้องประชาชนทุกคน ว่า “วันป่าชายเลนโลกเป็นวันที่เตือนสะท้อนความสำคัญของป่าชายเลนต่อมวลมนุษยชาติ ป่าชายเลนสร้างสมดุลให้ธรรมชาติ สร้างประโยชน์ให้มนุษย์ตั้งแต่ชายขอบป่า จนถึงยอดเขาสูงสุดของประเทศ จะโดยตรงหรือโดยอ้อมก็ตาม ความร่วมมือของทุกภาคส่วน คือ กลไกสำคัญที่จะเพิ่มผืนป่าสมบูรณ์อันทรงคุณค่าให้ลูกหลานได้ใช้ประโยชน์จากป่าชายเลนของพวกเขาอย่างยั่งยืน ต่อไป”
ด้าน นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวเสริมว่า การดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลน กรมฯ ได้ดำเนินการในทุกมิติอย่างจริงจังมาโดยตลอด นอกจากนี้ กรมฯ ได้เตรียมประกาศพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์ ตามมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. 2558 ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะและชายฝั่งแห่งชาติแล้วจำนวน 7 จังหวัด ได้แก่ ระยอง ระนอง เพชรบุรี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา สุราษฎร์ธานี ปัตตานี ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบและประกาศบังคับใช้ ต่อไป และเมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศระเบียบกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จำนวน 4 ฉบับ ว่าด้วยการเพาะชำกล้าไม้เพื่อแจกจ่าย การปลูกและบำรุงป่าชายเลน การจัดหาและปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำในพื้นที่ป่าชายเลน และการปลูกและบำรุงป่าชายเลนสำหรับองค์กรหรือบุคคลภายนอก ซึ่งเป็นแนวทางและมาตรฐานในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนอย่างเป็นระบบและยั่งยืน
“นอกจากนี้ การปลูกและบำรุงป่าชายเลนสำหรับองค์กรหรือบุคคลภายนอก ยังมุ่งเน้นและส่งเสริมการแบ่งปันคาร์บอนเครดิตระหว่างหน่วยงานภาครัฐและองค์กรเอกชนด้วย โดยในปัจจุบันมีพื้นที่พร้อมดำเนินการกว่า 7,000 ไร่ ซึ่งเรื่องนี้ตนได้มอบหมายให้ นายอภิชัย เอกวนากุล รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้เร่งรัดดำเนินการเรื่องฟื้นฟูป่าชายเลนและการปลูกบำรุงป่าเพื่อแบ่งปันคาร์บอนเดรดิตให้เป็นรูปธรรมและเป็นต้นแบบในการพัฒนาต่อยอดในอนาคต ต่อไป” อธิบดี ทช.
ส่วนทาง ศ.ดร.สนิท อักษรแก้ว ประธานสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะประธานสมาคมป่าชายเลนนานาชาติ (International Society for Mangrove Ecosystems) กล่าวว่า วันที่ 26 ก.ค.ของทุกปี เป็นวันป่าชายเลนโลก นับว่าเป็นวันสำคัญของประชาชนชาวโลกและของโลกเป็นอย่างยิ่ง ป่าชายเลนพบเห็นได้ใน 120 ประเทศทั่วโลก ที่มีพื้นที่ติดชายฝั่งทะเล ป่าชายเลนมีคุณค่าและความสำคัญนานัปการทั้งเป็นแหล่งฟักไข่ การเจริญเติบโตและหลบภัยของสัตว์น้ำนานาชนิด เป็นแหล่งอาหารสำคัญของชุมชนชายฝั่ง เป็นแหล่งสมุนไพรยารักษาโรค เป็นแหล่งพลังงานช่วยดักตะกอนสิ่งปฏิกูลและสารพิษที่จะถูกปลดปล่อยลงสู่ชายฝั่งและทะเล ช่วยป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติ ลดความรุนแรงของคลื่นลมและที่สำคัญอย่างยิ่งประการหนึ่ง คือ เป็นแหล่งเก็บกักคาร์บอนที่มีปริมาณสูงมากในการช่วยลด สภาวะโลกร้อนที่เป็นปัญหาค่อนข้างวิกฤตของโลกในทุกวันนี้
สำหรับสถานการณ์ป่าชายเลนในประเทศไทยผมขอชื่นชมเป็นอย่างยิ่งต่อ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากกับป่าชายเลนทั้งทางด้านอนุรักษ์ ปกป้อง ดูแล รักษา และฟื้นฟู และการประชาสัมพันธ์อย่างกว้างขวางสู่ประชาชนทุกภาคส่วนจนในปัจจุบัน พบว่า พื้นที่ป่าชายเลนเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในทุกพื้นที่ชายฝั่งทะเลของประเทศ และที่สำคัญไปกว่านั้น ทางกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้สร้างความเข้าใจ ความตระหนัก และจิตสำนึกต่อการอนุรักษ์และการฟื้นฟู รวมถึงต่อการดูแล รักษา ปกป้องในประชาคมทุกภาคส่วนสูงมาก กิจกรรมดีๆ ที่ได้ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันจะเป็นสิ่งที่ทำให้ป่าชายเลน ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีคุณค่าและสำคัญของชายฝั่งทะเลไทย สามารถอนุรักษ์ รักษา ป้องกัน และเอื้ออำนวยประโยชน์กับประชาชนของประเทศอย่างยั่งยืนสืบไป