xs
xsm
sm
md
lg

ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น! ต่ออายุลดค่าทางด่วน “ด่านอาจณรงค์ 1” ไปบางนา ย้อนอดีตจ่ายแพงกว่านี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ : Google StreetView
ไม่มีอะไรในโลกใบนี้ได้มาฟรีๆ ลดค่าทางด่วน “ด่านอาจณรงค์ 1” ไปบางนา เหลือ 25 บาท แค่ผลพวงจากขยายสัมปทานทางด่วนให้กับเอกชน 15 ปี 8 เดือน แลกยุติข้อพิพาทแสนล้าน พอๆ กับขึ้นทางด่วนฟรีวันหยุดนักขัตฤกษ์

รายงาน

จากกรณีที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคม และ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ร่วมปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญาสัมปทานฯ โครงการทางด่วนขั้นที่ 2

โดยการลดค่าผ่านทางพิเศษ ที่ด่านอาจณรงค์ 1 จากทางพิเศษฉลองรัช เข้าทางด่วนขั้นที่ 1 ไปบางนา ในอัตรา 25 บาท ต่อเที่ยว สำหรับรถทุกประเภท ซึ่งจะเริ่มให้ส่วนลด ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2564 ถึง 31 ธ.ค. 2565

เรื่องนี้ไม่มีอะไรใหม่ เพราะปกติด่านอาจณรงค์ 1 ถ้าจะไปบางนา รถยนต์ 4 ล้อ จ่าย 25 บาทอยู่แล้ว ซึ่งได้ลดราคาลงมาตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2563 เป็นต้นมา แต่ถ้าจะไปดินแดง ดาวคะนอง ยังคงต้องจ่ายค่าผ่านทาง 50 บาทอยู่ดี

เพียงแต่ว่าเป็นการต่ออายุการลดค่าผ่านทางพิเศษ ที่จะหมดลงในวันที่ 30 มิ.ย. 2564 ไปอีก 1 ปีครึ่ง หรือสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2565 หลังจากนั้นคาดว่าจะต่ออายุไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงสัมปทาน

เรื่องนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากในอดีต การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.)ก่อสร้าง โครงการทางพิเศษฉลองรัช (รามอินทรา-อาจณรงค์)เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 6 ต.ค. 2539 ซึ่งการทางพิเศษฯ ใช้งบประมาณของรัฐก่อสร้างทั้งหมด

ปรากฏว่า เป็นคนละส่วนกับทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ดาวคะนอง-บางนา-ดินแดง) ที่นับเป็น “โครงข่ายทางด่วนในเขตเมือง” การทางพิเศษฯ ต้องแบ่งรายได้ให้กับ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM

เพราะฉะนั้น คนที่เสียเงินขึ้นทางด่วนมาจากด่านรามอินทรา ด่านโยธินพัฒนา ด่านลาดพร้าว ด่านประชาอุทิศ ด่านพระราม 9-1 และด่านพัฒนาการ เมื่อถึงด่านอาจณรงค์ 1 จะต้องจ่ายค่าผ่านทาง 40 บาทอีกครั้ง เพื่อเข้าสู่โครงข่ายทางด่วนในเขตเมือง

โดยที่การทางพิเศษฯ จะต้องต้องนำรายได้ที่จัดเก็บจากด่านอาจณรงค์ 1 แบ่งให้ BEM ที่ในขณะนั้นยังเป็นบริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด หรือ BECL จำนวน 60% ของรายได้ ตามสัญญาสัมปทานระบบทางด่วนขั้นที่ 2

ปัญหาก็คือ ถ้าจ่ายค่าผ่านทางที่ด่านอาจณรงค์ 1 แล้ว ถ้าเลี้ยวซ้ายไปบางนา จะมีระยะทางเพียงแค่ 4 กิโลเมตร มีทางลง 2 ทาง คือ ทางออกสุขุมวิท 62 และทางออกบางนาเท่านั้น

ไม่อย่างนั้น ก็ต้องใช้ทางลงสุขุมวิท 50 เพื่อไปบางนา ซึ่งต้องติดไฟแดงอีกหลายแยกกว่าจะถึงบางนา

ภาพ : Google StreetView ปี 2018
ที่ผ่านมา การทางพิเศษฯ พยายามขอให้ยกเลิกจัดเก็บค่าผ่านทางด่านอาจณรงค์ 1 แต่ BECL ไม่ยอม เพราะละเมิดสัญญาโครงการทางด่วนขั้นที่ 2 ทำให้บริษัทเสียผลประโยชน์ การทางพิเศษฯ ต้องพึ่งพาคณะอนุญาโตตุลาการเพื่อไกล่เกลี่ย

ขณะเดียวกัน การทางพิเศษฯ ได้เปิดใช้ด่านพระราม 9-1 สำหรับรถที่มาจากทางพิเศษศรีรัช (ช่วง พระราม 9-ศรีนครินทร์) ไปบางนา เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2543 จึงใช้วิธีให้ส่วนลดสำหรับรถทุกประเภท 10 บาท ที่ด่านพระราม 9-2 เข้าทางพิเศษศรีรัช

ท้ายที่สุด การทางพิเศษฯ จึงใช้วิธีลดราคาด่านอาจณรงค์ 1 เฉพาะไปบางนาให้ 10 บาท สำหรับรถยนต์ทุกประเภท ทำให้รถยนต์ 4 ล้อ จากเดิมเก็บค่าผ่านทาง 40 บาท เหลือ 30 บาท มาตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย. 2544 ก่อนขยายไปเรื่อยๆกระทั่งค่าผ่านทางขึ้นเป็น 50 บาท ก็ลดให้เหลือ 40 บาท

ที่น่าหนักใจก็คือ ในอดีตจากดินแดงจะไปบางนา เดิมทางพิเศษเฉลิมมหานครการจราจรหนาแน่นมากกว่า 1 แสนคันอยู่แล้ว แต่กลับพบว่าหากใช้ทางพิเศษศรีรัช จะต้องจ่ายค่าผ่านทางสูงถึง 135 บาท เพราะต้องจ่ายค่าผ่านทาง 4 ด่าน

มาถึงยุครัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร เคยสั่งให้ลดค่าทางด่วนจากดินแดงไปบางนา สำหรับรถ 4 ล้อจาก 135 เหลือ 40 บาท เพื่อแก้ปัญหาจราจร แต่ BECL ลดให้ 55-65 บาท เพราะบางช่วงที่ลงทุนเองยังขาดทุน เกรงว่าจะผิดเงื่อนไขสัญญาเงินกู้

การทางพิเศษฯ จึงยอมเฉือนเนื้อตัวเอง ในช่วงนั้นให้จ่ายค่าผ่านทางตามปกติที่ด่านดินแดง จะได้ ใบเสร็จค่าผ่านทางสีเหลือง ด่านอโศก 3 ด่านพระราม 9-1 เมื่อถึงด่านอาจณรงค์ 1 ไปบางนาคืนใบสีเหลืองเพื่อรับเงินคืน แต่ทดลองไปได้ระยะหนึ่งก็เลิก

ต่อมาวันที่ 15 มิ.ย. 2548 การทางพิเศษฯ เปิดใช้ ทางพิเศษสาย S1 ซ้อนกับทางพิเศษเฉลิมมหานคร เชื่อมระหว่างทางพิเศษฉลองรัช กับบูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี) ทำให้รถที่มาจากรามอินทรา สามารถตรงไปชลบุรีโดยไม่ต้องลงด่านอาจณรงค์ 1

แต่ปัญหาก็คือ หากจะขึ้น-ลงมาจากทางพื้นราบ กลับไม่มีทางขึ้น-ลงให้ เช่น รถที่จะลงบางนาต้องไปรับบัตรที่ด่านบางนา กม.6 ลงด่านบางแก้ว ส่วนรถที่มาจากสำโรงต้องเสียเงินที่ด่านบางนา และด่านอาจณรงค์-2

ขณะที่การลดค่าผ่านทาง 10 บาท ที่ด่านอาจณรงค์ 1 ไปบางนา ยังคงต่ออายุลงเรื่อยๆ พร้อมกับด่านพระราม 9-1 (ศรีรัช) และด่านพระราม 9-2 (ฉลองรัช)

ที่ผ่านมา การทางพิเศษฯ และ BECL มีข้อพิพาทบ่อยครั้ง เช่น กรณีสร้างทางพิเศษอุดรรัถยา รองรับการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 ตามสัญญารัฐต้องไม่ทำทางด่วนแข่งกัน แต่กรมทางหลวงกลับขยายดอนเมืองโทลล์เวย์ไปรังสิต

หรือจะเป็นในช่วงที่รัฐบาลชุดก่อน เบรกไม่ให้ขึ้นค่าผ่านทางตามสัญญา อ้างว่าต้องการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายประชาชน ทำให้ BECL เสียประโยชน์ เป็นคดีความหลายคดี รวมมูลค่าทั้งหมดประมาณ 1.3 แสนล้านบาท ไม่รวมดอกเบี้ย

จึงใช้วิธีต่อสัญญาสัมปทาน เพื่อแลกกับยุติข้อพิพาททั้งหมด เดิมเสนอไว้ที่ 30 ปี แต่ต่อรองเหลือ 15 ปี กระทั่งคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2563 อนุมัติให้ขยายอายุสัญญาสัมปทานทางด่วน ออกไปอีก 15 ปี 8 เดือน เป็นวันที่ 31 ต.ค. 2578

แลกกับเงื่อนไขหลัก คือ จะไม่มีข้อพิพาทเรื่องกรณีทางแข่งขันเกิดขึ้นอีก ส่วนแบ่งรายได้เหมือนเดิม ปรับค่าผ่านทางชัดเจนทุก 10 ปี (ครั้งละ 10 บาท) เริ่มตั้งแต่ปี 2571 และขึ้นทางพิเศษฟรีในวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี 15 ปี ตั้งแต่ปี 2563-2578

ภาพ : Google StreetView
อีกด้านหนึ่ง บอร์ดการทางพิเศษฯ ได้อนุมัติให้จัดเก็บค่าผ่านทางพิเศษ ด่านอาจณรงค์ 1 ในอัตราส่วนลด 25 บาท ต่อเที่ยว สำหรับรถทุกประเภท เป็นระยะเวลา 1 ปี เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัด ที่ต้องลงด่านสุขุมวิท 50 เพื่อไปบางนา

โดยรถยนต์ 4 ล้อ จาก 50 บาท เหลือ 25 บาท รถบรรทุก 6-10 ล้อ จาก 75 บาท เหลือ 50 บาท และรถบรรทุกมากกว่า 10 ล้อขึ้นไป จาก 105 บาท เหลือ 85 บาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2563 เป็นต้นมา เป็นระยะเวลา 1 ปี

ข้อตกลงส่วนลดค่าผ่านทางด่านดังกล่าวนั้น จะทำขึ้นปีต่อปีระหว่างการทางพิเศษฯ กับ BEM ที่ผ่านมาจะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 มิ.ย. 2564 ตามเงื่อนไขข้อตกลงท้ายสัญญาสัมปทาน มาครั้งนี้จึงได้ขยายเวลาไปอีก 1 ปีครึ่ง

และเมื่อใกล้จะถึงวันสิ้นสุดลดค่าผ่านทาง เราก็อาจจะได้ยินข่าวแบบนี้เป็นประจำทุกปี พอๆ กับข่าวขึ้นทางด่วนฟรีในวันหยุดนักขัตฤกษ์ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จบลงที่ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลยจริงๆ


กำลังโหลดความคิดเห็น