xs
xsm
sm
md
lg

“ตาม จำนงค์อาษา” แห่งกลุ่มบริษัท บี ปิโตรไทย เปิดเคล็ดลับบริหารดำเนินธุรกิจในวงการ Oil & Gas นานถึง 40 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กลุ่มบริษัท บี ปิโตรไทย (BE Petrothai Group) ผู้นำด้านการจัดหาวัสดุ อุปกรณ์สำหรับอุตสาหกรรม น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และปิโตรเคมี เปิด 4 หลักการบริหารที่ทำให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคง มากว่า 40 ปี พร้อมปรับตัวให้เข้าโลกปัจจุบัน ด้วยการพัฒนา Software เป็น Platform กลางเรียกว่า “BE Work” เป็นเครื่องมือที่ทำให้กลุ่มบริษัทฯ ย่นระยะเวลาในการทำงานให้กับ ลูกค้า พาร์ตเนอร์ เพราะเป็น Platform ที่สร้าง Virtual Co-Working Space ที่เหมือนกับการมาทำงานที่ออฟฟิศ ทีมงานทุกคนต่างยืน อยู่บน platform เดียวกัน ต่อภาพกันได้จนจบกระบวนการ


ตาม จำนงค์อาษา Managing Partner กลุ่มบริษัท บี ปิโตรไทย (BE Petrothai Group) ผู้นำด้านการจัดหา วัสดุ อุปกรณ์สำหรับอุตสาหกรรม น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และปิโตรเคมี กล่าวถึงการดำเนินธุรกิจว่า บริษัทส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้าด้วยการเป็นคู่คิด ที่ทำให้การนำเข้าอุปกรณ์ เครื่องจักรด้านวิศวกรรม ซึ่งมีมาตรฐานจากบริษัทชั้นนำระดับโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งผ่านองค์ความรู้ในสินค้าที่มีความซับซ้อนทางวิศวกรรมสูงจากผู้ผลิต สู่การปฏิบัติที่หน้างานจริง คือการผสาน Global Technology กับ Local Strength จนทำให้งานสำเร็จไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ ทั้งยังให้ความใส่ใจในการร่วมดูแลผลิตภัณฑ์ของลูกค้าไปตลอดอายุการใช้งาน (Equipment Life Cycle Management) ตั้งแต่การซื้อสินค้าจนนำไปสู่การกำจัดซาก Electronics
 
พร้อมเผยนโยบายการบริหารงานว่าได้ยึด 4 หลักการบริหาร ที่ทำให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนมากว่า 40 ปี คือ คน, โครงสร้างการบริหารองค์กร, ESG และเทคโนโลยี


เรื่องแรก คือ ‘คน’ ผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัทฯ ของเราเชื่อว่า องค์กรจะเติบโตได้อย่างยั่งยืนและมั่นคงนั้นเกิดจาก ‘สังคมแห่งการแบ่งปัน’ (Foster Community) การสร้างองค์กรก็เหมือนกับสร้างครอบครัวขนาดเล็กให้เป็นรากฐานของชุมชนขนาดใหญ่ เราไม่ได้มองว่าพนักงานคือพนักงานเท่านั้น แต่พนักงาน คือ กำลังสำคัญของการขับเคลื่อนธุรกิจ เราไม่เน้นปริมาณของพนักงาน เน้นที่คุณภาพชีวิต เราจึงมุ่งเน้นการพัฒนาคน ทำให้พนักงานได้ประโยชน์ร่วมกัน และสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็งขึ้นมา เราเคยอยู่ในจุดที่องค์กรขยายตัว เติบโตไปได้เร็วมากในช่วง 10 ปีแรกของการก่อตั้งบริษัท มีพนักงาน ร้อยกว่าคน จนผู้ก่อตั้งค้นพบว่า “สิ่งสำคัญที่ทำให้องค์กรเติบโตได้อย่างยั่งยืน ไม่ได้อยู่ที่จำนวนคน แต่อยู่ที่ความตั้งใจของคนที่ร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรคมากกว่า”

ต่อมาผู้ก่อตั้งจึงได้ปรับโครงสร้างการบริหาร re-engineering องค์กรเป็นแบบ Flat organization ทำให้ มีพนักงานประมาณ 50 กว่าคน เน้นการทำงานที่มีประสิทธิภาพ สร้างความมีส่วนร่วม ทำให้พนักงานรู้สึกว่าตนเองเป็นเจ้าของกระบวนการทำงาน (Process Owner) ที่สามารถนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ได้อย่างสร้างสรรค์ กล้าคุยงานกับผู้บริหาร พร้อมส่งต่องานคุณภาพให้กับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ และเมื่อทำงานจนเชี่ยวชาญจนมองเห็นภาพรวม จะสามารถพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นเจ้าของกิจการ (Business Owner) ที่ทำงานร่วมกันในองค์กรได้
เราอยากให้พนักงานมาทำงานในบรรยากาศของการเปิดโอกาสทางความคิด เราจัดประชุม Management Lab ให้พนักงาน ร่วมกัน ต่อยอดทางความคิด Spiral Development พัฒนาข้อมูล ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ปิดงานได้ตรงตามสัญญา และลดความเสี่ยงของงานที่อาจจะทำให้เกิดความเสียหายกับบริษัท ดังนั้น ทุกคนที่ทำงานที่กลุ่มบริษัทจะทราบดีว่า ปรัชญาในการทำงานของเรา คือ Committed to excellence & Successful Contract มีความรับผิดชอบที่ต้องส่งมอบงานให้สำเร็จ ครบถ้วนตามสัญญาที่ให้ไว้ ไม่ทิ้งภาระ ทั้งกับลูกค้า และ พันธมิตรทางธุรกิจ


สำหรับ ESG ซึ่งทางกลุ่มบริษัทให้ความสำคัญเป็นลำดับต่อมานั้น เพราะ คู่ค้า ลูกค้า ผู้มีส่วนได้เสียของเรา ต่างใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ผลกระทบต่อสังคม ความโปร่งใส่ มีธรรมาภิบาล (ESG) เราจึงเริ่มตั้งแต่การคัดเลือกเทคโนโลยีสินค้าที่ช่วยลดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมมานำเสนอ เราสร้างมาตรฐานให้องค์กรของเรา ด้วยการให้หน่วยงานภายนอกที่ไม่แสวงหาผลกำไรในระดับสากลอย่าง Trace มาประเมินความโปร่งใส จนบริษัท อินทรายแอม จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัท ได้รับ ‘Trace Certification’ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 2009) ซึ่งกลุ่ม Partner มองว่า ความโปร่งใส่ นี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากในการทำธุรกิจ ดังนั้นเราจึงเป็นกลุ่มบริษัท SMEs กลุ่มแรกๆ ที่เข้าร่วมและผ่านการรับรองจากโครงการสร้างแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต “CAC” (Collective Action Coalition Against Corruption) อีกด้วย
 
ทางด้านเทคโนโลยี กลุ่มบริษัทมีการปรับตัวมาตลอดตั้งแต่การก่อตั้ง ผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร ต่างเห็นความสำคัญของการเก็บและใช้ข้อมูลมาตั้งแต่อดีต องค์กรของเราจึงมีการสะสมองค์ความรู้ที่เกิดจากการทำงานและประสบการณ์ของพนักงานในชุมชนอย่างต่อเนื่อง มีการรวบรวม จัดการย่อยข้อมูล Resource จนเกิดเป็น Knowledge Management ขององค์กร เราได้พัฒนา Software ของเราเอง เป็น Platform กลางเรียกว่า 'BE Work' เพื่อให้เกิดการ Decentralized ของข้อมูลในองค์กร ทำให้ Digital Transformation เป็นเรื่องจริงได้ เพราะเมื่อทุกฝ่ายต่างเห็นชุดข้อมูลเดียวกัน จะเกิดการทำงานร่วมกัน และส่งต่อองค์ความรู้กันได้อย่างไม่มีรอยต่อ
 
ทั้งนี้ BE Work เป็นเครื่องมือที่ทำให้กลุ่มบริษัทฯ ย่นระยะเวลาในการทำงานให้กับ ลูกค้า พาร์ตเนอร์ เพราะเป็น Platform ที่สร้าง Virtual Co-Working Space ที่เหมือนกับการมาทำงานที่ออฟฟิศ ทีมงานทุกคนต่างยืนอยู่บน platform เดียวกัน บันทึกข้อมูลในส่วน ความรับผิดชอบของตัวเอง ต่อภาพกันได้จนจบกระบวนการ ตลอดจนผู้บริหาร สามารถเห็นภาพรวมของการทำงานทั้งองค์กรผ่านเครื่องมือที่เราสร้างขึ้นเองด้วยเช่นกัน
 
ด้วยเทคโนโลยี ณ ปัจจุบัน ตอบโจทย์การสร้าง platform นี้ได้อย่างดี ด้วยกระบวนการต่างๆ เกิดได้อย่างสะดวก รวดเร็วขึ้น แต่แท้จริงแล้ว การเห็นความสำคัญของข้อมูล เก็บสะสมข้อมูล ผ่านการคิดวิเคราะห์มาอย่างลึกซึ้งมาตลอด 40 ทำให้ภาพที่คิดไว้ เกิดขึ้นได้จริง จนสามารถ ตอบโจทย์ โลกในปัจจุบัน และอนาคตได้


@กลุ่มบริษัทบี ปิโตรไทย (BE Petrothai Group) เกิดจากการผนึกกำลังร่วมกันระหว่าง บริษัท ปิโตรไทย จำกัด (2524) กับ บริษัท บีอี คอนซัลติ้ง กรุ๊พ จำกัด (2530) ในปี พ.ศ. 2538 โดยกลุ่มบริษัทมีหลักปรัชญาที่สำคัญในการทำธุรกิจ คือ “Committed to Excellence” หรือ มุ่งมั่นรักษาสัญญา ผ่านการส่งมอบงานที่เป็นเลิศ และ “Successful Contract” หรือ งานเสร็จครบจบ 100% โดยเน้นการใช้การจัดการองค์ความรู้ และเทคโนโลยีในการขับเคลื่อนบริษัทมาตลอด 40 ปี ภายใต้กลุ่มบริษัทประกอบด้วย 5 บริษัทย่อย ได้แก่
 
1. บริษัท ปิโตรไทย จำกัด : บริการให้คำปรึกษาและดูแลการตลาดในรูปแบบต่างๆ ให้กับพันธมิตรทางธุรกิจระดับโลก (World Class Manufacturer) ได้แก่ กลุ่มผู้ผลิตเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ปิโตรเคมี
 
2. บริษัท อินทรายแอม จำกัด : บริการคัดเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสมจากกลุ่มผู้ผลิตเครื่องจักรในอุตสาหกรรม เพื่อนำเสนอ ให้คำแนะนำ ตามความต้องการของลูกค้า โดยวิศวกรฝ่ายขายที่มีองค์ความรู้ในเครื่องจักรชนิดนั้นๆ รวมถึงการบริหารสัญญาการซื้อขาย (Contract Management) การขนส่งบริหารเส้นทางการนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมขนาดใหญ่(Route Management) เป็นต้น
 
3. บริษัท พีทีซี ปิโตรไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด : ให้บริการบริหารจัดการงานด้านวิศวกรรม(Engineering Project Management) บริการหลังการขาย(After sale service) ตรวจสอบสินค้าก่อนนำส่ง(pre-delivery inspection: PDI) และจัดอบรมให้ความรู้กับลูกค้า
 
4. บริษัท บี คอนเซพท์ จำกัด : ให้บริการด้านเทคโนโลยีและระบบข้อมูล ด้วยการรวบรวมองค์ความรู้ด้านวิศวกรรม(Knowledge Mangement) การซ่อมบำรุง การบริหารจัดการอื่นๆ ในองค์กร ทำให้หาแนวทางแก้ปัญหาใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้าได้ เช่น การลดขั้นตอนการจัดการทรัพยากรและกระบวนการทำงาน เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5.บริษัท บีอี คอนซัลติ้ง กรุ๊พ จำกัด : ให้บริการ การบริหารจัดการด้านทรัพยากร (Resoure Management) การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) และ การกำกับดูแลกิจการ (Business Compliance) ของหน่วยธุรกิจทั้ง 5 หน่วย


กำลังโหลดความคิดเห็น