อธิบดีกรมสรรพสามิตเซ็นคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ 5 นาย จากสรรพสามิตเขต 5 มาปฎิบัติงานที่สำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 10 พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง กรณีล่อซื้อน้ำส้ม 500 ขวด
วันนี้ (17 มิ.ย.) จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ระบุว่า มีเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต เข้าทำการจับกุมผู้ขายน้ำส้ม จำนวน 500 ขวด และมีการเรียกค่าปรับเป็นเงินจำนวน 12,000 บาท จนมีคนวิพากษ์วิจารณ์วิจารณ์ความเหมาะสมในการทำงานของกรมสรรพมิต อย่างกว้างขวาง
ทั้งนี้ นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต ได้ออกมาระบุว่า ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว พร้อมทั้งให้รองอธิบดีกรมสรรพสามิต ลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้ตรวจสอบผู้ที่ใส่ชุดข้าราชการรายนี้ ว่า ใช่เจ้าหน้าที่ของกรมสรรพสามิตจริงหรือไม่ โดยเตรียมที่จะแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริง เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ล่าสุด อธิบดีกรมสรรพสามิต ได้มีการเซ็นคำสั่งให้เจ้าหน้าที่กลุ่มดังกล่าว จำนวน 5 นาย จากสรรพสามิตเขต 5 มาปฏิบัติงานที่สำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 10 พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงถึงเรื่องดังกล่าวแล้ว
ก่อนหน้านี้ นายณัฐกร อุเทนสุต ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิต ในฐานะโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวกรมสรรพสามิต ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบจริง และยืนยันว่า ไม่ได้มีการเรียกค่าปรับเป็นจำนวนเงิน 12,000 บาท ทุกอย่างมีหลักฐาน กล้องวงจรปิดของร้าน ยืนยันข้อเท็จจริงได้ทั้งหมด
ทั้งนี้ ในส่วนของการล่อซื้อ โดยการสั่งให้ผลิต 500 ขวด เป็นการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ที่เก็บรวบรวมหลักฐานพิสูจน์ได้ว่า ร้านดังกล่าว ประกอบกิจการในลักษณะผู้ประกอบอุตสาหกรรม โดยมีเงื่อนไขชัดเจน ว่า มีเครื่องจักรสำหรับการผลิต และขายส่งในปริมาณมากทุกวัน จึงต้องมีหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่า ไม่ได้เป็นการปรักปรำผู้ประกอบการ
“ในกรณีนี้ ขอแยกเป็น 2 ส่วน คือ 1. เจ้าหน้าที่กรม กับ ผู้จัดการร้านค้า ซึ่งในวันเกิดเหตุ กรมได้ลงพื้นที่ เพราะมีผู้แจ้งเบาะแส ว่ามีการผลิตในลักษณะผู้ประกอบการอุตสาหกรรม มีการขายส่ง แต่ไม่ได้มีการจดทะเบียนเสียภาษีให้ถูกต้อง จึงเข้าไปแนะนำ ซึ่งผู้จัดการก็เข้าใจ และแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าจะเข้าไปจดทะเบียนให้ถูกต้องกับกรมในวันต่อมา” นายณัฐกร กล่าว
ทั้งนี้ ไม่ได้มีการเรียกเก็บค่าปรับ หรือยึดสินค้าใดๆ กลับมาที่กรม แต่ให้ข้อมูลว่า จากจำนวนสินค้าในสถานที่ประกอบอุตสาหกรรม เมื่อคำนวณเป็นเม็ดเงินภาษี จะอยู่ที่ราว 1,200 บาท แต่เมื่อไม่มีการจดเสียภาษีถูกต้อง จะเสียเบี้ยปรับเงินเพิ่ม 10 เท่า จึงคำนวณมาอยู่ที่ 12,000 บาท ซึ่งเป็นการให้ข้อมูล ไม่ได้มีการเรียกเก็บแต่อย่างใด
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดอย่างมาก มาจากตัวเจ้าของกิจการ ที่โพสต์รายละเอียดดังกล่าวลงเฟซบุ๊ก ซึ่งข้อมูลบางเรื่องไม่ถูกต้อง ทำให้กรมได้รับความเสียหาย แต่ต่อมาได้ปิดเฟซบุ๊กดังกล่าว ซึ่งกรมก็ไม่ได้เก็บหลักฐานไว้ และยืนยันจะไม่ฟ้องร้องเอาผิดใดๆ