“หมอรัฐพลี” ห่วงคนไทยเสียโอกาสฉีดวัคซีน ยกเคสอดีตที่ผู้ป่วยจากไป หลังเลี่ยงการรักษา

รศ.นพ.รัฐพลี ภาคอรรถ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ เผยเหตุการณ์ในอดีตที่ผู้ป่วยมะเร็งมีโอกาสหายแต่เลี่ยงที่จะเข้ารักการรักษาสุดท้ายรักษาไม่ทันเสียชีวิต โดยนำมาเที่ยบกับสถานการณ์ปัจจุบัน ห่วงคนไทยส่วนใหญ่ยังปฎิเสธการฉีดวัคซีนทั้งที่มีโอกาส

วันนี้ (11 เม.ย.) รศ.นพ.รัฐพลี ภาคอรรถ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Rattaplee Pak-art” โดยได้นำเหตุการณ์ในอดีตที่ผู้ป่วยปฎิเสธการรักษาจนสุดท้ายต้องเสียชีวิตลงไปมาเป็นอุทาหรณ์เปรียบเที่ยบกับสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน โดยได้ระบุว่า

“สิบกว่าปีก่อน มีคนไข้มะเร็งเต้านมคนหนึ่งมาพบที่ OPD เป็นหญิงอายุราวสี่สิบต้นๆ ทำงานดี ฐานะดี มีการศึกษาดี ก้อนขนาดราว 2-3 ซม.ยังไม่กระจายไปที่ไหน อธิบายวิธีการรักษากันยืดยาว ว่าจะเก็บเต้านมหรือจะตัด จะเสริมหลังผ่ามั้ย และโอกาสที่อาจต้องให้เคโมหรือยาต้านฮอร์โมน

นัดคุยกันไปสองสามรอบกว่าคนไข้จะยอมผ่าตัด พอนัดวันได้ ก็มาขอเลื่อน บอกว่า ฤกษ์ไม่ดี แล้วก็มาคุยอีกหลายครั้ง ครั้งละนานๆ ผลัดผ่อนไปอีกหลายที สุดท้ายถึงวันนัดเข้านอนโรงพยาบาลก็ไม่มาตามนัด ให้โทรไปตามก็บอกว่า ขอไปรักษาหมอทางเลือก

ผ่านมาจนปลายปีนั้น มีคนไข้นั่งรถเข็นเข้ามา ดูแล้วจำแทบไม่ได้ หน้าเซียวผอมแก้มตอบ ดูไม่มีเรี่ยวแรงจะเดินไหวเลย บอกว่า ก้อนที่เต้านมโตขึ้นมาก แตกออกเป็นแผลใหญ่ ปวดหลังและสะโพกมาก เหนื่อย หายใจไม่ค่อยทัน มะเร็งกระจายเข้ากระดูกสันหลังและที่ปอดอีกหลายจุด มีน้ำท่วมปอดแล้วด้วย

หลังจากประเมินกันใหม่ก็บอกกับคนไข้และญาติว่า นี่คงเป็นระยะท้ายๆแล้ว รักษาเต็มที่ยังไงก็คงยื้อได้อีกไม่กี่เดือน ปรึกษาหมอเฉพาะทางที่ให้ยาและฉายแสงร่วมดูแลไปด้วยกัน อีกไม่นานคนไข้ก็เสียชีวิตไป

สุดท้าย มาถามตัวเองว่าเรารู้สึกยังไง รู้สึกเสียใจสงสารคนไข้ที่ต้องตายไปก่อนวัยอันควร เสียดายที่คนไข้พลาดโอกาสที่จะรักษาตั้งแต่ยังเป็นไม่มาก แต่ยังรู้สึกว่าเราได้พยายามช่วยเต็มที่แล้วว่าให้รักษามาแต่ต้น แม้สุดท้ายต้องปล่อยให้เป็นไปตามความต้องการของคนไข้ ญาติพี่น้องเองก็คงทั้งเสียใจ และเสียดายไปด้วย

เรื่องวัคซีนกับโควิดนี่ก็คล้ายๆ กัน หมออธิบาย ให้เหตุผล แสดงหลักฐานกันเต็มที่ ไม่ได้หวังจะให้เปลี่ยนใจไปฉีดวัคซีนได้ทุกคน สำหรับคนที่ปฏิเสธวัคซีน เราคงเห็นใจคนที่ป่วย สงสารคนที่ตาย และเสียดายโอกาสดีๆ ที่เค้าทิ้งไปตอนต้น แต่เราได้พยายามทำทุกอย่างเต็มที่แล้ว ต่อให้ผลที่ออกมาจะไม่ถูกใจ เราคงไม่มีคำว่า “รู้งี้ทำอย่างงั้นดีกว่า” แต่สำหรับคนติดเชื้อป่วยหนักหรือคนใกล้จะตาย กว่าจะ “รู้งี้ขอย้อนเวลากลับมาฉีดวัคซีนดีกว่า” ก็สายไปเสียแล้ว”