เพจ "วันนั้นเมื่อฉันสอน" โพสต์ข้อความ เผยถึง 20 เทคนิคการเอาชีวิตรอด หากคุณเป็นเพียงครูผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่ต้องไปบรรจุเพียงลำพัง ในพื้นที่ห่างไกล
เมื่อวันที่ 5 พ.ค. เพจ "วันนั้นเมื่อฉันสอน" ได้ออกมาโพสต์ข้อความแนะแนวทางการใช้ชีวิตหากได้มาบรรจุเป็นครูในพื้นที่ห่างไกล โดย เพจดังกล่าว ได้ระบุข้อความแบ่งเป็น 20 ข้อ ไว้ดังนี้
"โพสนี้จะมาขอแนะนำถึงเทคนิคการเอาชีวิตรอด หากคุณเป็นเพียงครูผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่ต้องไปบรรจุเพียงลำพัง ใครไม่เป็นครูก็อ่านได้
1. เดือนแรกที่ไปบรรจุคุณจะยังไม่มีเงิน ต้องรอตกเบิกอย่างน้อยที่สุดก็ 1 เดือนระหว่างนั้นถ้าไม่มีเงินเก็บจะลำบากมาก แต่คุณต้องซื้อของเข้าที่พัก ไม่ว่าจะเป็น ไม้แขวนเสื้อ พรมเช็ดเท้า ขันน้ำ กะละมัง ตะกร้าผ้า และ ของใช้ส่วนตัวในการดำเนินชีวิต อยากจะบอกว่าร้านทุกอย่าง 20 คือคำตอบ อย่าได้คิดไปซื้อของใช้ส่วนตัวจากในห้างคุณจะหมดตัวเอาง่าย ๆ
2. แน่นอนว่าถ้าคุณไม่มีพ่อแม่ซื้อรถให้เป็นของขวัญในวันเรียนจบ คุณจะต้องขับมอเตอร์ไซค์ แต่น้ำมันในชนบทขายแพงมากซึ่งนิยมขายเป็นขวดเติมในขวดเหล้า 30 บาท ได้ 750 มิลิลิตร ถ้าจะคิดเป็นลิตรจริงๆจะตกลิตรละ 40 บาท แพงกว่าโดยทั่วไปประมาณ 13 บาท ดังนั้นถ้าเติมเต็มถังมอเตอร์ไซค์ 4 ลิตร จะแพงกว่าคิดเป็นเงิน 13x4 = 52 บาท
วิธีการประหยัดคือให้คุณซื้อถังน้ำมันใหญ่มาไว้ เมื่อมีโอกาสเข้าไปในเมืองก็ให้เขาเติมใส่ถังน้ำมันมา เก็บเอาไว้มาแบ่งเติมที่บ้านโดยแบ่งใส่กรวยที่ซื้อได้จากร้านทุกอย่าง 20 (อ้างอิงที่ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 วันที่ 5 พค 64 ราคา 27.25 บาท )
3. ซื้อสูบลมมือติดไว้ เวลาที่รถยางแบนจะได้ไม่ต้องวิ่งไปหาร้านซ่อม รถมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งทุกวันจะต้องเติมลมทุกเดือนอยู่แล้ว การไปร้านซ่อมถ้าร้านใจดีก็ฟรี ถ้าคิดตังค์ก็อาจ 2 ล้อ 5 บาท แต่ถึงต่อให้มันฟรีมันก็เสียเวลา ถ้าทำเองได้ที่บ้านก็ดีไม่ต้องไปไกล ทั้งยังอาจเจอสายตาและโดนแซวจากวัยรุ่นที่สุมหัวกัน
4. ถ้าคุณเป็นครูผู้หญิงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินสำคัญมาก พกมีดติดตัวไว้ใต้หมอนหรือข้างเตียงบ้าง มีดที่ดีนั้นต้องมี 2 สภาพ คืออำนาจข่มขู่และอำนาจสังหาร อำนาจข่มขู่นั้นหมายถึง คนร้ายเห็นเกิดความลังเลว่าจะเข้าหรือไม่เข้าดี ส่วนอำนาจสังหารคือทำให้ตายได้ ดังนั้นมีดที่พกจะต้องมีขนาดที่ใหญ่ปลายแหลมเพื่อให้มีอำนาจขมขู่และเห็นใบมีดได้ชัดนั่นคือใบไม่ต่ำกว่า 8 นิ้ว ไม่ใช่มีดปอกผลไม้ขนาดเล็กที่มีเพียงอำนาจสังหารไม่มีอำนาจข่มขู่
5. ระวังคนใกล้ตัวเพราะคนร้ายโดยส่วนใหญ่มักเป็นคนที่รู้ทางหนีที่ไล่หรือเป็นศิษย์เก่าที่รู้ช่องทาง ยากมากที่คนแปลกหน้าที่ไม่เคยเห็นบ้านพักครูไม่รู้ว่าผู้อาศัยเป็นหญิงหรือชายแล้วทะลึ่งเข้ามาชิงทรัพย์โดยไม่สังเกตการณ์ล่วงหน้า
ดังนั้นให้ระวังคนที่มีความคุ้นเคยกับโรงเรียน เข้านอกออกในบ่อย ๆ เรื่องจริงเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้น เคยมีกรรมการสถานศึกษามาหาครูสาวยามค่ำขึ้น โดยบอกว่า "มีข้อราชการปรึกษา " คุยกันผ่านลูกกรงกั้นก็เหม็นกลิ่นเหล้าก็รู้เจตนาได้ทันที
6. ถ้าบ้านอยู่ชั้นสองให้เตรียมรองเท้าแตะไว้บนบ้านด้วย เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินคนร้ายพังประตูเข้ามาระหว่างนั้นจะสามารถโดดหนีได้ ไม่บาดเจ็บมาก โดยวิธีการโดดลงให้เจ็บน้อยสุด คือการเอามือเกาะขอบหน้าต่างหย่อนเท้าลงไปให้ต่ำที่สุดโดยที่มือเกาะไว้จนสุดตัวค่อยปล่อยมือ
7. อย่าไว้ใจทางอย่าวางใจคน ถ้าบ้านเป็นลูกบิดหรือมีกุญแจสายยูเก่าให้เปลี่ยนให้หมด เพราะอาจจมีภารโรงคนเก่า ครูคนเก่าที่ยังมีกุญเเจชุดเดิมอยู่กว่าที่เราจะมาอยู่บ้านหลังนั้นมีคนกี่คนที่เคยมาอยู่แล้วเราไม่มีทางรู้ ดังนั้นเปลี่ยนได้ก็เปลี่ยน
8. ถ้าเป็นครูผู้หญิงต้องอยู่เวรยามกลางวัน ให้ชวนนักเรียนมาอยู่ด้วยเพราะโรงเรียนในชนบทเปลี่ยวและเงียบมาก อาจจะเสียค่าขนมหน่อยแต่ปลอดภัยกว่ามาก บางครั้งมีคนเข้ามาเกี่ยวหญ้า มาเลี้ยงวัว ช่างมาทำรั้ว มาต่อเน็ต ทุกอย่างมีผลหมด กันไว้ดีกว่าแก้
9. เวลาขับมอไซค์ข้ามอำเภอจังหวัดแต่งตัวให้มิดชิด ไม่ให้เห็นทรวดทรงพี่สาวผมเมื่อก่อนต้องขับไปเรียนข้ามอำเภอเธอจะใส่เสื้อคลุมหนา ใส่หมวกโหม่งกับหมวกกันน๊อคเต็มใบ คนที่ผ่านไปผ่านมาก็จะคิดว่าเป็นชาวบ้านไปเกี่ยวข้าว เล่าตามประสาผู้ชาย เวลาผมเจอสาวน่ารักขับรถ ผมก็จะพูดกับเพื่อนว่า "คนนี้บ้านเขาอยู่ไหน" "เขากำลังจะไปไหน" ดังนั้นปิดบังไว้ย่อมดีกว่า ชีวิตจริงอาจะไม่ต้องทำอย่างนั้น ใส่แค่แมสปิดหน้าก็ได้
10. ควรมียาสามัญประจำบ้านติดไว้จะได้ไม่ต้องออกไปกลางค่ำกลางคืน เช่น ยาพารา แก้แพ้ คาลาไมน์แก้คัน ยาธาตุ น้ำเกลือล้างแผล ผ้าพันแผล พลาสเตอร์ และที่สำคัญที่สุดคือ เกลือแร่ เผื่ออาหารเป็นพิษกลางคืนจะได้ประคองตัวเองไปจนเช้าค่อยไปหาหมอ
11. ถ้าต้องนั่งรถสาธารณะมาส่ง ไม่ควรให้เขามาส่งหน้าบ้านเพราะเขาจะรู้ว่าอยู่บ้านหลังไหน ให้ลงก่อนจะถึงแล้วค่อยเดินต่อจะปลอดภัยกว่า พยายามอย่าขึ้นลงจุดเดียวกันเพราะถ้าคนมาดักเขาจะดักเจอง่าย ถ้าเราให้ใครมาส่งที่บ้านเขาจะลากเราเข้าบ้านได้ทันที แต่ถ้าลงก่อนเขาจะต้องเดินตามและเราจะรู้เจตนา
12. วางรองเท้าไว้หน้าบ้านเยอะ ๆ ไม่มีก็ไปซื้อมา ถ้ามีรองเท้าผู้ชายอยู่ คนร้ายก็อาจจะลังเลใจคิดว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียว มีเสื้อผ้าพ่อหรือแฟนก็เอามาตาก ๆ รวมไว้เขาจะได้คิดว่าบ้านมีผู้ชาย
13. กลางค่ำกลางคืน เปิดไฟนอกบ้านแต่อย่าเปิดไฟในบ้าน เวลานอนให้พยามดับไฟ เพราะคนร้ายจะรู้ว่าอยู่ห้องไหนของบ้านและมองเข้ามาเห็นทรัพย์สินภายในบ้าน
14. จงลงทุนด้านความปลอดภัย ติดลูกกรงเหล็กได้ให้ติดเพราะอย่างน้อยต้องเป็นครูอยู่ที่นั่น 5 ปีกว่าจะได้ย้าย ถ้าไม่มีเงินก็ติดแค่ห้องนอน
15. ของมีค่าเช่นโน๊ตบุ๊คอย่าทิ้งไว้ในห้อง ไปไหนเอาไปด้วยกลับบ้านต่างจังหวัดไม่ต้องกลัวหนักให้แบกไปตาม ท่องไว้ว่า "เหนื่อยแบก ดีกว่าเหนื่อยตามหา "
16. ถ้ามีมีดต้องฟันใครซักคน จงฟันเป็นรูปกากบาท อย่าฟันแนวนอนเพราะไม่มีน้ำหนัก อย่าฟันผ่าตรง ๆ เพราะหลบง่าย เวลาฟันให้ฟัน 2 ครั้งติดกันต่อเนื่องค่อยดึงกลับจะหลบยากกว่า ภาษามวยเรียกว่า "หมัดหนึ่งสอง" คนร้ายที่เมายา หรือไม่เคยเรียนการต่อสู้มาเขาไม่คิดหรอกว่าเราจะฟันต่อเนื่องกัน
17. เมื่อมีเหตุฉุกเฉินเข้ามาในบ้าน ให้คิด 3 ขั้นตอน 1. โทรขอความช่วยเหลือ 2. เลือกว่าจะ "สู้" หรือ "หนี"
ถ้าเลือกที่จะหนี ต้องดูว่าหนีพ้นหรือไม่ ไม่ใช่หนีแล้วถูกตามไปฆ่าในป่าระหว่างนี้จะเป็นอันตรายบาดเจ็บหรือเปล่า คนร้ายจะตามทันไหม ก่อนหนีหาสิ่งของมาขวางประตูไว้ก่อน จากนั้นโยนผ้าห่มโยนหมอนลงไปเป็นเบาะรองแล้วค่อยโดดลงไปเหยียบ แต่ถ้าคิดแล้วว่าหนีไม่พ้นอย่าหนี และการสู้ให้เป็นวิธีสุดท้าย
ถ้าเลือกสู้ก็หยิบมีดเตรียมตัวฟันกากบาท ก่อนที่ประตูจะพังให้ตะโกนบอกคนร้ายให้ลังเลใจว่า "โทรให้คนมาช่วยเเล้วเขากำลังมา และในห้องมีมีดยาวถ้าเข้ามาก็จะสู้" ดักอยู่ข้างประตูและฟันทีไม่ต้องถามเมื่อประตูพังอย่าให้ตั้งตัว ถ้าทำไม่ได้ระหว่างประจัญหน้าให้เตรียมท่าต่อสู้ยกมีดขึ้นเงื้อข้างหูตลอดเวลา อย่าหนีบไว้กลับตัวมันดูไม่ก้าวร้าวไม่คุกคาม เขาจะได้ไม่กล้าเข้ามา
18. ถ้าไม่สามารถทำอะไรได้เเละเหตุเกิดขึ้นจนไม่ทันตั้งตัวให้ยอม เพื่อรักษาชีวิตเพราะคนร้ายที่ข่มขืนอาจจะฆ่าเหยื่อไปด้วยกลัวเราไปบอกคนอื่น เพราะเราจำหน้าได้ ดังนั้น อาจจะต้องเเกล้งยอมแกล้งทำเป็นชอบเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายแก่ตัวเรา ในระหว่างนั้น ให้จำหน้าให้ชัด ๆ เพราะเหยื่อหลายคนตกอยู่ในความกลัวจนไม่สามารถให้รายละเอียดได้ และคนร้ายลอยนวล
ดังนั้นในระหว่างที่ถูกข่มขืน ให้พยายามจำลักษณะต่าง ๆ ตำหนิ เช่น รอยสัก แผลเป็น หัวแตก ทรงผม ผอม อ้วน ตาตี่ ตาโต เพื่อที่จะดำเนินคดีในภายหลัง
19. เมื่อถูกข่มขืน บางคนอายไม่กล้าแจ้งความ หรือถูกข่มขู่ บางครั้งคนทำอาจเป็นคนที่มีอำนาจเหนือกว่า เช่น ผู้บังคับบัญชา นายจ้าง คนมีอิธิพล เมื่อขอความช่วยเหลือไม่ได้ ให้ทานยา 2 ตัว
19.1 ให้ทานยา PEP เพื่อป้องกันเอดส์ ซึ่งเป็นยาป้องกันหลังการสัมผัสในกรณีฉุกเฉินและต้องรับประทานเร็วที่สุดภายใน 72 ชั่วโมง และต้องรับประทานติดต่อกันนาน 28 วัน
19.2 คนร้ายที่ข่มขืนจะไม่มีการเตรียมการเพราะเขาจะไม่สวมถุงยาง คนที่ทำประจำจะสวมถุงยางเพื่อไม่ให้เหลือหลักฐานไปถึงตัวเขา และเขาจะเอามันไปด้วย ดังนั้น หากคนร้ายไม่สวมถุงยางจะเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ให้ทานยาคุมฉุกเฉินทันที ซึ่งควรรีบทานไม่ควรเกิน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์
20.ถ้ามีปืนแล้วจวนตัวยิงได้ก็ยิง อย่าไปกลัวติดคุก ท่องไว้ว่าขึ้นศาลดีกว่านอนศาลา เรายิงในบ้านเราพอสมควรแก่เหตุ ไม่ได้ยิงซ้ำตอนเขาล้ม เป็นสถานที่ราชการ ผู้บุกรุกมาในเวลากลางคืน ยังไงศาลก็ต้องเห็นใจเรามากกว่าคนร้าย ไอ้พวกที่บอกยิงเเขนยิงขา อย่าไปเชื่อแสดงว่ามันไม่เคยยิงปืนจริง ๆ ยิงปืนสั้นในที่เเสงน้อย จะมองเห็นศูนย์หน้าหรือเปล่ายังไม่รู้ ดังนั้นยิงได้ยิงไปเลย ถ้าโชคดีก็รอลงอาญา ถ้าโชคร้ายก็ไม่ตายแค่ติดคุก
สุดท้าย ถ้าบทความนี้เป็นประโยชน์ ช่วยแชร์เพื่อเป็นวิทยาทานแก่คนอื่น ๆ ด้วยนะครับ เพราะไม่ใช่ทุกคนบนโลกนี้ที่จะมีคนปกป้อง"