วันนี้ (19 เม.ย.) นายคำสะไหว พมมะจัน ผู้แทนบริษัท พงสะหวัน อินดัสทรี จำกัด บริษัทใน สปป.ลาว และอ้างว่าเป็นเจ้าของไม้พะยูง จำนวน 11 ตู้คอนเทนเนอร์ มูลค่าประมาณ 160 ล้านบาท ซึ่งศาลฎีกาพิพากษาให้ชนะคดีการนำไม้เข้าประเทศโดยมิชอบ และมีคำสั่งให้ส่งคืนไม้แก่เจ้าของ เปิดเผยว่า ขอยืนยันว่าไม้พะยูงทั้งหมดได้สัมปทานจากการสร้างเขื่อนที่แขวงคำม่วน และแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว มีเอกสารหลักฐานชัดเจน แต่เหตุใดกรมศุลกากรซึ่งเป็นผู้เก็บรักษาไม่นำส่งคืนเจ้าของ ตนเกรงว่าไม้พะยูงจะสูญหายไปบางส่วน จึงได้ทำหนังสือถึงผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม หรือ ปทส. ขอให้ช่วยประสานกับผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าลาดกระบัง เพื่อขอเข้าตรวจสอบร่วมกัน แต่เมื่อมาถึงกลับได้รับแจ้งว่ามีคำสั่งจากกรมศุลกากรให้เลื่อนการตรวจออกไป หลังจากนี้จะทำเรื่องฟ้องร้องต่อศาลปกครอง เพื่อเอาผิดต่อนายชูชัย อุดมโภชน์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบสิทธิประโยชน์ทางศุลกากร ผู้ที่ลงนามให้เลื่อนการตรวจสอบแทนอธิบดีกรมศุลกากร
“อยากให้กรมศุลกากรดำเนินการส่งไม้คืนเรา เนื่องจากทางกรมศุลกากรไม่มีอำนาจในการยึดเหนี่ยวของกลาง และยังกล่าวอ้างว่าผมไม่มีอำนาจในการรับไม้ อยากจะกราบเรียนอธิบดีกรมศุลกากรให้ช่วยพิจารณาใช้อำนาจของท่านที่มีให้เจ้าหน้าที่ช่วยดำเนินการให้ผมได้ไม้คืนตามเอกสารที่ได้ยื่นไว้ และอยากให้ท่านช่วยเมตตา ผมได้รับความเดือดร้อน และขอยืนยันว่าไม่ได้เอาไม้มาฝากไว้กับบริษัท EVER GREEN ซึ่งทางบริษัทดังกล่าวได้เรียกร้องค่าเสียหายการเก็บรักษาไม้ 13 ล้านกว่า ผมไม่ได้ประสงค์ที่จะฝากไม้ไว้กับบริษัทดังกล่าว แต่ทางพนักงานสอบสวนเป็นคนฝากไว้ให้กับกรมศุลกากรเก็บรักษาไว้ชั่วคราว และยังยึดไม้ของผมมาเป็นเวลา 16 ปี” นายคำสะไหวกล่าว