วันนี้ถือเป็นอีกวันดีๆ ของพุทธศาสนิกชนชาวไทย โดยเฉพาะสายสะสมพระเครื่องวัตถุมงคล ของอมตะมหาเถระรูปสำคัญ อย่าง สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) อดีตเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร
ตามประวัติ “สมเด็จโต” หรือ “หลวงปู่โต” เกิดเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2331 จึงถือว่า เป็นวันครบรอบ 233 ปีแห่งชาตกาลของพระเถราจารย์ท่านนี้ ที่มีลูกศิษย์ลูกหาทุกชนชั้นวรรณะให้ความเคารพเลื่อมใสอย่างสูงยิ่งตลอดมา
ด้วยเหตุที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต เป็นผู้มีปฏิปทาจริยวัตรน่าเลื่อมใส โดยเฉพาะด้านความสมถะอันโดดเด่น อีกทั้งมีคุณวิเศษด้านวิชาคาถาอาคม จึงทำให้วัตถุมงคลที่ท่านสร้างขึ้นอย่าง “พระสมเด็จ” ถูกยกชั้นให้เป็นพระเครื่องเลอค่า 1 ในชุดเบญจภาคี ที่มีราคาเช่าหากันสูงถึงหลายล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ด้านอิทธิปาฏิหาริย์ของพระเครื่องสายสมเด็จวัดระฆัง ทั้งรุ่นพิมพ์ที่ทันหลวงปู่โตสร้าง และอีกหลายรุ่นที่ลูกศิษย์ลูกหาสร้างเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนานั้น ผู้รู้จริงต่างยืนยันว่ามีดีไม่ต่างกัน
ผู้ใดที่ศรัทธา แม้จะไม่มีพระเครื่องวัดระฆังห้อยคอ ขอแค่ประพฤติตนเป็นคนดี มีศีลธรรม หมั่นระลึกถึงเจ้าประคุณสมเด็จ ด้วยการทำใจให้เป็นกุศล สวดมนต์ไหว้พระ ท่องคาถาชินบัญชร รับรองได้ปัญหาที่เจอจะทุเลาเบาลงจนคลี่คลาย หากความต้องการนั้นไม่ยิ่งใหญ่เกินกว่ากรรม
อิศรากรณ์ สุวรรณทิพย์ ผู้บริหาร บริษัท เอเชียวานิช จำกัด ซึ่งศรัทธาใน สมเด็จพระพุฒาจารย์โต อย่างมาก กล่าวยืนยันว่า “ต่อให้มีพระดีเพียงใด ถ้าประพฤติตนไม่ดี พระท่านไม่ช่วยเราหรอก เพราะทุกชีวิต ต้องรับผลของการกระทำ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว คำๆ นี้เป็นอมตะใช้ได้จริงทุกยุคทุกสมัย อย่างพระเครื่องที่อาราธนาติดกายผมมีแค่ เหรียญสมเด็จโต รุ่นอนุสรณ์ 100 ปี เนื้อทองคำ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2515 เป็นพระที่ไม่ทันท่านสร้าง แต่ประสบการณ์การันตี เชื่อพุทธคุณได้แน่นอน”
อิศรากรณ์ เท้าความให้ฟังว่า ความมหัศจรรย์หลายอย่างที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ บางทีเริ่มจากความฝันของคนบางคน ที่อยากจะประสบความสำเร็จ แต่ข้อเท็จจริงแล้วเราไม่ได้อาศัยแค่เป็นนักใฝ่ฝัน แต่เขาต้องลงมือทำ เพราะเราไม่สามารถเลือกเกิดได้ แต่เราเลือกทางที่จะเดินได้ ต้นทุนชีวิตไม่ดี ไม่ได้หมายความว่า เราจะมีเหมือนคนอื่นไม่ได้
ผมเกิดในครอบครัวชาวสวน บ้านอยู่หลังเขาในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ต้องช่วยพ่อกับแม่ทำงานตั้งแต่จำความได้ กลับจากโรงเรียน อะไรที่ช่วยเหลือพ่อแม่ได้ก็ทำเต็มที่ ผลการเรียนระดับชั้นประถมศึกษา เกรดเฉลี่ยออกมาไม่ดี แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะเรียนต่อไม่ได้ เพราะมั่นใจว่า เราไม่ได้โง่ เพียงแต่ต้นทุนเรามีน้อยจึงไม่มีเวลาพอที่จะได้ทบทวนบทเรียน
พอได้มีโอกาสบรรพชาเป็นสามเณร ภาคฤดูร้อน ตอนนั้นตัดสินใจอยากบวช เพราะอยากช่วยเหลือแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของพ่อกับแม่ จึงเรียนต่อทางธรรมจนจบนักธรรมศึกษาชั้นเอก และเรียน กศน.ทางโลกคู่ขนานไปจนจบมัธยมตอนต้น ก่อนลาสิกขาบท เดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร
ตอนเข้าเมืองหลวงก็มาอาศัยวัดและเป็นลูกจ้างทำงานทุกหน้าที่ในร้านอาหาร ขณะที่เรียนต่อ กศน. จนจบมัธยมศึกษาตอนปลาย สอบเข้าศึกษาจบปริญญาตรีที่ ราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ปัจจุบัน คือ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ได้ในที่สุด
อิศรากรณ์ เผยถึงปฐมบทจากการที่เริ่มศรัทธาหลวงปู่โต ว่า ตอนเรียนจบใหม่ๆ ได้มีโอกาสไปกราบนมัสการรูปหล่อสมเด็จโต ที่วัดระฆัง อธิษฐานขอพรให้ผู้ใหญ่รักเมตตา และขอให้ได้งานทำ ซึ่งปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นจริง เพราะวันรุ่งขึ้นมีบริษัทเรียกตัวไปงานทำจริงๆ หลังจากนั้นก็ย้อนไปทำบุญที่วัดและอธิษฐานขอว่า ถ้ามีบุญวาสนา ขอสิ่งที่ไม่ใหญ่เกินกรรม ลูกอยากได้เหรียญสมเด็จโต รุ่น 100 ปี เนื้อทองคำ มาบูชา
แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดอีกครั้ง ในวันที่ผมประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีกิจการเป็นของตัวเอง บังเอิญก็มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเข้ามาพูดคุยถึงปาฏิหาริย์สมเด็จโตวัดระฆัง อย่างถูกคอ คุยไปคุยมาท่านบอกว่า ท่านมีเหรียญอนุสรณ์ครบรอบ 100 ปี พิมพ์เล็ก อยู่ 1 เหรียญ ผมจึงไม่ลังเลที่จะขอดูพระและตัดสินใจขอเช่าบูชา อาราธนาติดกายมาจนถึงทุกวันนี้
“เรื่องวิชาดูดวิชา พระดูดพระ ก็เป็นเรื่องจริงที่พิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ แต่ก็เกิดกับตัวเองอยู่บ่อยๆ ตั้งแต่ได้เหรียญเนื้อทองคำ รุ่น 100 ปี มาบูชา หลังจากนั้น จู่ๆ ก็มีผู้นำวัตถุมงคลสายวัดระฆัง รุ่นที่หาดู หาชมได้ยาก มาแบ่งให้ผมได้ครอบครองด้วยความบังเอิญอยู่เสมอ ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองมากมายหลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องงาน เรื่องผู้ใหญ่ให้ความเมตตา
บางครั้งติดปัญหาที่คิดว่าใหญ่ พออธิษฐานบอกหลวงปู่ก็กลายเป็นเรื่องเส้นผมบังภูเขา เมื่อระลึกถึงท่าน สติมา ปัญญาเกิด มีทางออกที่ดีเสมอ ส่วนเรื่องโชคลาภก็มีเข้ามาเนืองๆ เพราะชอบช่วยผู้ยากไร้ตามท้องถนนที่ขายสลากกินแบ่งรัฐบาล เคยรับทรัพย์ก้อนใหญ่ที่สุดจากการถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัว ในครั้งนั้น รวมกัน 120 ใบ”
ปัจจุบันแม้ว่า อิศรากรณ์ จะเดินตามความฝันด้วยการลงมือทำอย่างตั้งใจ จนตัวเองมีกิจการผลิตสื่อการเรียนการสอนระดับแนวหน้าของประเทศแล้ว ทว่าเจ้าตัวก็มิอาจลืมความยากลำบากที่ตนเองเผชิญมาตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย จึงทำให้มักแสวงหาโอกาสพาครอบครัวไปทำบุญ บริจาคสิ่งของ แชร์ความสุขให้ผู้ด้อยโอกาสเพื่อสะสมแต้มบุญอยู่เสมอ
โดยเฉพาะถิ่นกำเนิดที่ให้ความรู้ด้านการศึกษา ได้เดินทางย้อนกลับไปทำงานรับใช้มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยาอยู่บ่อยครั้ง จนได้รับคัดเลือก เป็นศิษย์เก่าดีเด่น คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ ได้รับการคัดเลือกเป็นศิษย์เก่าดีเด่น ด้านสร้างคุณโยชน์ต่อสังคมและสถาบัน และได้รับความไว้วางใจจากผู้บริหารเสนอชื่อ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัย 3 สมัยต่อเนื่อง
ส่วนงานในด้านสังคมนั้น ได้รับคัดเลือกเป็นผู้ทำคุณประโยชน์ต่อเด็กและเยาวชน ดีเด่น สาขา พัฒนาเยาวชน บำเพ็ญประโยชน์ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเยาวชน เนื่องในวันเยาวชนแห่งชาติ ประจำปี 2560 ส่วนผลงานการผลิตสื่อการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาการเด็กปฐมวัย ชุดแรกผลิต ตีพิมพ์ออกมา เป็นที่ยอมรับของสถานศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน จนได้รางวัลผู้ผลิตสื่อที่มีคุณภาพ มาตรฐาน ดีเด่น สาขาการศึกษา จากสมาพันธ์เครือข่ายอาเซียน ประเทศไทย ประจำปี 2020
อิศรากรณ์ กล่าวถึงงานถนัดของตัวเอง ว่า “เด็กคือรากฐานของการพัฒนาประเทศ การทำงานของผมเริ่มจากการหาอาจารย์ที่มีความรู้เฉพาะทางด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย เพื่อผลิตสื่อเสริมประสบการณ์การเรียนรู้ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของสถานศึกษา ที่จะเพิ่มศักยภาพพัฒนาการให้แก่เด็กอย่างเป็นองค์รวมและนำไปเป็นทักษะในการใช้ชีวิตได้จริงในท่ามกลางยุคแห่งความเปลี่ยนแปลง”
อิศรากรณ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ทุกๆ ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ล้วนมีที่มาที่ไป ทุกคนมีสิทธิ์ฝันแต่หากมัวแต่ฝันไม่ลงมือทำมันไม่มีทางสำเร็จ ขอยืนยันสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง มีแน่ แต่ต้องใช้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ใช้เตือนสติให้ยึดมั่นทำความดี ของวิเศษจึงจะช่วยให้สัมฤทธิ์ผล ผมไม่เคยลืมว่าชีวิตมาจากจุดไหน จากเด็กวัดในวันนั้น ทุกวันนี้ได้ดีก็เพราะวัด จึงถือโอกาสนี้บอกบุญทอดกฐินสามัคคี ในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2564 ณ วัดวังรีบุญเลิศ ต.ดุสิต อ.ถ้ำพรรณรา จ.นครศรีธรรมราช บ้านเกิด อยากเชิญชวนพุทธศาสนิกชนไปร่วมทำบุญกัน เพื่อสืบสานต่อยอดพระพุทธศาสนาให้อยู่คู่สังคมไทยสืบไป