xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 4-10 เม.ย.2564

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



1.โควิดรอบใหม่ลามทุกวงการ “บิ๊กตู่” ยังไม่ล็อกดาวน์ ชี้ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ยันจะแก้ให้ได้ แม้ตายก็ยอม!

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สัปดาห์ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งขึ้นทุกวันตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ โดยขึ้นหลักหลายร้อยต่อวัน กระทั่งล่าสุด ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันที่ 10 เม.ย. อยู่ที่ 789 คน

ทั้งนี้ คลัสเตอร์ใหม่ที่ทำให้โควิด-19 ระบาดรอบนี้ มาจากสถานบันเทิงย่านทองหล่อ กระทั่งลามสู่อีกหลายสถานบันเทิง เนื่องจากทั้งผู้ใช้บริการและพนักงานที่ทำงานสถานบันเทิงต่างเข้าออกสถานบันเทิงหลายแห่ง ทำให้เชื้อแพร่กระจายไปอีกหลายสิบจังหวัดอย่างรวดเร็ว ประกอบกับการระบาดรอบนี้ แพทย์ยืนยันแล้วว่า เป็นสายพันธุ์อังกฤษ ที่สามารถระบาดและแพร่เชื้อได้ง่ายกว่าปกติ 1.7 เท่า

สำหรับผู้ที่ติดเชื้อโควิดรอบนี้ ได้ลามสู่ทุกวงการ ทั้งนักการเมือง ทูต บุคคลในแวดวงบันเทิง นักกีฬา นักกีฬา ตำรวจ ทหาร ลิเก แพทย์ ข้าราชการ อัยการ เจ้าหน้าที่ศาลยุติธรรม ไม่เว้นแม้กระทั่งนักข่าว ฯลฯ ได้แก่ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และตำรวจติดตาม, นายกิตติชัย เรืองสวัสดิ์ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย, ทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย,แสตมป์ อภิวัชร์, ดีเจเพชรจ้า, เวย์ ไทเทเนี่ยม,นิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย, พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ฯลฯ

เป็นที่น่าสังเกตว่า มีข่าวแพร่สะพัดว่า มีรัฐมนตรีเดินทางเข้าผับย่านทองหล่อด้วย ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิดรอบใหม่ ซึ่งรัฐมนตรีที่ถูกพาดพิงต่างออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้เดินทางไปผับย่านทองหล่อ เช่น นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ขณะที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้ออกมาปฏิเสธเช่นกันว่าไม่ได้เดินทางไปผับย่านทองหล่อ แม้ภายหลังนายศักดิ์สยามจะตรวจพบว่า ติดโควิดก็ตาม

เป็นที่น่าสังเกตด้วยว่า นายศักดิ์สยามติดเชื้อโควิด แม้จะเคยฉีดวัคซีนเข็มแรกไปแล้ว แต่เนื่องจากยังไม่ได้ฉีดเข็มที่สอง โดยครบกำหนดจะฉีดเข็มที่สองในวันที่ 7 เม.ย. แต่นายศักดิ์สยามเกิดติดเชื้อโควิดก่อน ซึ่งมีข้อมูลทางการแพทย์ว่า การได้รับวัคซีนแค่เข็มแรก ร่างกายจะยังไม่สร้างภูมิต้านทานที่สมบูรณ์ ต้องผ่านการฉีดครบสองเข็มก่อน ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ซึ่งฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ไม่ติดเชื้อโควิดแต่อย่างใด แม้จะร่วมงานวันเกิดพรรคภูมิใจไทยและนั่งใกล้นายศักดิ์สยาม โดยปรากฏภาพว่า บางขณะนายอนุทินไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัยก็ตาม

ด้าน ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การระบาดของโควิด-19 รอบนี้ ส่วนใหญ่เกิดในผู้มีอายุน้อย มีอาการป่วยน้อยหรือไม่มีอาการ ทำให้ยากจะรู้ว่าใครป่วยหรือไม่ป่วย และรอบนี้เรียกว่า การระบาดซ้อนระบาด สาเหตุระบาดในสถานบันเทิงจำนวนมาก หรือซูเปอร์สเปรดเดอร์ระยะหลังพบว่า อยู่ในสถานที่ปิด โรคจะแพร่ได้แม้กระทั่งทางอากาศหรือการหายใจ

ศ.นพ.ยง กล่าวดวยว่า “สายพันธุ์อังกฤษที่เรากลัวคือ แพร่กระจายเร็ว คงไม่แปลกว่า ทำไมสถานบันเทิงมีการแพร่มากกว่าปีที่แล้ว เราคาดว่าระบาดปีนี้มากกว่าปีที่แล้ว 10 เท่า ขณะเดียวกัน มาตรการของเรา หากเทียบกับปีที่แล้ว เรามีล็อกดาวน์ เคอร์ฟิว ห้ามขายแอลกอฮอล์ ปิดโรงเรียน ปิดสถานประกอบการ เลื่อนสงกรานต์ ดังนั้นมาตรการปีที่แล้วกับปีนี้ห่างกัน 10 เท่าเช่นกัน เชื้อแพร่เร็วมากกว่าเดิม 10 เท่า มาตรการลดหย่อน 10 เท่า ดังนั้นเชื้อจึงจะแพร่กระจายเป็น 100 เท่า และเมื่อเจอสายพันธุ์อังกฤษแพร่กระจายได้ง่าย 1.7 เท่า ก็จะเป็น 170 เท่า ยิ่งทวีคูณเข้าไปใหญ่”

ล่าสุด 10 เม.ย. กระทรวงสาธารณสุขได้เผยแพร่ข้อมูลว่า ลักษณะอาการที่พบในผู้ป่วยโควิดรอบใหม่นี้ จะมีอาการตาแดง ไม่มีไข้ มีน้ำมูก มีผื่นขึ้น หากผู้ใดมีอาการดังกล่าว ให้รีบพบแพทย์ทันที

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวระหว่างไลฟ์สดผ่านเพจเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 7 เม.ย.ว่า ขณะนี้รัฐบาลห่วงใยการแพร่ระบาดของโควิด-19 และจำเป็นต้องหามาตรการที่เหมาะสม ต้องบริหารหลายเรื่อง ทั้งโควิด เศรษฐกิจ การบริหารความรู้สึกประชาชน ตนไม่สบายใจหลายเรื่อง แต่อย่าท้อแท้ ต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และต้องเร่งฉีดวัคซีนให้มากขึ้น

พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันด้วยว่า ทุกอย่างขณะนี้เรายังรับได้อยู่ ได้สั่งการให้ กทม.ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยเตรียมพื้นที่ทำโรงพยาบาลสนามให้พร้อม กรณีแพร่ระบาดมาก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หากไม่เพียงพอ ให้กระทรวงกลาโหมจัดหาพื้นที่เพิ่ม

ส่วนกรณีที่แพทย์กังวลว่าโควิด-19 สายพันธุ์อังกฤษ ที่สร้างคลัสเตอร์ทองหล่อมีความรุนแรง และอาจจะทำให้เกิดการระบาดได้มากถึง 100 เท่านั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าอะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด เพราะเป็นเรื่องของคนจำนวนมาก ซึ่งต้องหาทางแก้ไข และเป็นช่วงของการกลับภูมิลำเนา แต่ละจังหวัดก็มีมาตรการคัดกรอง กักตัว ซึ่งรัฐบาลพยายามดำเนินการ เพราะหากรัฐบาลจะปิดทั้งหมด แล้วให้อยู่บ้านก็ทำได้ แต่ถามว่าจะเอาหรือไม่ละ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า หากตนจะสั่งล็อกดาวน์เป็นเรื่องง่าย แต่อาจจะส่งผลกระทบต่ออีกส่วนหนึ่ง ซึ่งตนจะแก้ไขปัญหาให้ได้ แม้จะตายก็ยอม พร้อมขอให้ประชาชนรักทหารและตำรวจ ไม่อย่างนั้นก็ไม่เหลืออะไร ส่วนอะไรที่ทำไม่ดี ก็ให้บอก เพราะรัฐบาลพร้อมที่จะปรับปรุงเสมอ

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก วันนี้ (10 เม.ย.) ว่า วัคซีนซิโนแวค (sinovac) จำนวน 1 ล้านโดส มาถึงประเทศไทยแล้ว เมื่อเช้าวันนี้ (10 เม.ย.) โดยจะรีบกระจายไปให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด

2.ศบค.เคาะแล้ว ปิดสถานบันเทิง 41 จังหวัด 14 วัน สกัดโควิด ไฟเขียวเอกชนจัดหาวัคซีน 10 ล้านโดส รอเคาะรูปแบบ!


เมื่อวันที่ 9 เม.ย. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กเห็นชอบให้ออกข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 โดยมีรายละเอียดให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาสั่งปิดสถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ สถานประกอบกิจการอาบน้ำ อาบอบนวด ในเขตพื้นที่จังหวัดที่ตรวจพบการระบาดและมีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคและการติดเชื้อที่จำเป็นรวม 41 จังหวัด เป็นการชั่วคราวอย่างน้อย 14 วัน ตั้งแต่หลังเที่ยงคืนของวันที่ 9 เม.ย.ถึงวันที่ 23 เม.ย.64

สำหรับ 41 จังหวัดดังกล่าว ได้แก่ กรุงเทพฯ, ปทุมธานี, นนทบุรี, นครปฐม, สมุทรปราการ, สมุทรสงคราม, สมุทรสาคร, พระนครศรีอยุธยา, สระบุรี, ลพบุรี, นครนายก, ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี, ปราจีนบุรี, ฉะเชิงเทรา, สระแก้ว, สุพรรณบุรี, กาญจนบุรี, ราชบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, เพชรบุรี, ระนอง, ชุมพร, นครศรีธรรมราช, ภูเก็ต, สุราษฎร์ธานี, สงขลา, ยะลา, นราธิวาส, นครราชสีมา, ขอนแก่น, ชัยภูมิ, อุดรธานี, บุรีรัมย์, เลย, เชียงใหม่, ลําปาง, เชียงราย, ตาก, เพชรบูรณ์

ส่วนสถานบริการที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดอื่น ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจในการดำเนินการตามกฎหมาย พิจารณาสั่งปิดสถานที่นั้นเป็นการชั่วคราวได้ ถ้ามีการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ส่วนการพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรกร ซึ่งแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกัน ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัด เสนอต่อ ศบค.ชุดเล็กพิจารณาผ่อนคลายมาตรการได้ รวมถึงให้มีมาตรการป้องกันโรคและจัดระเบียบให้อำนาจเจ้าหน้าที่ ฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง เพิ่มความเข้มงวดเข้าตรวจสถานที่ กิจการ หรือกิจกรรมนั้นๆ ให้เป็นไปตามเงื่อนไข เงื่อนเวลา

ส่วนกรณีที่มีการนำเสนอข่าวโรงพยาบาลเอกชนงดตรวจเชื้อโควิด-19 เนื่องจากน้ำยาในการตรวจหมดนั้น นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ที่เป็นปัญหาคือ มีข้อกำหนดจากกระทรวงสาธารณสุขว่า หากตรวจพบว่าติดเชื้อจะต้องให้ผู้ป่วยแอดมิดเข้ารับการรักษาทันที ทำให้ขณะนี้โรงพยาบาลเอกชนต่างๆ มีเตียงไม่เพียงพอกับผู้ป่วย จึงต้องงดบริการตรวจหาเชื้อไปก่อน นายกฯ จึงสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกรุงเทพฯ ไปหาแนวทางแก้ไข โดยโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร สามารถขยายศักยภาพรับผู้ป่วยได้อีก 5,000 กว่าเตียง รวมทั้งเพิ่มทางเลือกรักษาตัวในโรงแรม และการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม เพื่อรองรับผู้ป่วยที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น โดยจะหามาตรการผ่อนคลายให้กับโรงพยาบาลเอกชนในการส่งต่อผู้ป่วยติดเชื้อไปยังโรงพยาบาลอื่นที่ยังสามารถรับผู้ป่วยได้ และในกรณีผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ หรืออาการไม่มาก อาจพิจารณาในการพักรักษาตัวที่อื่นโดยไม่ต้องนอนโรงพยาบาล

ส่วนการบริหารจัดการวัคซีนให้ประชาชนนั้น นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ขณะนี้ภาครัฐจัดหาได้ประมาณ 75 ล้านโดส สามารถฉีดให้แก่ประชากร 35 ล้านคน แต่กระทรวงสาธารณสุขประเมินว่า หากจะให้ประชาชนเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ จะต้องฉีดวัคซีนในประชาชนไม่ต่ำกว่า 40 ล้านคน ดังนั้นจึงยังขาดวัคซีนอีก 10 ล้านโดส เพื่อฉีดให้กับประชาชนอีก 5 ล้านคน ซึ่งโรงพยาบาลเอกชนเสนอตัวนำเข้าวัคซีน เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ประชาชน แต่ที่ผ่านมามีข้อติดขัด คือบริษัทผู้ผลิตในต่างประเทศต้องการหนังสือรับรองจากภาครัฐ จึงขอให้หน่วยงานของภาครัฐออกหนังสือรับรองให้ หรือให้องค์การเภสัชกรรมสั่งซื้อเข้ามา แล้วให้โรงพยาบาลเอกชนแบ่งซื้อไปฉีดให้ประชาชนอีกต่อ

ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นด้วยกับทุกข้อเสนอ จึงแต่งตั้งให้ ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็นประธานคณะทำงานจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม โดยมีองค์การเภสัชกรรม สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สถาบันวัคซีนแห่งชาติ และสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ร่วมกันหาแนวทางและเสนอให้นายกรัฐมนตรีรับทราบภายใน 1 เดือน เพื่อเร่งจัดหาวัคซีนทางเลือกให้เร็วที่สุด

“นายกฯ ยังเป็นห่วงเรื่องการฉีดวัคซีน จึงขอให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดฉีดให้เร็วขึ้น ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขสามารถฉีดให้ประชาชนได้วันละประมาณ 10,000 คน โดยที่จังหวัดภูเก็ตสามารถเร่งฉีดให้ประชาชนได้ถึงวันละ 14,000 คน โดยหลังจากนี้จะพิจารณาเรื่องการฉีดวัคซีนให้สามารถเปลี่ยนแปลงและสอดคล้องกับสถานการณ์ของแต่ละพื้นที่ รวมทั้งจะมีการกระจายวัคซีนให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลเอกชนเพิ่มเติม เนื่องจากมีผู้ป่วยโควิด-19 เข้ารักษาในโรงพยาบาลเอกชนค่อนข้างมาก”

3. “อานนท์-เพนกวิน-รุ้ง-ไมค์-แอมมี่” นอนคุกต่อ หลังวืดประกัน ด้าน "หมอลำแบงค์" ได้ประกัน ส่วน “ไผ่ ดาวดิน-สมยศ” ชวดประกัน!



เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ศาลอาญาได้นัดตรวจพยานหลักฐาน เพื่อกำหนดวันนัดสืบพยาน คดีที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้องนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน กับพวกรวม 22 คน แกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎร เป็นจำเลย ในข้อหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112, ยุยงปลุกปั่นฯ มาตรา 116 และข้อหาอื่นๆ จากกรณีร่วมกันชุมนุม 19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร เมื่อวันที่ 19-20 ก.ย. 2563 ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์-สนามหลวง

โดยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัวจำเลย ซึ่งถูกคุมขังไม่ได้รับการประกันตัวมาศาล ส่วนจำเลยที่ได้รับการประกันตัวเดินทางมาศาลครบ

สำหรับบรรยากาศการพิจารณาคดีในช่วงเช้า ศาลได้จัดมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 ที่เริ่มระบาดระลอกใหม่อีกครั้ง โดยให้พนักงานอัยการโจทก์ จำเลย และทนายความเข้าร่วมการพิจารณาคดีที่ห้อง 704 ส่วนญาติ คนใกล้ชิดที่เดินทางมาให้กำลังใจจำเลย และสื่อมวลชน ให้รับชมการพิจารณาคดีผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ในห้องเวรชี้ 2 อย่างไรก็ตาม กลุ่มมารดาของจำเลยที่ถูกคุมขังที่เดินทางมาไม่เข้าไปภายในห้องเวรชี้ เนื่องจากต้องการเข้าห้องพิจารณาหลัก อยากจะพบปะพูดคุยกับจำเลย แต่ไม่ได้รับอนุญาต จึงเฝ้าอยู่บริเวณหน้าห้องพิจารณาคดีแทน

ขณะที่ในการเบิกตัวจำเลยเข้ามาในห้องพิจารณา นายพริษฐ์ ที่อดอาหารประท้วงมา 24 วัน ยังคงนั่งรถเข็นพร้อมสายน้ำเกลือและทีมแพทย์คอยดูแลเข้ามาเหมือนเดิม ส่วน น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง ที่เพิ่งเริ่มอดอาหารประท้วงยังเดินได้ปกติ สำหรับ นายอานนท์ นำภา เมื่อเข้ามาในห้องพิจารณา ปรากฏว่า บุตรสาวของนายอานนท์ อายุประมาณ 4-5 ขวบ ได้เข้าไปสวมกอดและนั่งเล่นโดยตลอด ด้านนายพริษฐ์ยังมีแรงพูดคุยกับนายอานนท์และ น.ส.ปนัสยา

หลังการพิจารณาตลอดทั้งช่วงเช้าและบ่ายแล้ว ศาลได้นัดสืบพยานนัดแรกวันที่ 19 พ.ค.นี้ เวลา 09.00 น. โดยโจทก์นำพยานเข้าสืบ 77 ปาก ใช้เวลา 24 นัด จำเลยนำพยานเข้าสืบ 40 ปาก ใช้เวลา 21 นัด

ต่อมา ช่วงเย็น นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือไบรท์ แกนนำราษฎรนนทบุรี เผยถึงบรรยากาศพิจารณาคดี โดยอ้างว่า เวลาเพื่อนเราถูกเบิกตัวมาที่ศาล เราไม่สามารถพูดคุยอะไรกับเพื่อนได้ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทำเกินกว่าเหตุ ทางทนายและเพื่อนเราทุกคนปรึกษาหารือกัน เห็นควรแล้วว่า กระบวนการไม่มีความยุติธรรม ขอถอนทนายทุกคน

ด้านนายอดิศักดิ์ สมบัติคำ หนึ่งในจำเลย เผยว่า มีความวุ่นวายในช่วงเวลา 15.00 น. เนื่องจากเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์มาเยอะ ยืนบังจำเลย เราสะกิดให้เขาถอย เขาบอกว่าเราไปตบ มีความวุ่นวายเกิดขึ้นหน้าบัลลังก์ ขอดูว่ามีการละเมิดอำนาจศาลหรือเปล่า จากนั้นตนไปแถลงที่หน้าบัลลังก์ศาล องค์คณะจะไปดูกล้องวงจรปิดอีกครั้ง ถ้ามีมูลจะตั้งสำนวนมา ถ้าไม่มีมูล ตนขอให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คนนั้นมาแถลงขอโทษต่อศาล ให้ศาลตักเตือน เพราะเสียเวลาในการพิจารณาคดีให้เกิดความเที่ยงธรรม และว่า การพิจารณาคดีมีอุปสรรคทุกขั้นตอน เพื่อนผู้ต้องขัง ทนาย พ่อแม่ลูกเมียจะเข้าไปปรึกษาก็ไม่ได้ อ้างเรื่องโควิด

ส่วนนางสุรีรัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของนายพริษฐ์ หรือเพนกวิน เผยว่า เราอยากเข้าไปเจอลูก แต่เจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้า จึงไปอยู่หน้าห้อง 704 และมีตำรวจจาก จ.ขอนแก่น มาแจ้งเพิ่มคดีตาม ป.อาญา มาตรา 116 ให้เพนกวินกับไผ่ ตอนระหว่างการนำตัวเพนกวินออกมา ตนจับตัวเพนกวินได้นิดหนึ่ง รู้สึกว่ามือเย็นถึงแขน เรามองหน้าเห็นตาดำๆ ไม่สดชื่น อาการหนักลง นางสุรีรัตน์ยังอ้างด้วยว่า ในห้องพิจารณาเหมือนมีปัญหา ไม่ได้รับความยุติธรรม เพนกวินบอกเพื่อนว่า ถ้าพรุ่งนี้ (9 เม.ย.) ยื่นประกันแล้วไม่ได้ออก จะลาเพื่อน ลาครอบครัว ไม่เจอกันอีก อีกทั้งเพนกวินน้ำหนักลดลงมาก รูปหน้าเปลี่ยน ตนก็ร้องไห้ รับไม่ได้

ทั้งนี้ วันต่อมา (9 เม.ย.) ญาติได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวนายพริษฐ์ หรือเพนกวิน จำเลยที่ 1, นายอานนท์ นำภา จำเลยที่ 2, น.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง จำเลยที่ 5, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ จำเลยที่ 6 และนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธ์ หรือแอมมี่ จำเลยที่ 17 รวม 5 คน

อย่างไรก็ตาม ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้ศาลอาญาและศาลอุทธรณ์เคยมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้ง 5 คนมาแล้วโดยอธิบายเหตุผลไว้อย่างชัดเจน ในชั้นนี้ จึงไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ให้ยกคำร้อง

สำหรับแกนนำม็อบคณะราษฎรทั้ง 5 คน ถูกคุมขังมาแล้ว 1 เดือน หลังไม่ได้รับการประกันตัวตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และทัณฑสถานหญิงกลาง

4. “จตุพร” ยุติชุมนุมหนีโควิด เผยหากโควิดแรงหลังสงกรานต์ ขอพูดผ่านโซเชียลแทน!



สถานการณ์การชุมนุมเมื่อวันที่ 4 เม.ย. ที่สวนสันติพร ที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ปลุกให้คนทุกกลุ่มไปร่วม เพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยอ้างว่า พล.อ.ประยุทธ์ คือตัวปัญหา โดยใช้ชื่องานว่า “ไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย”

ซึ่งนายจตุพรได้ขึ้นเวทีกล่าวว่า ไม่ได้มาเล่นๆ ยืนยันว่า ไม่ทรยศการต่อสู้ของประชาชน รู้ว่าจะรบกับประยุทธ์ตอนไหน จากนี้จะจัดชุมนุมต่อเนื่อง ขอให้รวมเป็นหนึ่งเดียวไล่ พล.อ.ประยุทธ์ออกไป รู้ว่าศึกนี้ใหญ่และยาก แต่ถ้าไม่ทำ ภารกิจนี้จะตกถึงลูกหลาน ไม่จบสิ้น โดยนายจตุพรได้นัดหมายชุมนุมอีกในวันที่ 5 เม.ย. เว้นวันที่ 6 เม.ย. ก่อนที่ผู้ชุมนุมจะลุกขึ้นยืน ประกาศสัญญาใจว่า จะสู้จนกว่าจะได้รับชัยชนะ และแผ่นดินนี้ไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ จากนั้นจึงยุติการชุมนุม

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 เม.ย. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) และโฆษก บช.น.กล่าวถึงการชุมนุมที่สวนสันติพรว่า เป็นกลุ่มของนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และนายจตุพร พรหมพันธุ์ เริ่มชุมนุมตั้งแต่วันที่ 4-5 เม.ย. และหยุดพักไปเมื่อวันที่ 6 เม.ย. บช.น.ขอแจ้งว่า การชุมนุมนั้นผิดกฎหมาย โดยในวันที่ 4 เม.ย.พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ได้รับแจ้งร้องทุกข์ดำเนินคดีนายอดุลย์กับพวกรวม 28 คน โดยจะออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกให้มาพบวันที่ 15 เม.ย. จำนวน 14 คน และที่เหลือให้มาพบในวันที่ 16 เม.ย. ส่วนการชุมนุมในวันที่ 5 เม.ย. พนักงานสอบสวนรับแจ้งร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกลุ่มผู้กระทำผิดรวม 12 คน

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวด้วยว่า ผู้ที่ประกาศเชิญชวน ไม่ว่าจะเป็นทางโซเชียลหรือวิธีใดๆ ผู้ร่วมชุมนุมและผู้ปราศรัย ตลอดจนผู้ให้การสนับสนุน ไม่ว่ารถสุขา เครื่องเสียง ถือว่าเป็นผู้ร่วมกระทำผิด จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย

สำหรับการชุมนุมที่สวนสันติพรเมื่อวันที่ 7 เม.ย. นายจตุพร ได้กล่าวกับผู้ร่วมชุมนุมว่า ความจริงตั้งใจจะจัดกิจกรรมชุมนุมวันที่ 8 เม.ย.อีก 1 วัน หลังจากนั้นจะกลับมาชุมนุมช่วงหลังสงกรานต์ แต่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะนี้ จึงต้องแสดงวุฒิภาวะที่เหนือกว่ารัฐมนตรีไทย อยากบอกว่า โควิด-19 ไม่เคยมีประวัติการระบาดจากการชุมนุม สถานการณ์การเมืองถัดจากนี้ ได้อธิบายกับบรรดาหมู่มิตร ไม่ประสงค์เอาคนมามาก การเรียกคนมาชุมนุมหลายแสน หลายหมื่น ไม่ได้ยากในการระดม แต่ที่ปล่อยให้เป็นธรรมชาติ เพราะต้องการใช้ที่นี้ในการสื่อความให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการถือครองอำนาจ มากว่า 7 ปี ไม่สามารถทนเห็นให้เป็นนายกฯ ต่อไปอีก

นายจตุพร กล่าวอีกว่า “ถามว่า หลังจากนี้ จะเริ่มกันอย่างไร หากสถานการณ์โควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย หลังสงกรานต์ก็จะพูดผ่านโซเชียลมีเดีย วันนี้เราจำเป็นต้องยุติ จะกลับมาหลังสงกรานต์ เป็นวันไหน เราแถลงให้ทราบต่อไป เราต้องสร้างความชอบธรรม ถ้าฝืนกระแสสังคม จะกลายเป็นไม่ชอบธรรม เราจึงต้องแสดงความชอบธรรม คนไม่ชอบธรรมคือ พล.อ.ประยุทธ์ วันไหนพร้อมทั้งแผ่นดิน วันนั้นประยุทธ์เจอของจริงแน่นอน”

5. พบหลักฐานมัด “วุฒิชัย” โพสต์เอง ชวนคนรุมข่มขืนลูกสาวนายกฯ ด้านศาลให้ประกันตัว 2.5 แสน!



จากกรณีที่มีผู้ใช้ทวิตเตอร์ jojoshamlet ทวีตข้อความในเชิงอาฆาตมาดร้าย ข่มขู่บุตรสาว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่า “น้องๆ ก็จำไว้ลูก เจอลูกสาวประยุทธ์ที่ไหน อย่าลืมรุมข่มขืนด้วยเธอ” ซึ่งมีการแชร์ทวีตดังกล่าวออกไปจำนวนมากทั้งในทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊ก กระทั่งมีการสืบสวนพบว่า ผู้ใช้ทวิตเตอร์ดังกล่าว คือ นายวุฒิชัย สฤษฎ์เลิศวรสิน หรือโจโจ้ อายุ 35 ปี

ซึ่งต่อมา นายอภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะทนายความประจำสำนักกฎหมาย อ.อัมพร ณ ตะกั่วทุ่ง และเพื่อน ได้รับมอบอำนาจจาก น.ส.นิฎฐา และ น.ส.ธัญญา จันทร์โอชา บุตรสาวฝาแฝดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อบุคคลที่เผยแพร่ข้อความให้ร้าย คุกคาม ที่ สน.นางเลิ้ง เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 64

ต่อมา พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกให้นายวุฒิชัย มาพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 29 มี.ค.64 แต่ปรากฏว่า นายวุฒิชัยได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง เมื่อวันที่ 24 มี.ค. โดยอ้างว่าถูกแฮกข้อมูลทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก และยินดีที่จะให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบโทรศัพท์มือถือที่ติดตัวมาด้วยในวันนั้น พนักงานสอบสวนจึงนำส่งตัวไปที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับ อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.)

ปรากฏว่า เมื่อไปถึง นายวุฒิชัยยินยอมให้ตรวจเบื้องต้น แต่ไม่ยอมให้ตรวจข้อมูลเชิงลึกในโทรศัพท์มือถือ พนักงานสอบสวนจึงนำตัวกลับ แต่พอมาถึงหน้า สน.นางเลิ้ง นายวุฒิชัยได้วิ่งไปขึ้นรถที่ตัวเองนำมาจอดไว้ แล้วขับหลบหนีไป

ต่อมา วันที่ 25 มี.ค. พนักงานสอบสวนได้ขอหมายค้นจากศาลสมุทรปราการ เพื่อเข้าค้นบ้านนายวุฒิชัย ที่ตั้งอยู่ใน อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เพื่อตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่างๆ เพื่อตรวจสอบ ซึ่งศาลอนุมัติหมายค้น พนักงานสอบสวนจึงได้นำหมายเข้าตรวจค้นที่บ้านนายวุฒิชัย ปรากฏว่า พบนายวุฒิชัย และสามารถตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ โน้ตบุ๊ก และเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ จึงนำมาส่งตรวจที่ บก.ปอท.ดังกล่าว

ล่าสุด เมื่อวันที่ 5 เม.ย. มีรายงานความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนของ บก.ปอท. แจ้งว่า จากการตรวจสอบอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือของนายวุฒิชัย ผู้ต้องหาตามหมายเรียกในคดีดังกล่าว พบหลักฐานการเชื่อมโยงกับบัญชีในทวิตเตอร์ ซึ่งเป็นชื่อของนายวุฒิชัยปรากฏอยู่ และใช้ในการโพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์ตามที่เป็นข่าว จากพยานหลักฐานทั้งหมดเชื่อได้ว่า นายวุฒิชัยเป็นผู้กระทำความผิดในการโพสต์ข้อความประกาศในทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก ให้คนมาทำร้ายบุตรสาวนายกฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวนายวุฒิชัยส่งฟ้องต่อศาลเมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา ก่อนที่ศาลจะอนุญาตให้ประกันตัวนายวุฒิชัยด้วยวงเงิน 2.5 แสนบาท ในวันเดียวกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น