กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เผยความคืบหน้าล่าสุดของลิงแสม “ก็อดซิลล่า” อ้วนพลี ซึ่งถูกยึดมาดูแล และเกิดดรามาในโซเชียลฯตามมาเรื่องลิงมีความผูกพันกับผู้เลี้ยง วอนให้ปล่อยลิงกลับไปอยู่กับเจ้าของ ล่าสุด ลิงมีความผ่อนคลายมากขึ้น และเริ่มไว้ใจเจ้าหน้าที่สัตวบาลสาว ยอมให้เจาะเลือดและจับมือแล้ว
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ในนามชุด “เหยี่ยวดง” ได้เข้าตรวจยึดลูกลิงแสมที่เจ้าของตลาดย่านมีนบุรี กรุงเทพฯ ได้เลี้ยงดูไว้จนมีร่างกายอ้วนพลี เพื่อนำไปดูแลที่ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 2 (กระบกคู่) ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบข้อกฎหมายที่ต้องปฏิบัติอย่างเข้มงวด และเนื่องจากลิงแสม เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่คนไม่สามารถนำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงได้ จนเกิดกระแสดรามาในโลกออนไลน์ ทั้งส่วนที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วยในการแยกลิงออกจากผู้เลี้ยงที่อาจทำให้ลิงตรอมใจตาย เนื่องจากลิงแสมตัวดังกล่าวมีความผูกพันกับผู้เลี้ยงมานาน
เมื่อวันที่ 5 เม.ย.เพจ “กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช” ได้โพสต์ความคืบหน้า โดยระบุว่า ลิงแสม “ก็อดซิลล่า” ที่อยู่ในวัยเจริญพันธ์ุเริ่มไว้ใจ สัตวบาลสาวสวยที่ดูแล พร้อมให้ความร่วมในการตรวจสุขภาพ และตื่นเต้นกับเมนูมื้ออาหารสุขภาพที่จัดให้ในแต่ละวัน โดยเผยว่า น.ส.มัชฌมณ แก้วพฤหัสชัย นายสัตวแพทย์ชำนาญการ ทำหน้าที่หัวหน้าศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 2 (กระบกคู่) เผยว่า หัวหน้าสัตวแพทย์จากศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 2 (กระบกคู่) สัตวแพทย์และสัตวบาล จากกลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เข้าดำเนินการติดตามดูแลลิงแสม “ก็อดซิลล่า” เพศผู้ น้ำหนักเกินมาตรฐานกรณีแก้ไขปัญหาสัตว์ป่า
โดยอาการทั่วไปของลิงแสม “ก็อดซิลล่า” สดชื่น แสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติของลิง กินน้ำ และอาหาร คือ กล้วย ผักกาดขาว แตงกวา แครอท เมล็ดทานตะวัน ถั่วลิสงต้ม เม็ดฝักบัว ผักชีลาว และเสริมโปรตีนจากแมลง โดยลิงยังอยู่ในช่วงของการกักโรค ปรับโภชนาการและปรับพฤติกรรม ซึ่งลิงพักอยู่ภายในกรงพักสัตว์ป่าชั่วคราวภายในคลินิกสัตว์ป่า ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 2 (กระบกคู่) เป็นห้องขนาด กว้าง 1.5 เมตร ยาว 2.2 เมตร สูง 2.4 เมตร
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการจับลิงย้ายห้อง เพื่อทำความสะอาดห้องเดิม และนำตุ๊กตา ผ้าห่มที่อาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค ออกไปทำความสะอาด และเหลือไว้เพียงอย่างละ 1 ชิ้น เพื่อให้การดูแลจัดการทำความสะอาดเป็นไปได้ง่ายและไม่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค และขณะย้ายห้อง ลิงค่อนข้างผ่อนคลาย และไว้เจ้าทีมดูแลโดยเฉพาะสัตวบาลสาวสวยที่ให้อาหารและเข้าใจเรื่องจิตวิทยาสัตว์ ลิงจึงยอมให้จับมือและสามารถทำการเก็บตัวอย่างเลือดเพื่อตรวจสุขภาพทั่วไปและตรวจโรคที่สำคัญในลิง โดยส่งไปตรวจยังสถาบัน หน่วยงานที่มีมาตรฐาน
สืบเนื่องจาก อาการของนักข่าว ที่โดนลิงกัดนั้น อาการยังไม่ดีขึ้น และผลตรวจเลือดผู้ที่ถูกกัดในห้องปฏิบัติการจากจุฬาฯ ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นไวรัสชนิดใด แต่ที่ทราบแน่ชัด มีเชื้อแบคทีเรีย 2 ชนิด และอยู่ในระหว่างรอผลการตรวจน้ำลายและอุจจาระจากลิง ลิงจึงต้องอยู่ในระยะกักโรค งดเข้าเยี่ยมชั่วคราว จนกว่าผลการตรวจร่างกาบจะออกมา ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว เป็นไปตามขั้นตอน กระบวนการทางการแพทย์ ที่ต้องถือปฏิบัติ และเป็นขั้นตอนตามนโยบายของกรม ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยต่อผู้ใกล้ชิดทุกคน และเพื่อลิงด้วย
คลิกโพสต์ต้นฉบับ