บริษัท เมืองไทยประกันภัย และโรงพยาบาลแพทย์รังสิต ประกาศไล่พนักงานโพสต์ข้อความไม่เหมาะสมบนโลกโซเชียลฯ เกี่ยวกับกรณีอาคารถล่มออกแล้ว ระบุเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม กระทบต่อจิตใจของครอบครัวผู้เสียชีวิตและผิดจริยธรรมองค์กร
จากกรณีที่เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านหรู ภายในหมู่บ้านกฤษดานคร 31 ซอยบรมราชชนนี 105 ถนนบรมราชชนนี ย่านพุทธมณฑล สาย 3 แขวงและเขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ ของนายอดิสรณ์ โสภา นักธุรกิจ โดยระหว่างที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงระดมฉีดน้ำ บ้านหลังดังกล่าวได้พังถล่มลงมาทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 5 ราย ประกอบด้วย นายธนภพ ประไพ อายุ 44 ปี นายสมัชญา นิลธง อายุ 48 ปี นายอรรถพล ถ้วมทอง อายุ 26 ปี นายสุทัศน์ เปลี่ยนกลัด อายุ 38 ปี เจ้าหน้าที่อาสาสมัครดับเพลิง และผู้อยู่อาศัย 1 ราย ได้แก่ นายเกียรติ แพนเตอร์สัน หรือทอมมี่ อายุ 35 ปี เลขานุการเจ้าของบ้าน โดยเจ้าของบ้านรายนี้ เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่รักและเทิดทูนสถาบัน และประกาศตัวอย่างแน่ชัดว่าไม่ต้อนรับผู้ที่คิดไม่ดีต่อสถาบัน อย่างไรก็ตาม ภายหลังเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ กลับพบว่า มีกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยที่มีความคิดอคติกับสถาบันและเจ้าของบ้านรายนี้ ต่างเข้าไปแสดงความคิดเห็นเยาะเย้ยสะใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามเพจต่างๆ เป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 4 เม.ย. เพจ “เมืองไทยประกันภัย” ได้ออกประกาศไล่พนักงานรายหนึ่งออกเนื่องจากไปแสดงความคิดเห็นที่ไม่เหมาะสม ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ผิดระเบียบ จรรยาบรรณทางธุรกิจ ขัดต่อนโยบายของทางบริษัทฯ ทำให้ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์และกระทบต่อความรู้สึกของครอบครัวผู้เสียชีวิต
นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน “โรงพยาบาลแพทย์รังสิต” ได้ออกประกาศในทำนองเดียวกัน คือ ไล่พนักงานที่โพสต์ข้อความไม่เหมาะสมบนสื่อโซเชียลออกทันที โดยได้ระบุข้อความว่า
“ประกาศ กรณีพนักงานแสดงความคิดเห็นที่ไม่เหมาะสม กลุ่มโรงพยาบาลแพทย์รังสิต ขอเรียนชี้แจงกรณีพนักงานบริษัทฯ ได้โพสต์ข้อความไม่เหมาะสมบนสื่อโซเชียล แม้เป็นการแสดงความเห็นส่วนตัว แต่เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมและขัดต่อค่านิยมของบริษัท
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ต้องขออภัยกับเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น เนื่องจากเป็นการส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของคนในสังคมที่กำลังร่วมแสดงความเสียใจแก่ครอบครัวผู้สูญเสียของอาสาสมัครกู้ภัย และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยเช่นกัน
สำหรับการกระทำของพนักงาน บริษัทฯ ได้ดำเนินการตามระเบียบข้อบังคับของบริษัทฯ โดยให้พนักงานผู้นั้น พ้นสภาพความเป็นพนักงานของบริษัทฯ ทันที”