xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 21-27 มี.ค.2564

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



1.ศาลฎีกาสั่ง “ปารีณา” หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. หลังรับคำร้อง ป.ป.ช. ปมรุกป่าฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง!

เมื่อวันที่ 25 มี.ค. ศาลฎีกาได้นัดฟังคำสั่งคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กรณีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนใน จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวม

ทั้งนี้ น.ส.ปารีณา ผู้คัดค้าน ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติมก่อนมีคำสั่ง และขอให้เลื่อนการมีคำสั่งกรณีนี้ออกไป ด้านศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในชั้นนี้เป็นการพิจารณาว่า จะรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่ ไม่มีเหตุต้องไต่สวนข้อเท็จจริงและเลื่อนฟังคำสั่งตามคำร้องของผู้ร้องคัดค้าน

ส่วนที่ น.ส.ปารีณา ยื่นคำร้องลงวันที่ 24 มี.ค.2564 โต้แย้งว่า ป.ป.ช.ไต่สวนโดยไม่ชอบ ยืนยันว่าการกระทำของตนไม่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดย น.ส.ปารีณาส่งมอบที่ดินคืนให้แก่สำนักงานปฏิรูปที่ดิน น.ส.ปารีณาจึงมิได้เป็นผู้กระทำความผิดนั้น ศาลเห็นว่า กรณีดังกล่าวเป็นปัญหาที่ต้องว่ากันในชั้นพิจารณา ซึ่งศาลนัดพิจารณาครั้งแรกหรือไต่สวนพยานผู้ร้องในวันที่ 30 เม.ย.2564 เวลา 09.30 น.

ส่วนที่ น.ส.ปารีณาขอให้ศาลไม่สั่งให้ตนหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. หากรับคำร้องคดีนี้ไว้พิจารณา โดยให้เหตุผลว่า ตนไม่สามารถให้คุณหรือโทษแก่บุคคลใด และไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงหรือดำเนินการใดๆ เพื่อให้ข้อเท็จจริงคดีนี้เปลี่ยนแปลงไป ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำร้องของ น.ส.ปรารีณายังไม่มีเหตุเพียงพอให้ศาลมีคำสั่งเป็นอย่างอื่นหรือมีคำสั่งให้ น.ส.ปารีณาปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จึงให้ยกคำร้อง เนื่องจากศาลฎีกามีคำสั่งรับคำร้องคดีนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัยแล้ว และมิได้มีคำสั่งเป็นอย่างอื่น น.ส.ปารีณา จึงต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ตามที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 235 วรรคสาม บัญญัติไว้ โดยศาลให้ น.ส.ปารีณา ยื่นคำคัดค้านภายใน 14 วัน

ด้าน น.ส.ปารีณา กล่าวหลังศาลมีคำสั่งว่า ขอน้อมรับคำสั่งศาล พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและมั่นใจในระบบยุติธรรม

ทั้งนี้ วันเดียวกัน น.ส.ปารีณา ได้โพสต์ภาพผ่านเฟซบุ๊ก โดยเป็นภาพตนเองนั่งก้มหน้า และไม่มีแคปชั่นหรือคำบรรยายใดๆ ซึ่งมีผู้ติดตามในเฟซเข้ามาแสดงความเห็นให้กำลังใจ น.ส.ปารีณา จำนวนมาก บางคนนอกจากให้กำลังใจ ยังขอให้ น.ส.ปารีณา ชนะคดี กลับมาเป็น ส.ส.คนเก่งของประชาชนต่อไป

ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้ถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กรณี น.ส.ปารีณา ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเพียงว่า “ทราบแล้ว”

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีเดียวกันว่า เป็นเรื่องของศาล ไม่ก้าวล่วง ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ให้กำลังใจ น.ส.ปารีณา หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่เป็นไรหรอก เขากำลังใจดีอยู่แล้ว

ขณะที่นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรค พปชร.กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับ น.ส.ปารีณา

เป็นที่น่าสังเกตว่า การถือครองที่ดินของรัฐในรูปแบบ ภ.บ.ท.5 และ ส.ป.ก. นอกจาก น.ส.ปารีณาแล้ว นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นคำร้องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ ส.ส.อีกหลายพรรค รวมจำนวน 19 คน ซึ่งต้องลุ้นว่า ส.ส.19 คนดังกล่าวจะซ้ำรอย น.ส.ปารีณาหรือไม่

2.ศาลสั่งจำคุก “เพนกวิน” 1 เดือน ฐานละเมิดอำนาจศาล ก่อนลดโทษให้เหลือกักขัง 15 วัน!


เมื่อวันที่ 22 มี.ค. ศาลอาญาได้อ่านคำสั่งไต่สวนนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ที่ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการประจำศาลอาญา กล่าวหานายพริษฐ์ จำเลยคดีมาตรา 112 และความผิดฐานชุมนุมโดยฝ่าฝืนกฎหมาย เป็นผู้ถูกกล่าวหาคดีละเมิดอำนาจศาล

จากกรณีเมื่อวันที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา ที่ศาลอาญาได้นัดตรวจพยานหลักฐานคดีชุมนุมที่ท้องสนามหลวงวันที่ 19-20 ก.ย. 2563 และอัยการขอให้รวมสำนวนคดี ปรากฏว่า มีรายงานว่า นายพริษฐ์ปฏิบัติตัวไม่เรียบร้อย โต้ตอบผู้พิพากษาในขณะปฏิบัติหน้าที่ ขออ่านแถลงการณ์ แม้ถูกคัดค้านก็ไม่ยอมฟัง ยังยืนยันอ่านแถลงการณ์โดยลุกขึ้นยืนบนเก้าอี้ จนเกิดเหตุการณ์วุ่นวาย มีคนขว้างขวดนำลงพื้น โดยศาลได้อ่านข้อกล่าวหาของ ผอ.ศาล ให้นายพริษฐ์ฟังจนเป็นที่เข้าใจ ประกอบกับมีหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์วันเกิดเหตุในห้องพิจารณาคดี และได้สอบถามนายพริษฐ์จะให้การว่าอย่างไร ซึ่งนายพริษฐ์ได้ขอเวลาระบายความอึดอัดใจไปพร้อมกับการแถลง โดยศาลอนุญาตให้นายพริษฐ์แถลงได้ภายในเวลา 5 นาที

มีรายงานว่า นายพริษฐ์เดินทางมาศาลด้วยการนั่งรถเข็นวีลแชร์ โดยมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เบิกตัวมาศาล และมีพยาบาลจาก รพ.ราชทัณฑ์ 2 คนมาคอยดูแลอาการจากการที่ประท้วงอดข้าวมาหลายวัน แม้ก่อนหน้านี้จะโลกโซเชียลจะเผยแพร่ใบเสร็จที่นายพริษฐ์ซื้ออาหาร-ขนม-นม-น้ำอัดลม ฯลฯ จากร้านค้าของเรือนจำครั้งละหลายร้อยบาทหลังประกาศอดข้าวก็ตาม

เมื่อศาลไต่สวนโดยให้นายพริษฐ์แถลงคำให้การ ปรากฏว่า นายพริษฐ์แถลงไปนอกประเด็น ศาลจึงได้ปราม และขอให้นายพริษฐ์แถลงให้ตรงประเด็นการไต่สวนในคดีละเมิดอำนาจศาล ถ้าแถลงไม่ตรงประเด็น ศาลจะสั่งงดไต่สวน แต่นายพริษฐ์อ้างว่าเกี่ยวข้องกับคดีนี้ พร้อมแถลงต่อไปว่า ตนเองถูกปฏิเสธสิทธิในการประกันตัว ทั้งที่ยังไม่ถูกตัดสินคดีใดๆ โดยศาลให้เหตุผลว่า กลัวกลับไปกระทำผิดซ้ำ ทั้งที่ยังไม่มีการตัดสินว่าการกระทำของตนเองเป็นความผิดแต่อย่างใด ทั้งยังบอกว่าตนเองไม่ควรได้สิทธิประกันตัว เพราะไปเหยียบย่ำหัวใจคนไทย เท่ากับว่าศาลได้ตัดสินให้มีความผิดแล้ว จึงเป็นการขัด รธน. ผู้ที่ยังไม่ถูกพิพากษาถือเป็นผู้บริสุทธิ์ ต้องไม่ถูกปฏิบัติแบบนักโทษ...

จากนั้นศาลได้สอบถามนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความว่าอยู่ในห้องพิจารณาวันเกิดเหตุด้วยหรือไม่ โดยนายกฤษฎางค์ตอบว่า วันนั้นมีจำเลยที่ได้รับความเดือดร้อนหลายคนแย่งกันพูดหลายรอบหลายหน ในส่วนของนายพริษฐ์ไม่ได้เกลียดชังศาล แต่ต้องการอธิบายเหตุผลและความอึดอัดใจที่ไม่ได้รับประกันตัว

หลังจากนั้นศาลได้เปิดภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกภาพในห้องพิจารณาคดีขณะเกิดเหตุ ภายหลังเปิดภาพกล้องวงจรปิดได้ราว 5 นาที ทนายความได้ไปปรึกษาคดีกับนายพริษฐ์ จากนั้นทนายความได้แถลงต่อศาลว่า นายพริษฐ์ยอมรับว่ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง แต่เกิดจากสิ่งอัดอั้นที่อยู่ในใจเรื่องไม่ได้รับการประกันตัว

จากนั้นศาลได้อ่านคำสั่ง พิเคราะห์พยานหลักฐานประกอบสำนวนการไต่สวนแล้วเห็นว่า นายพริษฐ์ ผู้ถูกกล่าวหาได้พูดตอบโต้กับผู้พิพากษาในระหว่างพิจารณา และขออ่านคำแถลงการณ์ที่เตรียมมา ผู้พิพากษาจึงได้อธิบายสิทธิของจำเลยและการประพฤติตนในห้องพิจารณาคดีให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ แต่ผู้ถูกกล่าวหายังคงยืนยันที่จะอ่านคำแถลงการณ์ที่เตรียมมา ผู้พิพากษาจึงไม่อนุญาตและออกข้อกำหนดเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในห้องพิจารณา และสั่งให้ตำรวจศาลนำตัวผู้ถูกกล่าวหาออกไปจากห้องพิจารณา แต่มีเหตุการณ์ไม่เรียบร้อยเกิดขึ้น ผู้พิพากษาจึงพักการพิจารณาชั่วคราว

ระหว่างนั้นผู้ถูกกล่าวหาได้ยืนขึ้นอ่านคำแถลงการณ์ และเกิดเหตุการณ์วุ่นวายในห้องพิจารณาตามคำกล่าวหา การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาจึงเป็นการขัดขืน ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของศาล และประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31(1) ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 และ มาตรา 180 จึงมีคำสั่งให้ลงโทษจำคุกผู้ถูกกล่าวหามีกำหนด 1 เดือน

ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 15 วัน เมื่อพิจารณาถึงอายุ การศึกษาอบรม สภาพความผิด และความรู้สำนึกในการกระทำความผิดของผู้ถูกกล่าวหาแล้ว ประกอบกับโทษจำคุกที่จะลงแก่ผู้ถูกกล่าวหามีกำหนดไม่เกิน 3 เดือน และไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรให้ลงโทษกักขังแทนโทษจำคุกมีกำหนด 15 วัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23

ด้านนายกฤษฎางค์ ทนายความ ให้สัมภาษณ์ถึงการบังคับใช้โทษกักขัง 15 วัน คดีละเมิดอำนาจศาลของนายพริษฐ์ว่า การกักขังและการจำคุกแตกต่างกันที่โทษกักขังไม่ใช่โทษจำคุก อาจจะกักขังที่บ้านหรือสถานที่ที่ไม่ใช่เรือนจำก็ได้ ในกรณีที่ไม่ได้อยู่ในเรือนจำ แต่กรณีนี้อยู่ในเรือนจำ ก็คือกักขังที่เรือนจำ โดยไม่นับเป็นโทษจำคุก โดยมีรายงานว่า นายพริษฐ์ถูกนำตัวไปกักขังที่สถานกักขังกลาง จ.ปทุมธานี

วันต่อมา (23 มี.ค.) ทนายความได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์จำนวน 20,000 บาท ขอประกันตัวนายพริษฐ์ คดีละเมิดอำนาจศาล แต่ศาลมีคำสั่งยกคำร้อง เนื่องจากเห็นว่านายพริษฐ์ ผู้ถูกกล่าวหาถูกควบคุมตัวในคดีอื่นอยู่แล้วรวม 2 คดี การปล่อยชั่วคราวในคดีนี้ไม่เป็นเหตุให้ได้รับการปล่อยชั่วคราวในคดีอื่น อีกทั้งผู้ประกันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับผู้ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด จึงยกคำร้อง

วันต่อมา (24 มี.ค.) นางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของนายพริษฐ์ ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 20,000 บาท ขอปล่อยตัวชั่วคราวนายพริษฐ์ อย่างไรก็ตาม ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ศาลอาญาเคยมีคำสั่งไม่อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวมาแล้ว ยังไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ให้ยกคำร้อง

3. โปรดเกล้าฯ 4 รมต.ใหม่ “ชัยวุฒิ” รมว.ดีอีเอส “ตรีนุช” รมว.ศึกษาฯ ด้าน “วิษณุ” ปรามอย่าเพิ่งยี้ “ตรีนุช”!



ความคืบหน้าการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังจากรัฐมนตรีบางคน ซึ่งเคยเป็นแกนนำ กปปส.ถูกศาลพิพากษาจำคุกคดีชุมนุมขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แม้จะยังไม่มีการติดคุกจริง และอยู่ระหว่างสู้คดี แต่การถูกศาลพิพากษาจำคุกส่งผลให้ขาดคุณสมบัติในการเป็นรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงมีการปรับ ครม.และทูลเกล้าฯ รายชื่อขึ้นไปแล้วนั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี และแต่งตั้งรัฐมนตรีใหม่ ประกอบด้วย 1.นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม 2.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่ากากระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 3.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก ทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ

สมควรแต่งตั้งรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่างและปรับปรุงรัฐมนตรีบางตำแหน่ง เพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ดังต่อไปนี้ ให้นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี และให้แต่งตั้งนายวีรศักดิ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) นายสินิตย์ เลิศไกร เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การนำคนจบเศรษฐศาสตร์มาบริหารกระทรวงศึกษาธิการ เหมาะสมหรือไม่ว่า อย่าไปพูดอย่างนั้นเลย รัฐมนตรีไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิค จึงต้องขอยกพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อครั้งนายจาตุรนต์ ฉายแสง เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โยกมาจากกระทรวงพลังงาน ในหลวงรัชกาลที่ 9 มีพระราชกระแสในวันดังกล่าวว่า รัฐมนตรีนั้นไม่ใช่ผู้ปฏิบัติการ แต่เป็นผู้กำหนดนโยบาย เป็นผู้บริหาร เพราะฉะนั้นจะจบอะไรมา ถือเป็นนักบริหาร ถ้าเป็นนักบริหาร ต้องบริหารได้ คือ บริหารคน บริหารเงิน บริหารงาน เขาไม่ได้ตั้งใจว่า หมอเท่านั้นที่ต้องเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ครูเท่านั้นต้องเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หรือทหารเท่านั้นต้องเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

ถ้าไปดูในอดีต รัฐมนตรีหลายกระทรวงที่อาจจะยี้เมื่อตอนเข้ามา แต่ต่อมากลายเป็นรัฐมนตรีที่ดีมาก หรือดีที่สุด เช่น พล.ต.อ.ประเสริฐ รุจิรวงศ์ อธิบดีกรมตำรวจในขณะนั้น และมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ใครๆ ก็แหย่เรียกหมอเสริฐทำนองว่ายี้ แต่ต่อมา พล.ต.อ.ประเสริฐเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ทำความเจริญให้กับกระทรวงมากที่สุด จนเป็นที่ร่ำลือถึงปัจจุบัน ดังนั้นอย่าไปสนใจเรื่องเช่นนี้

4. สธ.เผยผลสอบเบื้องต้นยัน “ชายเสียชีวิต” ไม่เกี่ยววัคซีนโควิด เกิดจากเส้นเลือดแดงโป่งพองแตก!



เมื่อวันที่ 25 มี.ค. นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการให้วัคซีนป้องกันโควิด-19 กล่าวถึงกรณีพบผลข้างเคียงรุนแรงหลังมีผู้ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 จำนวน 2 รายว่า รายแรก มีอาการแพ้วัคซีนในลักษณะลมพิษขึ้น ส่วนอีก 1 รายที่กำลังนำเข้าพิจารณาในคณะกรรมการพิจารณาอาการข้างเคียงหลังรับวัคซีน คือกรณีมีผู้ป่วยเส้นเลือดในท้องโป่งพอง แตก และเสียชีวิตหลังรับวัคซีน แต่คาดว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับวัคซีน เนื่องจากผู้ป่วยรายนี้ป่วยโรคเส้นเลือดโป่งพองในท้อง อยู่ระหว่างรับการรักษาอยู่แล้ว

ทั้งนี้ วันต่อมา (26 มี.ค.) ได้มีการแถลงข่าวชี้แจงการเสียชีวิตของผู้ป่วยดังกล่าวที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) โดย นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้เชี่ยวชาญในคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ กล่าวว่า ข้อมูลจากคณะกรรมการสอบสวนและแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ ได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า การเสียชีวิตไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด ผู้เสียชีวิตเป็นชาย อายุ 41 ปี มีโรคประจำตัวคือ หลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง เข้ารับการผ่าตัดในโรงพยาบาลเมื่อปลายเดือน ม.ค. และพักรักษาตัวต่อเป็นเวลา 40 วัน จากนั้นกลับบ้านพักฟื้นต่อประมาณ 7 วัน อาการปกติดี เนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยง จึงเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เมื่อวันที่ 3 มี.ค.2564

หลังรับการฉีดวัคซีนได้รายงานอาการผ่านไลน์ “หมอพร้อม” ว่า อาการปกติ แต่ในวันที่ 7 หลังการฉีด เจ้าหน้าที่ไม่สามารถติดต่อได้ จากนั้นวันที่ 8-9 ผู้ป่วยมีอาการแน่นหน้าอก วิงเวียนศีรษะ เป็นลม จึงเข้าโรงพยาบาล และมีอาการทรุดลงจนเสียชีวิตในวันที่ 13 มี.ค. แพทย์ระบุการเสียชีวิตว่า หลอดเลือดแดงโป่งพองและมีอาการแตกหรือรั่ว

นพ.ทวี กล่าวอีกว่า โรคนี้เหมือนระเบิดเวลาที่ฝังอยู่ในร่างกายคนเรา ผู้ป่วยรายนี้ทราบอยู่แล้วว่าเป็นโรคหลอดเลือดโป่งพอง หลังฉีดวัคซีนวันที่ 7 มีอาการจุกที่ลิ้นปี่ เหนื่อย แสดงว่าเส้นเลือดอาจจะแตกหรือรั่วซึม คณะกรรมการสอบสวนกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นว่า การเสียชีวิตไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับวัคซีน ทั้งนี้ คณะกรรมการพิจารณาอาการข้างเคียงหลังรับวัคซีน จะลงมติยืนยันเรื่องนี้อย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า

ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน ประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต กรณีที่เกิดขึ้นถือว่าระบบการติดตามหลังการฉีดวัคซีน ตรวจจับเหตุการณ์นี้ได้ ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรง เพราะมีการเสียชีวิต ในฐานะแพทย์ค่อนข้างมั่นใจว่าเกิดจากเส้นเลือดในช่องท้องแตก แต่รอฟังผู้เชี่ยวชาญสรุปอีกครั้ง

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันเช่นกันว่า สาเหตุการเสียชีวิตของผู้ป่วยดังกล่าวไม่ได้มาจากวัคซีน 100% คงมีปัญหาเรื่องเส้นเลือด อาจเป็นจังหวะพอดีกัน ได้หารือกับแพทย์อาวุโสด้านต่างๆ ทุกคนบอกว่าไม่ได้มีสาเหตุจากวัคซีน ขออย่าตื่นตกใจ ผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนทุกชนิดเกิดขึ้นได้ มากบ้างน้อยบ้างเป็นเรื่องปกติ

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณี น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีผลข้างเคียง นายอนุทินกล่าวว่า ได้สอบถามอาการตั้งแต่วันแรกแล้ว รัฐมนตรีทุกคนมีอดนอน พักผ่อนน้อยเข้ามาเกี่ยว มีหลายปัจจัย น.ส.มนัญญาไม่ใช่ว่าอายุน้อย เป็นสาวน้อยวัยใกล้เกษียณ ย่อมมีผลข้างเคียงได้ มีไข้ไปโรงพยาบาล 2 วันก็หาย ไม่ได้รุนแรง

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า นายกฯ ก็บอกว่าฉีดแล้วอารมณ์ดี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ก็ฉีดแล้ว อย่างตนวันที่ฉีดเข็มที่ 2 ความดันขึ้นทั้งที่เตรียมตัวมาอย่างดี กังวลลึกๆ ว่าวูบตอนนี้จะทำอย่างไร นักข่าวมาทำข่าวกันมาก เมื่อยิ่งกลัวยิ่งเครียด ถึงขั้นจับชีพจรรู้สึกว่าเต้นเร็ว แต่สุดท้ายไม่เป็นอะไร ขึ้นอยู่กับสุขภาพจิตใจด้วย

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เผยความรู้สึกหลังฉีดวัคซีน และมีข่าวผู้รับวัคซีนมีผลข้างเคียง โดยกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า ก็ยังยืนอยู่นี่ไง ยังไม่ตายหรอก ไม่เป็นอะไรเหมือนเดิมทุกอย่าง ไม่มีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว ส่วนน้ำมูกก็ไหลประจำอยู่แล้ว ตนได้รับวัคซีนของแอสตราเซนเนกา พร้อมถามย้อนผู้สื่อข่าวว่า ฉีดแล้วหรือยัง ผู้สื่อข่าวตอบว่า อยากฉีดเหมือนกัน เพราะถ้าไม่ฉีด เวลาเข้าใกล้ พล.อ.ประวิตร แล้วจะเสี่ยง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดน้อยลง กระทรวงสาธารณสุขดูแลดี

5. “เสก โลโซ” รอดนอนคุก ศาลให้ประกัน เตรียมฎีกาคดีอีกครั้ง รีบเดินทางเล่นคอนเสิร์ตลำพูน-เชียงใหม่!



เมื่อวันที่ 25 มี.ค. ศาลอาญามีนบุรี อ่านคำสั่งคำร้องขออนุญาตฎีกาคดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 12 (มีนบุรี) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเสกสรรค์ ศุขพิมาย หรือเสก โลโซ ร็อกเกอร์ชื่อดัง อายุ 47 ปี เป็นจำเลย ในความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่ เสพยาเสพติด และมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน พ.ศ.2490

สืบเนื่องจากเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. วันที่ 31 ธ.ค. 2560 จำเลยได้มีอาวุธปืนพกออโตเมติก ขนาด 9 ม.ม.จำนวน 1 กระบอก และกระสุนปืนออโตเมติก 6 นัด และเสพเมทเอมเฟตามีน กับเสพเมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เข้าสู่ร่างกาย จำนวนและน้ำหนักเท่าใดไม่ปรากฏชัด นอกจากนี้จำเลยยังต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานด้วย เหตุเกิดที่บ้านศุขพิมาย แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม.

คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2561 ว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดทั้ง 3 ข้อหา ให้จำคุกตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ 1 ปี จำเลยรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 6 เดือน, ฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ โดยขู่เข็ญว่าจะประทุษร้าย โดยมีอาวุธปืน จำคุก 1 ปี 6 เดือน และฐานเสพยาเสพติด จำคุกอีก 6 เดือน รวมจำคุกทุกข้อหา 1 ปี 18 เดือน และให้บวกโทษของศาลอาญาคดีทำร้ายร่างกายสาวคนสนิทภรรยาอีก 1 ปี 3 เดือน รวมจำคุกจำเลยทั้งสิ้น 2 ปี 21 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ

เเม้จำเลยอ้างว่า ป่วยเป็นโรคไบโพลาร์ขณะกระทำผิด แต่ศาลเห็นว่า พฤติการณ์การสื่อสารกับเจ้าหน้าที่พบว่า จำเลยรู้ผิดชอบดี จึงไม่อาจอ้างภาวะป่วยดังกล่าวได้ และการกระทำของจำเลยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ซึ่งศาลเคยให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดีในการรอลงอาญาคดีอื่นไว้แล้ว แต่จำเลยยังมากระทำผิดซ้ำในช่วงเวลารอลงอาญาอีก จึงไม่สมควรให้รอลงอาญา และให้นับโทษจำเลยต่อจากคดี พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชด้วย ซึ่งจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์

ต่อมาวันที่ 7 พ.ค.2563 ศาลอุทธรณ์พิพากษแก้เป็นว่า ฐานมีอาวุธปืน ซึ่งเป็นของผู้อื่นที่ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมาย และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 6 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน เมื่อรวมกับโทษฐานอื่นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นจำคุก 1 ปี 15 เดือน บวกโทษจำคุก 1 ปี 3 เดือนที่รอการลงโทษไว้ในคดีอื่น เป็นจำคุก 2 ปี 18 เดือน ยกคำขอโจทก์ที่ให้นับโทษต่อจากโทษของจำเลยในคดีของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช นอกจากที่แก้ ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

หลังจากนั้นจำเลยได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา โดยศาลฎีกาตีราคาประกัน 600,000 บาท ซึ่งจำเลยได้ยื่นคำร้องฎีกา คัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ในปัญหาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง

เมื่อถึงกำหนดนัดฟังคำสั่ง (25 มี.ค.) เสก โลโซ ได้เดินทางมาศาลพร้อมนางวิภากร หรือกานต์ ภรรยา และทนายความ ต่อมา ศาลได้อ่านคำสั่งศาลชั้นต้นเกี่ยวกับคำร้องขออนุญาตฎีกา ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำร้องขออนุญาตฎีกาของจำเลยนั้น ทั้งผู้พิพากษาศาลชั้นต้นและผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์เห็นว่า เป็นปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น เห็นควรไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นฎีกาเฉพาะข้อหามีอาวุธปืนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยใช้อาวุธปืน คดีในส่วนนี้จึงถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

ส่วนข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษมาตรา 18 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เฉพาะความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเป็นที่สุด แต่คู่ความอาจยื่นคำขอ โดยทำเป็นคำร้องไปพร้อมกับฎีกาต่อศาลฎีกาเพื่อพิจารณา และมีคำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ฎีกาต่อไปได้

ขณะที่ทนายความของเสก โลโซ กล่าวว่า จะใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตฎีกานี้ ซึ่งการอุทธรณ์คำสั่งนั้น ต้องให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา โดยชั้นนี้ หากยื่นประกันตัว ก็สามารถทำได้ ส่วนศาลจะให้หรือไม่เป็นดุลพินิจ

ซึ่งต่อมา เสก โลโซ ได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ยื่นฎีกาดังกล่าว พร้อมยื่นหลักทรัพย์ 600,000 บาท ขอปล่อยตัวชั่วคราว ด้านศาลพิเคราะห์แล้ว อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวเสก โลโซ โดยตีราคาประกัน 600,000 บาท

หลังได้รับอนุญาตให้ประกันตัว เสก โลโซ ได้เดินขึ้นรถตู้สีดำที่รออยู่ โดยระหว่างเดิน เสก โลโซ มีสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมชูนิ้วแสดงท่าทางไอเลิฟยูให้กับผู้สื่อข่าว

ต่อมาช่วงเย็นวันเดียวกัน นางวิภากร ภรรยาเสก โลโซ ได้แถลงข่าวที่บ้านพัก โดยยืนยันว่า ทุกวันนี้เสกเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว ไม่ได้เละเทะเหมือนเมื่อก่อน งานการรับผิดชอบทุกอย่าง ไม่มีเบี้ยว ตอนนี้เขารู้ตัวแล้วว่าต้องทำยังไง ขอบคุณศาลที่เมตตาให้ประกันตัว เพื่อสู้คดีต่อไป "ตอนนี้พี่เสกเดินทางไป จ.ลำพูน และ จ.เชียงใหม่ ทันที เพื่อเล่นคอนเสิร์ต ...ขอให้ทุกคนแฟนคลับพี่เสก ให้โอกาสเขาอีกครั้ง ลูกค้าไม่ต้องห่วงไม่ต้องกังวล สามารถจ้างเล่นคอนเสิร์ตต่อไปได้”


กำลังโหลดความคิดเห็น