ย้อนคดีฆ่ายกครัว 8 ศพ ผู้ใหญ่บ้านใน อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ หลักฐานมัด “หวังฆ่ายกครัวโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” จากการจัดฉากผู้ใหญ่วรยุทธ เหตุศาลฎีกาพิพากษาประหารชีวิต “บังฟัต”
รายงานพิเศษ
“ผมจะเอาโทษประหาร”
นั่นเป็นคำประกาศกร้าวของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ขณะนั้น ระหว่างการแถลงจับกุมตัว นายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์สกุล หรือ “บังฟัต” ในคดีการฆ่า นายวรยุทธ สังหลัง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ พร้อมครอบครัวรวม 8 ศพ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2560 หลังเกิดเหตุ 6 วัน
ในการแถลงวันนั้น มีสิ่งบ่งชี้หลายประการที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ เน้นย้ำ และบ่งบอกว่าตำรวจสามารถตั้งข้อหาหนักที่สุดที่จะส่งผลไปถึงโทษประหารชีวิต คือ “การฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน”
“ผู้ก่อเหตุ ตั้งใจจะทำแบบนี้มาแล้ว 3 ครั้ง”
“น่าเชื่อว่าประสงค์ต่อชีวิต และจัดฉากให้ดูเหมือน ผู้ใหญ่วรยุทธ มีปัญหาเศรษฐกิจ จนคลุ้มคลั่งฆ่าครอบครัว ก่อนยิงตัวเองตาย”
“ในแนวทางการสืบสวน “บังฟัต” เป็นคนลั่นไกคนเดียวที่ฆ่าทุกคน”
ข้อความ 3 ประโยคของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชี้ให้เห็นว่า การสังหาร “ผู้ใหญ่วรยุทธ” และครอบครัว เมื่อวันที่ 10 กรกฎคม 2560 เกิดจากการวางแผนอย่างแยบยลของ “บังฟัต”
โดยเฉพาะความพยายามที่จะจัดฉากให้ผู้ใหญ่วรยุทธ ถูกมองว่าเป็นผู้ลงมือสังหารคนในครอบครัวของเขาเอง ก่อนจะยิงตัวตาย ด้วยการใช้โทรศัพท์ของผู้ใหญ่วรยุทธ โทรออกไปหาคนใกล้ชิด เพื่อแสดงว่ามีปัญหาเดือดร้อนทางการเงิน
ยังมีการโอนรถโตโยต้า ยาริส ของผู้ใหญ่วรยุทธออกไปก่อน และนำของกลางชิ้นนี้ไปเผาทิ้งในสวนยางพาราที่ อ.เมือง จ.พังงา
รวมทั้งการที่ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ได้พยายามทำเช่นนี้มาแล้วเป็นครั้งที่ 3 โดยครั้งแรกเกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2559
การพยายามจัดฉากว่า ผู้ใหญ่วรยุทธ เป็นคนฆ่าทั้งครอบครัว จึงเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่บ่งชี้เจตนาของ “บังฟัต” ได้ว่า เขาตั้งใจที่จะ “ฆ่ายกครัว” มาตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผน
“โทษประหารชีวิต” จึงเป็นสิ่งที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในเวลานั้น มั่นใจ
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2560 มีรายงานว่า เกิดเหตุการณ์ฆ่ายกครัวในบ้านของนายวรยุทธ สังหลัง ผู้ใหญ่บ้านใน อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ มีผู้เสียชีวิต 8 ราย จากการถูกยิงที่ศรีษะรวมทั้งเด็กและผู้หญิง
กลายเป็นคดีสะเทือนขวัญไปทั่วประเทศ จนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องระดมทีมสืบสวนสอบสวนมือดีจากส่วนกลางลงมาทำงานหาข่าวในพื้นที่อย่างเร่งด่วน โดยมีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นหัวหน้าทีมด้วยตัวเอง
ท่ามกลางความสนใจจากประชาชนที่ทั่วประเทศที่ติดตามคดีนี้ผ่านสื่อสารมวลชนอย่างใกล้ชิด ทีมสืบสวนของตำรวจใช้เวลาไม่ถึง 5 วัน ก็สามารถจับกุมตัวกลุ่มคนร้ายได้ครบทุกคนในวันที่ 15 กรกฎาคม 2560
โดยติดตามพบรถยนต์ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ 2 คัน ที่ อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช ไปพบรถของผู้เสียชีวิตและจุดฝังเพื่ออำพรางของกลางหลายชิ้นที่ อ.เมือง จ.พังงา
พบกลุ่มคนร้ายเป็นผู้ถถูกจ้างมาร่วมขบวนการมาจากหลายจังหวัดใกล้เคียง พบข้อมูลว่าคนเหล่านี้ถูกจ้างมาเพียงคนละ 1,000 บาท เป็นเกษตรกร ทำงานก่อสร้าง เป็นอดีต รปภ. ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐและไม่ใช่อดีตเจ้าหน้าที่รัฐ
อาวุธที่ใช้ส่วนหนึ่งซึ่งถูกนำไปฝังซ่อนไว้ เป็นเพียง “สิ่งเทียมอาวุธ” หรือ BB Gun
คนร้าย 7 คน ที่ถูกศาลฎีกาตัดสินประหารชีวิตทั้งหมด คือ กลุ่มคนร้ายที่เข้าไปในบ้านผู้ใหญ่วรยุทธ ด้วยการแต่งกายชุดลายพราง อ้างเป็นเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้น ก่อนจะจับตัวคนในบ้านแยกกันออกไปในแต่ละห้องไม่ให้ได้พบกัน
และจัดฉากให้ดูเหมือนว่า “เจ้าของบ้าน” คือ ผู้ใหญ่วรยุทธ เป็นผู้ลงมือฆ่าทุกคนเพราะมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ
ในข้อเท็จจริง คดีนี้เกิดจากการฝากขายโฉนดที่ดิน 2 ฉบับ รวมเนื้อที่ 1 ไร่เศษ คือบ้านที่เกิดเหตุสังหารซึ่งเป็นที่อยู่ของผู้ใหญ่วรยุทธ และที่ดินที่อยู่ติดกับบ้านของพ่อตาของนายวรยุทธ ซึ่งนำไปฝากขายให้กับนายซูริก์ฟัต แลกกับเงินกู้ 750,000 บาท
โดยทำสัญญาซื้อ - ขาย โอนที่ดินเป็นชื่อนายซูริก์ฟัต และมีข้อตกลงทางวาจาว่า เมื่อชำระเงินต้นและดอกเบี้ยครบ จะคืนที่ดินให้
แต่เมื่อชำระหนี้จนหมด ที่ดินกลับไม่ถูกโอน เพราะนายซูริก์ฟัต นำที่ดินไปจำนองต่อแล้ว จนเป็นที่มาของความขัดแย้งรุนแรง มาจนถึงการวางแผนสังหารทั้งครอบครัว
การสืบสวนสอบสวนในคดีนี้ และการให้ข่าวต่อสื่อมวลชนของตำรวจยังมีความน่าสนใจ เพราะตลอด 4 วัน ก่อนแถลงจับกุมคนร้ายทั้งหมดได้ ตำรวจให้ข่าวไปคนละทางกับข้อเท็จจริง
โดยข่าวช่วงแรกที่ถูกเผยแพร่ต่อสื่อมวลชน ทั้งในรูปแบบทางการและในทางลับ แทบจะไม่ได้ระบุถึงสาเหตุความขัดแย้งเรื่องที่ดินมาก่อน มีเพียงการแถลงข่าวครั้งสุดท้ายในช่วงเย็นของวันที่จับกุมตัวคนร้ายได้แล้วเท่านั้น
ที่ระบุถึงสาเหตุนี้ นั่นอาจเป็นหนึ่งในยุทธวิธีที่ตำรวจทำให้กลุ่มคนร้ายตายใจ จนสามารถรวบตัวทั้ง 7 คน ได้ในเวลาไล่เลี่ยกันทั้งที่อยู่กระจายกันไปหลายจังหวัด พบแหล่งที่ซ่อนของกลางทั้งหมด พร้อมนำทีมไปค้นหาหลักฐานเพิ่มเติมที่เซฟเฮ้าส์ซึ่งใช้วางแผนได้อย่างรวดเร็วในวันถัดมา
จนเป็นที่มาของการทำสำนวนที่หนักแน่น “หวังฆ่ายกครัว โดยไตร่ตรองไว้ก่อน”
นำไปสู่การตัดสินประหารชีวิตทั้ง 7 คน ตลอด 3 ศาล!