เป็นข่าวฮือฮาชาวโลกพอสมควรในสัปดาห์ก่อน เมื่ออิหร่านมีการประหารชีวิตนักโทษครั้งใหญ่ถึง ๑๗ คน แต่มีรายหนึ่งเกิดหัวใจวายระหว่างรอคิวขึ้นหลักประหาร แทนที่จะทุ่นแรงไม่ต้องประหารไป ๑ คน แต่เจ้าหน้าที่ผู้เคร่งครัดก็ยังอุตส่าห์เอาศพขึ้นไปแขวนคอจนได้ ไม่รู้ว่ากลัวจะถูกตัดเบี้ยเลี้ยงค่าแขวนหรืออย่างไร แต่ในกรณีนี้ไทยเราก็เคยทำมาแล้วเมื่อ ๑๔๓ ปีก่อน
สำหรับรายที่อิหร่าน มีรายงานข่าวเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า มีการประหารชีวิตนักโทษครั้งใหญ่ถึง ๑๗ คนที่เรือนจำนอกกรุงเตหะรานเมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ นี่ก็เป็นเรื่องที่ไม่ปกติที่มีการประหารชีวิตนักโทษพร้อมกันมากถึงขนาดนี้ แต่ก็ยังมีเรื่องผิดปกติขึ้นอีกเมื่อนักโทษหญิงคนเดียวในรายการนี้ ซึ่งจะต้องถูกประหารเป็นคนสุดท้าย เกิดหัวใจวายเสียก่อนจะถึงคิว เจ้าหน้าที่ต้องอุ้มศพขึ้นไปแขวนคอ แล้วให้แม่ผัวที่ถูกฆ่าได้ล้างแค้น
นักโทษหญิงรายนี้เป็นแม่ลูกสอง ต้องโทษว่าฆ่าสามีซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองของอิหร่าน ถูกศาลพิพากษาประหารชีวิต แต่เมื่อนางถูกไปต่อคิวรอการประหาร เห็นนักโทษชายถูกแขวนคอไปต่อหน้าต่อตา ๑๖ คน พอถึงคิวตัวเองก็เกิดหัวใจวายตายเสียก่อน แต่กระนั้นเจ้าหน้าที่ก็ยังนำร่างของนางขึ้นไปแขวนคอ ให้แม่สามีที่ถูกประหารเป็นคนเตะเก้าอี้ที่รองขาของนางออก เพื่อให้ร่างของนางที่ถูกแขวนไว้ที่คอห้อยลงมา ตามขั้นตอนการประหาร และตามธรรมเนียมตาต่อตา ฟันต่อฟัน ที่ต้องตอบแทนกันอย่างสาสม
กรณีเช่นนี้เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยแล้วเมื่อ พ.ศ.๒๔๒๑ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ เมื่อ จีนเซี๊ยะ ต้องหาว่าฆ่าคนตายอย่างอำมหิตโหดเหี้ยม ทั้งนี้จีนเซี๊ยะกับจีนก๋งหุน เป็นลูกจ้างของจีนฉันซึ่งมีภรรยาเป็นคนไทยชื่ออำแดงทองใส สองสามีภรรยามีอาชีพนำสินค้าล่องเรือไปขายตามหัวเมืองภาคใต้ วันหนึ่งได้ขนสินค้าจากปากน้ำหลังสวนจะไปเมืองกาญจนดิษฐ์ แต่จีนเซี๊ยะกับจีนก๋งหุนผูกเรือไม่แน่นทำให้เรือลอยไป ต้องไปตามลากกลับมา ทำให้จีนฉันดุด่าลูกจ้างทั้งสองอย่างรุนแรง แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้โต้ตอบอย่างไร
เมื่อเรือออกทะเลไป ภายในเรือจึงมีเพียง ๔ คน คือจีนฉัน อำแดงทองใส จีนเซี๊ยะ และจีนก๋งหุน พอเรือแล่นเลียบฝั่งเป็นที่เปลี่ยว สองลูกจ้างจึงเปลี่ยนบทบาทเป็นโจรขึ้นทันที จีนเซี๊ยะเห็นจีนฉันนั่งอยู่ท้ายเรือกำลังเผลอ จึงคว้าสามง่ามพุ่งเข้าเสียบร่างของจีนฉันจนหงายหลังตกทะเล อำแดงทองใสเห็นเข้าก็ตกใจกระโดดหนีตามผัวลงไปอีกคน สองผัวเมียจึงจมน้ำตายขณะที่อำแดงทองใสกำลังตั้งท้องด้วย
สองโจรต่างค้นหาสมบัติมาแบ่งกัน จีนเซี๊ยะได้เงินไป ๕๐ บาทกับผ้าขาว ๒ พับ จีนก๋งหุนได้เงิน ๙๐ บาทกับด้ายแดงอย่างดี ๑ ลูก ส่วนสินค้าในเรือซึ่งยังมีอีกมากขนไปไม่ไหว จึงจุดไฟเผาให้สิ้นซาก
เมื่อเจ้าหน้าที่สืบเรื่องที่จีนฉันกับเมียหายไป จึงตามจับจีนเซี๊ยะได้ ส่วนจีนก๋งหุนหนีไป ตระลาการเห็นว่าการกระทำของจีนเซี๊ยะนับว่าโหดเหี้ยมมาก แม้จะรับสารภาพ แต่หากขังคุกไว้ก็จะหนักแผ่นดินเปล่าๆ จึงพิพากษาให้เฆี่ยน ๙๐ ทีก่อนจะนำตัวไปประหารชีวิต
ระหว่างที่ต้องขังรอการลงโทษอยู่นั้น จีนเซี๊ยะก็เกิดอาการลงแดงตายเพราะอดฝิ่น กรมพระนครบาลก็ยังไม่ยอมงดการประหารตามคำพิพากษาของศาล นำศพของจีนเซี๊ยะไปเฆี่ยนหลังเสีย ๙๐ ทีก่อนนำไปผูกหลักประหาร แล้วตัดหัว เสียบประจานไว้ที่วัดพลับพลาชัย
นอกจากนี้ยังมีประกาศติดไว้เตือนสติชาวประชาอีกว่า
“ชายหญิงทั่วพระราชอาณาจักรจงมีความเกรงกลัวพระราชอาญา แต่จีนเซี๊ยะทิ้งร่างวางจิตไปแล้ว เจ้าพนักงานกรมพระนครบาลยังไม่ได้ลดหย่อนพระราชอาญาถึงเพียงนี้ แต่บรรดาคนที่เป็นอันธพาลสันดานหยาบ จงลดการที่ประพฤติพาลสันดานชั่ว จงเร่งเกรงกลัวพระราชอาญาทั่วกันทุกคนเทอญ”