ขึ้นชื่อเรื่องความไฮเอนด์ในแง่วัตถุดิบ และความหรูหราเลิศรสถึงเครื่องแกงอาหารไทย "Blue Elephant (บลู เอเลเฟ่นท์)" เป็นหนึ่งในร้านอาหารเก่าแก่ ที่ใครหลายคนต้องมาปักหมุดลิ้มลอง แม้ราคาจะดูแรงในสายตาคนไทย แต่ก็ใช่ว่าจะแพงทุกเมนู เพราะทางร้านอยากให้คนไทยหรือกลุ่มคนรุ่นใหม่เข้าถึงความพรีเมี่ยมในราคาที่จับต้องได้ และกลับมาซ้ำอีกครั้ง
กว่า 41 ปีที่ "เชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้" นำพา "บลู เอเลเฟ่นท์" และผลิตภัณฑ์เครื่องแกง ซอสปรุงรสไปสู่ตลาดโลก และ 19 ปีกับการเปิดสาขาในประเทศไทย วันนี้เธอส่งไม้ต่อให้กับทีมรุ่นลูกร่วมกันบริหาร เพื่อปรับภาพลักษณ์ร้านภายใต้คอนเซ็ปต์ "สบาย สบาย" ทั้งบรรยากาศ และราคาสบายกระเป๋า ในขณะที่เชฟนูยังคงมีบทบาทสำคัญในการคุมบังเหียนห้องครัวของร้านอาหารแห่งนี้อยู่ด้วย
ทีมงาน "เขาว่าอร่อย" ในนาม MGR Online ได้รับเชิญให้ไปพิสูจน์ความหรูหราและความอร่อยระดับตำนานที่ร้าน "บลู เอเลเฟ่นท์" สาขากรุงเทพฯ ซึ่งตั้งอยู่บนถนนสาทรใต้ จะขับรถหรือนั่งรถไฟฟ้า BTS มาเองก็สะดวก ร้านอยู่ติดกับสถานีสุรศักดิ์ เป็นอาคาร 3 ชั้นที่มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี
สำหรับอาคารแห่งนี้ ตกแต่งในสไตล์โคโลเนียลที่ประยุกต์ความเป็นไทยมาผสมผสานรูปแบบของตะวันตกไว้อย่างลงตัว ภายในร้านตกแต่งในบรรยากาศคลาสสิคสวยหรู มีทั้งหมด 3 ชั้น ชั้นสำหรับห้องอาหาร 2 ชั้น และโรงเรียนสอนทำอาหารอีก 1 ชั้น โดยในช่วงโควิดที่ผ่านมา ทางร้านได้เปิดคอร์สสอนอาหารไทยออนไลน์ ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ที่อยู่อาศัยในต่างประเทศ
นอกจากนั้น ยังเป็นผู้ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรส ทั้งน้ำพริก เครื่องแกง และซอสปรุงรสภายใต้แบรนด์ "บลู สไปซ์ (Blue Spice)" โดยเฉพาะน้ำพริกเครื่องแกงที่ขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติจัดจ้านถึงเครื่อง ใครไม่สะดวกมากินที่ร้านก็สามารถนำไปประกอบอาหารได้อร่อยเหมือนมากินที่ "บลู เอเลเฟ่นท์" โดยสินค้าขายดีอันดับต้นๆ ได้แก่ น้ำพริกแกงเขียวหวาน น้ำพริกแกงมัสมั่น น้ำพริกแกงกะหรี่ เป็นต้น
แต่ถ้าจะมาเอาบรรยากาศความหรูหรา ที่ร้านมีเมนูให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะต้ม ผัด แกง ยำ โดยแต่ละเมนูมีทั้งถูกและแพงปะปนกันไป หรือจะเลือกเซ็ทเมนูแบบเป็นคอร์ส ก็ถือว่าเป็นอีกทางเลือกที่คุ้มค่าในราคาสบายกระเป๋า
มาเริ่มกันที่ "แกงกะทิใต้หอยเชลล์ใบชะพลู (SOUTHERN HEAT SCALLOPS & BETEL LEAVES CURRY)" เป็น 1 ใน 3 ของเมนูเซ็ทกลางวันที่จัดได้ว่าเป็นแกงกะทิที่เข้มข้นถึงพริกถึงเครื่อง นำไปผสมขมิ้น กะปิ และแกงกับหอยเชลล์ย่าง และใบชะพลู ทานคู่กับเส้นหมี่ขาว อร่อยเด็ดเผ็ดถึงใจ เนื้อหอยเน้นๆ จุกๆ กันไปเลย
โดยในเซ็ทนี้ประกอบด้วยอีก 2 เมนูคือ "แสร้งว่ากุ้งลายเสือปลาดุกฟู (GRILLED TIGER PRAWN YAM)" และ "แกงเผ็ดแก้มวัวฟักทองน้ำเต้า ข้าวมันส้มตำ (KAENG PHED BEEF CHEEK)" เสริฟมาพร้อมส้มตำไทยโบราณ และข้าวมันกะทิที่ทำจากข้าวหอมมะลิ และข้าวเหนียวเขี้ยวงู ราคาเซ็ตนี้ (3 คอร์ส) อยู่ที่ 580 บาท++
อยากจะลองเมนูอื่นๆ แนะนำนี่เลย "ลาบเป็ดกงฟี น้ำพริกมะแขว่น (DUCK CONFIT LAAB)" อีกหนึ่งเมนูที่ถูกปากคนไทย ทางร้านนำเป็ดมาจากฟาร์มที่จ.ฉะเชิงเทรา ใช้ส่วนขามาตุ๋นในน้ำมันเป็ด จากนั้นเอาลงไปทอดกรอบ ราดด้วยน้ำยำ ซอสจิ้มแจ่ว เสิร์ฟมาพร้อมกับยำสามชี อร่อยแซ่บรสจัดจ้าน ระดับความเผ็ดอ่อนๆ กินได้แบบเพลินๆ ไม่มีน้ำตา ราคา 580 บาท++
ต่อกันด้วย "ตับห่านซอสมะขาม มะม่วงน้ำดอกไม้ (THAI TAMARIND & FRENCH LANDES FOIE GRAS)" สุดยอดเมนู Signature Dish เป็นสูตรเฉพาะของเชฟนูรอที่ได้รังสรรค์ขึ้นเมื่อ 15 ปีก่อน เสริฟพร้อมมันเทศบด ผสมบวบ กลิ่นโหระพา และน้ำมะขามหวาน โรยหอมเจียวกรอบ กินแล้วยอร่อยเนื้อแน่นหนึบ ละเอียด นุ่มลิ้นแทบไม่ต้องเคี้ยว แถมยังไร้กลิ่นคาว ราคา 780 บาท++
มาที่ร้านทั้งทีไม่สั่งไม่ได้กับเมนู "ยำมะเขือม่วงโครงการหลวง กุ้งแม่น้ำย่าง (GRILLED RIVER PRAWN DOI KHAM EGGPLANT SALAD)" บอกเลยเมนูนี้คือดีมาก กุ้งแม่น้ำขนาดกลาง ไม่ใหญ่มาก เสิร์ฟมาทั้งตัว ให้กลิ่นย่างหอมกรุ่น กินคู่กับยำมะเขือม่วง ซึ่งคัดสรรชั้นดีจากโครงการหลวง เคล้ากับน้ำยำสูตรพิเศษมีส่วนผสมน้ำมันทรัฟเฟิล อร่อยแซ่บถูกปากถูกใจ โดยเฉพาะมันกุ้งที่ไหลเยิ้ม บวกกับเนื้อกุ้งที่แน่นเด้ง ราคา 420 บาท++
มาถึงเมนูเก่าแก่ของทางร้าน "แกะกะเพรา WILD 'KRA-PAOW' LAMB CHOPS" ใช้ซี่โครงแกะนำเข้าจากนิวซีแลนด์ หมักกระเทียม พริกไทยดำ จี่กะทะร้อน ราดซอสพริกขี้หนู กระเทียม กะเพรา เพิ่มกลิ่นหอมด้วยกระชาย เสิร์ฟมาพร้อมกับข้าวผัดควินัวไรซ์เบอร์รี่หอมอร่อย กินคู่กับเนื้อแกะนุ่มอร่อย ยิ่งให้รสสัมผัสแบบเผ็ดร้อนสะใจในราคา 680 บาท++
ปิดท้ายด้วย Signature Dessert ขนมหวานแสนอร่อย สูตรเฉพาะของเชฟนูรอ ประกอบด้วย โคโคนัทแฟลน (COCONUT FLAN ) ราคา180 บาท++ มะม่วงชีสเค้ก (MANGO CHEESECAKE) ราคา 240 บาท++ และ ช็อคโกแลตมูส (CHOCOLATE MOUSSE) เมนูในตำนานของบลู เอเลเฟ่นท์ เบลเยี่ยม ซึ่งได้รับความนิยมตั้งแต่ปี 2525 ราคา 240 บาท++
สำหรับร้านบลู เอเลเฟ่นท์ ก่อตั้งครั้งแรกที่บรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อพ.ศ.2523 เชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ และคุณคาร์ล สเต็ปเป้ (สามี) พร้อมด้วยหุ้นส่วนอีก 2 ท่าน คือ คุณสมชาย เวโน และคุณสมบูรณ์ อินเสือศรี ช่วยกันปลุกปั้นจนเป็นที่นิยมชื่นชอบของชาวเบลเยียม และขยายตัวอย่างรวดเร็วจนทั่วยุโรปตะวันออกกลางและเอเชีย ครองใจทั่วโลกมากว่า 40 ปี
ส่วนสาขาที่กรุงเทพฯ เปิดในปี 2545 และสาขาภูเก็ตในปี 2553 นอกจากนั้นยังมีบริษัท บลูสไปซ์ จำกัด ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องแกง เครื่องปรุงรส ทั้งน้ำพริก และซอสปรุงรสระดับพรีเมี่ยม ภายใต้แบรนด์ บลู เอเลเฟ่นท์ จำหน่ายกว่า 36 ประเทศทั่วโลก
มาเปิดประสบการณ์ และสัมผัสความมหัศจรรย์ในรสชาติอาหารไทยสไตล์ "บลู เอเลเฟ่นท์" ได้ทั้งสองสาขา (กรุงเทพฯ และภูเก็ต) เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 11.30-21.30 น. เข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.blueelephant.com และเฟซบุ๊ก : @BlueElephantBangkok หรือต่อต่อสอบถามโทร. 02-673-9353-8