xs
xsm
sm
md
lg

ทนายความอ้างวัยรุ่นมะกันทำร้ายชายไทยเสียชีวิตในซานฟรานฯ เพราะสติแตก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เพจ “SiamTownUS” โพสต์ข้อความรายงานความคืบหน้าการสู้คดีของ “แอนตวน วัตสัน” ผู้ต้องหาฆาตกรรมนายวิชา รัตนภักดี ชายไทยวัย 84 ปี ทนายความของ “แอนตวน วัตสัน” อ้างเด็กวัยรุ่นคนนี้ลงมือทำร้ายผู้อื่นขณะ “สติแตก”

จากเหตุการณ์สะเทือนใจ นายวิชา รัตนภักดี ชายไทยวัย 84 ปี ถูกนายแอนตวน วัตสัน วัยรุ่นผิวสีผลักแรงจนล้มกระแทกพื้น ขณะเดินอยู่ริมถนนแอนซาวิสตา และฟอร์ทูนา ในเมืองแอนซาวิสตา ใกล้มหาวิทยาลัยซานฟรานซิสโก จากนั้นชายสูงวัยรายดังกล่าวมีอาการสาหัส และได้เสียชีวิตในอีก 2 วันต่อมา จากนั้นในโลกออนไลน์ร่วมรณรงค์ผ่านแฮชแท็ก #AsiansAreHuman และ #JusticeForVicha เพื่อต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติ จากการเสียชีวิตของ “วิชา รัตนภักดี”

อ่านข่าวประกอบ : สลด! ชายไทยวัย 84 ปี ถูกวัยรุ่นทำร้ายจนเสียชีวิตในเมืองซานฟรานซิสโก อ่านข่าวประกอบ : โซเชียลแห่ติดแฮชแท็ก #AsiansAreHuman หลังโจ๋มะกันทำร้ายคนไทย เสียชีวิตในเมืองซานฟรานซิสโก ปมเหยียดเชื้อชาติ
ล่าสุด วันนี้ (17 ก.พ.) เพจ “SiamTownUS” ได้โพสต์ข้อความรายงานข่าวเพิ่มเติมถึงกรณีที่เกิดขึ้น ระบุว่า “ข่าวคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับการพิจารณาคดี แอนตวน วัตสัน ผู้ต้องหาผิวดำวัย 19 ปี ในคดีฆาตกรรมคุณลุงวิชา รัตนภักดี ชาวไทยวัย 84 ปี ซึ่งสยามทาวน์ยูเอสได้เสนอไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คือผู้ต้องหาได้ปฏิเสธข้อหาฆาตกรรม และข้อหาทำร้ายร่างกายผู้สูงอายุจนถึงแก่ความตาย ต่อศาลไปเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์

และต่อมาในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ศาลได้ประกาศไม่ให้ประกันตัวผู้ต้องหา โดยผู้พิพากษาเห็นชอบตามที่อัยการเสนอคัดค้านการขอประกันตัวว่า ผู้ต้องหาได้ลงมือรุนแรงโดยไม่มีการยั่วยุกับเหยื่อที่เป็นผู้สูงอายุ อยู่ในสภาพอ่อนแอและไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ ทำให้ขณะนี้ แอนตวน วัตสัน ถูกจองจำอยู่ในคุกของเคาน์ตี รอการขึ้นศาลนัดต่อไป ดังที่ทราบกันว่า คุณลุงวิชา รัตนภักดี ที่เดินทางมาเยี่ยมลูกหลานในซานฟรานซิสโก ถูกวัยรุ่นผิวดำชื่อ แอนตวน วัตสัน วิ่งข้ามถนนมาผลักอย่างแรงจนล้มกระแทกพื้นในช่วงเช้าของวันที่ 28 มกราคม ระหว่างเดินเล่นออกกำลังกายยามเช้าอยู่ริมถนนใกล้บ้าน ในเมืองแอนซา วิสตา เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส จนเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในอีกสองวันต่อมา

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถูกบันทึกเอาไว้โดยกล้องวงจรปิดของเพื่อนบ้านในละแวกนั้น ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าคนร้ายลงมือโดยไม่มีการยั่วยุใดๆ จากผู้อาวุโสไทย ที่เดินงกๆ เงิ่นๆ อยู่เพียงลำพังในอีกฟากหนึ่งของถนน ภาพจากกล้องวงจรปิดดังกล่าว บวกกับการที่ผู้ต้องหาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองซานฟรานซิสโก เรียกจอดในบริเวณใกล้กับจุดเกิดเหตุ เพื่อให้ใบสั่งฐานขับรถโดยประมาท, ขับรถเร็ว และไม่หยุดที่ป้ายหยุด (stop sign) เป็นเหตุให้รถบีเอ็มดับเบิลยู สีเงินของเขา ที่นั่งมากับเพื่อนหญิง (เมย์ลาเซีย กู) เกิดเหตุเฉี่ยวชนกับรถคันอื่นก่อนหน้านั้นเพียงไม่นาน ใบสั่งที่ลงวันเวลาและสถานที่โดยละเอียด บวกกับภาพจากกล้องวิดีโอติดตัวของตำรวจ กลายเป็นหลักฐานมัดตัว แอนตวน วัตสัน แน่นหนา จนไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธได้

แม้เรื่องนี้จะกลายเป็นที่สนใจของประชาชน ที่มองเหมือนกันว่าเด็กหนุ่มคนนี้ลงมือเพราะความรู้สึกเกลียดชังคนเอเชีย ที่กำลังกลายเป็นกระแสเชี่ยวกรากในยุคที่อดีตผู้นำประเทศชี้นิ้วโทษ “จีน” ว่าเป็นสาเหตุของวิกฤตโควิด-19 ที่ทำลายชีวิตและเศรษฐกิจของอเมริกาไปอย่างมหาศาล แต่อัยการเจ้าของคดีแถลงว่ายังไม่สามารถฟ้อง แอนตวน วัตสัน ในข้อหาอาญาว่าด้วยการเหยียดผิว หรือ hate crime ได้ ด้วยว่ายังไม่มีหลักฐานเพียงพอ อีกทั้งเป็นการลงมือก่ออาชญากรรมครั้งแรกของเด็กหนุ่มคนนี้ จึงทำได้เพียงสั่งฟ้องในคดีอาญาข้อหาฆาตกรรม และทำร้ายร่างกายผู้สูงอายุ เท่านั้น

โดยข้อหาอาญาทั้งสองข้อนี้ ดังที่ทราบกันแล้วว่า แอนตวน วัตสัน ให้การภาคเสธ โดยอ้างผ่านทนายความ สไลแมน เนาวาบี ซึ่งเป็นทนายความของรัฐ (Public Defender) ว่าเขาไม่ได้มีเจตนาที่จะฆ่าผู้อาวุโสชาวไทย เป็นเพียงการผลักด้วยฝ่ามือ (open-handed push) เท่านั้น แถมทนายความยังบอกด้วยว่าจะมีการตรวจสอบสภาพจิตใจของ แอนตวน วัตสัน ด้วย อ้างว่าอาจจะเป็นวิธีเดียวที่ทำให้เข้าใจถึงสาเหตุของการลงมือทำร้ายผู้อื่นแบบไร้เหตุผลที่เกิดขึ้น มองได้ว่าเป็นเทคนิคคลาสสิกของทนายความคดีอาญาทั้งหลาย ที่เมื่อดิ้นหนีหลักฐานไม่หลุด ก็พยายามสร้างภาพว่าลูกความของตนเองมีปัญหาทางจิต จึงลงมือก่อคดีไปโดยไม่รู้ตัว หวังให้ศาลเมตตา ผ่อนโทษทัณฑ์ให้เบาลง เช่นจากคดีฆาตกรรม เป็นคดีฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา ทำนองนั้น

ก่อนหน้านี้ เราเชื่อมั่นว่า แอนตวน วัตสัน จะต้องรับกรรมด้วยข้อหาฆาตกรรมระดับหนึ่ง และถูกพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตค่อนข้างแน่ เพราะมีกระแสกดดันรุนแรง ทั้งจากประชาชนในซานฟรานซิสโก ที่กำลังขยายวงออกไปเรื่อยๆ และแรงกดดันจากผู้บริหารของซานฟรานซิสโก ทั้งนายกเทศมนตรี, หัวหน้าตำรวจ และอัยการเขต ที่จับมือกันออกมาประกาศว่าจะเอาผิด แอนตวน วัตสัน ให้ถึงที่สุด

แต่ในช่วงสัปดาห์นี้ มีข้อมูลปลีกย่อยปรากฎเป็นข่าวเล็กๆ ในสื่อมวลชนท้องถิ่นของซานฟรานซิสโก เบย์แอเรีย ซึ่งเราเห็นว่าน่าสนใจ และอาจทำให้มุมมองต่อคดีนี้เปลี่ยนไป จึงขอเอามาเล่าสู่กันฟังกับคุณผู้อ่าน ในระหว่างรอความคืบหน้าของคดีนี้ ข่าวจากเว็บไซต์ ซานฟรานซิสโก เอ็กแซมมิเนอร์ ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อ้างคำสัมภาษณ์ของผู้ช่วยอัยการ ฌอน คอนโนลลี ที่เล่าถึงเหตุการณ์ตามที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดแบบเต็มๆ ซึ่งเป็นภาพเหตุการณ์ที่สาธารณชนส่วนใหญ่ยังไม่เคยเห็น ทำให้เราปะติดปะต่อเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุได้ชัดเจนขึ้น

โดย ฌอน คอนโนลลี เล่าว่า หลังจากได้ใบสั่งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว แอนตวน วัตสัน ก็มีอาการโมโห ถึงขั้นทุบรถโครมคราม (vandalizing a car) ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่คุณลุงวิชา รัตนภักดี เดินผ่านมาในอีกฟากของถนนพอดี “เมื่อคุณรัตนภักดี มองมาทางเขา และเปลี่ยนทิศทางเดิน เด็กวัยรุ่นก็ออกวิ่งอย่างเร็วไปยังคุณรัตนภักดี และเมื่อคนชราหันมองมาที่เขา ดูจากภาพนะ ก็ถูกผลักกระเด็นถอยหลังลงไปกองกับพื้นปูน” อัยการเจ้าของคดี พูดถึงคำให้การของพยานด้วยว่า ได้ยินเด็กหนุ่มตะโกนเสียงดังว่า “แกมองฉันทำไม (Why you lookin’ at me?” ซ้ำสองครั้ง ก่อนจะได้ยินเสียงกระแทกดังชัดเจนตามมา

ขณะที่ทนายความ สไลแมน เนาวาบี ก็ให้สัมภาษณ์กับ ซานฟรานซิสโก เอ็กแซมมิเนอร์ เช่นกัน โดยยืนยันว่าการลงมือของลูกความตัวเอง ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการเหยียดผิวคนเอเชีย อย่างที่กระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์กัน “ไม่มีหลักฐานใดๆ เลยแม้แต่น้อยที่บอกว่าเชื้อชาติ และอายุของคุณรัตนภักดี คือสาเหตุจูงใจให้มีการลงมือทำร้าย” ทนายความของแอนตวน วัตสัน บอก และว่า “การทำร้ายครั้งนี้ เป็นความโชคร้ายที่เกิดขึ้นจากการขาดสติของวัยรุ่นคนหนึ่งเท่านั้น คำบรรยายอื่นๆ คือเรื่องไม่จริง ที่ชี้นำไปในทางที่ผิดและทำให้เกิดความแตกแยก"

นอกจากนี้ ทนายความสไลแมน เนาวาบี ที่บอกว่า แอนตวน วัตสัน มาจากครอบครัวผสม หรือ biracial family คือมีสมาชิกในครอบครัวที่เป็นชาวเอเชียด้วยนั้น ได้ลงมือผลักคุณลุงวิชา รัตนภักดี โดยไม่ทราบถึงเชื้อชาติ อายุ หรือสภาพความแข็งแรงของร่างกาย เพราะคุณลุงวิชาแต่งตัวมิดชิด กล่าวคือใส่ทั้งหน้ากากอนามัย หมวก นุ่งกางเกงยีนส์ และเสื้อสเวตเตอร์กันหนาวตัวใหญ่ด้วย ทนายความสไลแมน เนาวาบี บอกด้วยว่า เขาก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่ยอมรับพฤติกรรมเหยียดผิว และกระแสทำร้ายชาวเอเชียที่เกิดขึ้นแบบถี่ๆ ในซานฟรานซิสโก และโอ๊คแลนด์ แต่ยืนยันว่าคดีที่เขาดูแลอยู่นี้ไม่ได้มีสาเหตุมาจากเรื่องนั้น

เมื่อพิจารณาจากภาพรวม ที่เพิ่งจะเห็นชัดเจนขึ้นจากข่าวของซานฟรานซิสโก เอ็กแซมมิเนอร์ ไปแล้ว ทำให้เห็นว่าหนทางที่จะเอาผิด แอนตวน วัตสัน ด้วยข้อหาฆาตกรรมที่มีสาเหตุมาจากการเหยียดผิวนั้น ค่อนข้างเป็นไปได้ยาก เพราะคำอ้างที่ว่าเด็กวัยรุ่นคนนี้ลงมือทำร้ายผู้อื่นขณะ “สติแตก” เพราะความโกรธถึงขั้นทุบรถของตัวเองได้นั้น มัน “ฟังขึ้น” ทีเดียว โดยศาลแขวงซานฟรานซิสโก มีกำหนดพิจารณาคดีของแอนตวน วัตสัน ครั้งต่อไปในวันพฤหัสฯ ที่ 4 มีนาคมนี้... ซึ่งแน่นอนว่า สยามทาวน์ยูเอส จะติดตามข่าวมานำเสนอให้คุณผู้อ่านได้รับทราบกันต่อไป...”



กำลังโหลดความคิดเห็น