ใต้มหาสมุทรและท้องทะเลทั่วโลก มีสมบัติจมอยู่มากมายตามเส้นทางเดินเรือสมัยโบราณ ตั้งแต่ทองและสมบัติโบราณล้ำค่า แม้แต่อ่าวไทยที่ดูเหมือนเป็นอ่าวเล็กๆ แต่ก็มีสมบัติจมอยู่มากมาย เพราะเป็นเส้นทางของสำเภาค้ามาแต่โบราณ ในสมัยที่การค้าขายเริ่มรุ่งเรืองในสมัยกรุงสุโขทัย มีสำเภาค้าไปถึงเมืองจีนและเกาะสุมาตรา ในสมัยกรุงศรีอยุธยาก็ขยายไปถึงอินเดีย ญี่ปุ่น เปอร์เซีย และยุโรป
การเดินเรือสมัยนั้นเสี่ยงอันตรายอย่างมาก ยังไม่มีเรือใหญ่เหมือนในสมัยนี้ จึงมีสำเภาอับปางเป็นประจำ สินค้าไทยที่จะส่งไปขายต่างประเทศ หรือสินค้าต่างประเทศที่ส่งมาขายเมืองไทยก็จมอยู่ใต้ท้องทะเลในอ่าวไทยมาก วัตถุโบราณล้ำค่าเหล่านี้แม้จะไม่มีประโยชน์ในการใช้สอยแล้ว แต่ก็เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์สามารถบอกให้รู้ความเป็นมาของอดีตได้ดี เช่น รูปแบบของเรือที่ใช้ ตลอดสินค้าที่ผลิตส่งออก เช่น ถ้วยชามเครื่องสังคโลก หม้อ ไห อีกทั้งยังบอกให้รู้ว่านำไปขายที่ไหนบ้าง โดยพบสินค้าเหล่านี้ที่ ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ ชวา และลังกา รวมทั้งเครื่องมือการค้าในสมัยนั้น เช่น ตาชั่ง ลูกคิด ไม้วัดผ้า ตลอดจนเครื่องใช้ประจำวันของลูกเรือของแต่ละสมัยด้วย
เมื่อปี ๒๕๓๕ สมบัติโบราณใต้ทะเลในอ่าวไทยได้ปรากฏเป็นข่าวใหญ่ขึ้น เมื่อกองทัพเรือร่วมกับตำรวจน้ำและกรมศิลปากร ได้เข้ายึดเรือ “ออสเตรเลีย ไทด์” ที่เช่ามาจากบริษัทในออสเตรเลีย แต่ชักธงปานามา กัปตันเป็นชาวอังกฤษ ซึ่งเป็นเรือล่าสมบัติใต้ทะเล ได้ลักลอบเข้ามางมสมบัติจากซากเรือโบราณที่จมอยู่ในเขตเศรษฐกิจจำเพาะใกล้เกาะจวง ในอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี กัปตันเรือได้อ้างกฎหมายน่านน้ำและสัญญาเจนีวาอย่างคล่องแคล่ว เหมือนเตรียมตัวมาพร้อมที่จะเป็นโจรสลัดใต้ทะเล แต่เจ้าหน้าที่ไทยก็ไม่ยอมถอย โต้ตอบเจรจากันถึง ๓ วัน ๓ คืน จนวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ฝ่ายสลัดจึงยอมจำนน คืนสมบัติที่งมได้ให้ไทยทั้งหมด เพื่อแลกกับอิสรภาพ ส่วนฝ่ายไทยก็ยอมประนีประนอมเมื่อปกป้องสมบัติของชาติไว้ได้แล้ว
สมบัติที่ยึดมาได้จากเรือโจรสลัดใต้สมุทรครั้งนี้มีถึง ๑๐,๒๘๗ ชิ้น มีเครื่องปั้นดินเผาที่มาจากแหล่งเตาเผาแม่น้ำน้อย สิงห์บุรีจำนวนกว่า ๓,๔๒๕ ชิ้น ส่วนใหญ่เป็นไห ๔ หูเคลือบสีน้ำตาล มีเครื่องเคลือบสังคโลกสีขาวและสีเขียวจากเตาเผาศรีสัชนาลัย สุโขทัย ๖,๕๒๕ ชิ้น ตลับเวียดนามประมาณ ๒๔๔ ชิ้น ตุ๊กตารูปกระต่าย ๘๕ ตัว เตาเชิงกราน ๒ เตา หม้อดิน ๑๐ ใบ และตะเกียงดินเผาแขวน ๑ อัน และเครื่องถ้วยจีน ๔ ชิ้น นอกจากนี้ยังมีหุ่นกลองทำด้วยไม้ ลักษณะของกลองนั้นจะเป็นกลอง ๒ หน้า ปืนประจำเรืออีก ๒ กระบอก และตุ๊กตาที่น่าสนใจอีก เช่น
ตุ๊กตารูปม้า มีคนขี่แต่หัวขาด มีคนยืนอยู่ที่ขา เนื้อดินมีลักษณะที่บ่งบอกว่าเป็นของเตาเมืองศรีสัชนาลัย สันนิษฐานว่าน่าจะใช้เป็นเครื่องประดับ หรืออาจใช้เป็นตะเกียง อายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๒๐-๒๒
ตุ๊กตารูปหญิงเปลือยอก ทูนหม้อน้ำไว้บนไหล่ มีสภาพที่ค่อนข้างสมบูรณ์ มาจากแหล่งเตาเมืองศรีสัชนาลัยเช่นกัน ลวดลายที่ปรากฏสันนิษฐานว่าได้อิทธิพลมาจากศิลปะจีน อายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๒๐-๒๑
ชุดตุ๊กตาจีน เป็นตุ๊กตาดินเคลือบรูปคนอุ้มปลา สันนิษฐานว่า น่าจะเป็นรูปเคารพ ซึ่งสังเกตได้จากการแต่งกายเหมือนกับเทพองค์หนึ่งของจีน
จากสมบัติที่ยึดได้นี้ แสดงว่าเรือที่จมอยู่ที่ใกล้เกาะจวงในอำเภอสัตหีบนี้ เป็นสำเภาค้าของไทยที่จะนำสินค้าส่งออกที่มีชื่อเสียงไปขายต่างประเทศ ในเป็นเส้นทางโบราณสมัยสุวรรณภูมิ สุโขทัย อยุธยา จึงพบซากเรือจมอยู่ในย่านนี้หลายลำ แม้ในช่วงหน้าหาดพัทยาไปถึงเกาะล้าน ที่ทะเลช่วงนี้มีความลึกเพียง ๒๐ กว่าเมตร ยังมีนักดำน้ำและนักยิงปลาพบโอ่งไหสังคโลก เหรียญ แท่งตะกั่ว จมอยู่ และนำขึ้นมาเป็นจำนวนมาก
ส่วนวัตถุโบราณที่ยึดได้จากเรือออสเตรเลียไทด์นี้ ปัจจุบันเก็บและจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พาณิชย์นาวี ในค่ายเนินวง จันทบุรี