xs
xsm
sm
md
lg

เปิดบ้านยุคสงครามโลก! อร่อยแซ่บเมนูอีสานสไตล์ตะวันตกที่ "Monkey Pod"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ต้องไปโดน! อร่อยแซ่บเมนูอีสานลาวสไตล์ตะวันตกที่ Monkey Pod
ท่ามกลางตึกสูงที่แทรกตัวอยู่ในซอยสุขุมวิท 13 หลายพื้นที่ถูกโรงแรม คอนโดฯ เข้ายึดครอง กลายเป็นย่านพาณิชย์พลุกพล่าน แต่น้อยคนที่จะรู้ว่ายังมีเสน่ห์ของ "บ้านยุคสงครามโลก" กับ "ต้นจามจุรียักษ์" อายุเก่าแก่ซ่อนตัวอยู่ด้วย ปัจจุบันเป็นชื่อของ "Monkey Pod" ร้านอีสานลาวสไตล์ตะวันตกที่อยากชวนให้มาฟินกับเมนูสุดแซ่บบนพื้นที่ประวัติศาสตร์อันน่าค้นหาแห่งนี้

"Monkey Pod เป็นร้านอาหารในเครือ Blue Elephant เป็นคำภาษาอังกฤษของต้นจามจุรี ต้นนี้อยู่คู่กับบ้านไม้สักทองยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นบ้านสไตล์โคโลเนียลอายุกว่า 100 ปี หลังจากได้พื้นที่นี้มาตั้งแต่ปี 2018 แพลนแรกที่จะทำคือร้านอาหาร Fine dining แต่พอโควิดมาทุกอย่างเปลี่ยน คอนเซ็ปต์ร้านก็ต้องเปลี่ยนไปด้วย อิซากายะคือตัวจุดประกาย เราอยากได้ร้านที่เพื่อนๆ มากินดื่มแบบฟลูออฟชั่น ซึ่งบรรยากาศเรามีแล้ว เหลืออาหารที่ต้องอร่อยถูกปาก" ต้อง-จิรกฤต อุ่นจิต Project Manager ร้าน Monkey Pod เล่าถึงที่มา

บรรยากาศสุดคลาสสิกกับพื้นที่โซนด้านในของบ้านไม้สักทองอันงดงาม สไตล์โคโลเนียลอายุกว่า 100 ปี



นั่งชมวิวอย่างเพลิดเพลินใต้ต้นจามจุรียักษ์ ท่ามกลางความร่มรื่นและสีเขียวขจีของแมกไม้นานาชนิดในโซนเอาต์เดอร์

ด้วยความที่เชฟ (เชฟดู่-ทวีศักดิ์ พุทธาวงศ์) มีเชื้อสายลาว แต่ไปเกิดที่เบลเยี่ยม และโตที่อังกฤษ มีประสบการณ์ทำงานกับเชฟระดับโลกอย่าง Claude Bosi และ Albert Adria ดังนั้นเมนูอาหารของร้านจึงเป็นการผสมผสานระหว่างอีสานลาว แต่ใส่เทคนิคของความเป็นยุโรปเข้าไป

"เราเรียกมันว่าอีสานลาวโมเดิร์นทวิสต์ครับ" คุณต้องบอก ซึ่งถือเป็นการต่อยอดอาหารให้มีมุมมองใหม่ กลายเป็นอาหารจานเด็ดที่มีกลิ่นอายของอีสานลาวสไตล์ตะวันตก ชวนให้รู้สึกตื่นเต้นกับกับรสชาติ และหน้าตาของอาหารในแต่ละเมนูที่ต้องบอกว่าเชฟดู่จัดมาให้แบบยั่วน้ำลายมากๆ

(ซ้าย) ต้อง-จิรกฤต อุ่นจิต Project Manager ร้าน Monkey Pod (ขวา) เชฟดู่-ทวีศักดิ์ พุทธาวงศ์

เชฟดู่-ทวีศักดิ์ พุทธาวงศ์

ไส้กั่วสูตรพิเศษ ความลงตัวรสชาติโดดเด่น มีเอกลักษณ์ของไส้อั่วและไส้กรอกอีสาน
เริ่มกันที่ ฮอทด็อกหมันโถวทอดไส้กั่ว หรือ LAO DOG เมนูซิกเนอเจอร์ของร้าน ด้านล่างคือหมันโถวทอดสไตล์ไต้หวันที่หอมกลิ่นนมเนย ตรงกลางคือไส้กั่ว (ไส้อั่วและไส้กรอกอีสาน) ซึ่งเชฟได้สูตรลับมาจากคุณแม่ ราดมาด้วยแจ่วมะเขือเทศ บอกเลยว่ารสชาติถูกปาก อร่อยถูกใจ ทั้งหมันโถวทอดที่กรอบนอกนุ่มใน กินคู่กับไส้กั่วและแจ่วมะเขือเทศยิ่งฟินเต็มคำ ชิ้นเดียวไม่เคยพอ





ไก่คลองไผ่อบพริกเหลือง(ครึ่งตัว) ราคา 389 บาท
ต่อกันด้วย "ไก่คลองไผ่อบพริกเหลือง (ครึ่งตัว)" เชฟดู่บอกว่า ใช้ไก่ที่มาจากฟาร์มไก่คลองไผ่ เขาใหญ่ เลี้ยงแบบธรรมชาติ ไม่ใช้ฮอร์โมนและยาปฏิชีวนะ เมนูนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากไก่ย่างอีสาน โดยทางร้านใช้พริกเหลืองแทนผงขมิ้น หมักด้วยตะไคร้ น้ำมะขาม รากผักชี กระเทียม ให้รสจัดจ้านสไตล์ไก่พิริพิริ เผ็ดหอมไม่ซ้ำใคร เสิร์ฟมาคู่กับหอมแขกดองใส่น้ำบีทรูท และซอสซิมิชูริ ซอสสีเขียวหอมกลิ่นสมุนไพรแบบอเมริกาใต้ มีส่วนผสมของพริก ผักชีไทย ผักชีใบเลื่อย ผักชีลาว น้ำส้มสายชู ซีอิ๊วขาว และกระเทียม ซึ่งนำไปตุ๋นในน้ำมันทำให้รสชาติและความแรงของกระเทียมลดลง กินคู่กับเนื้อไก่อบแล้ว ยิ่งเพิ่มดีกรีความอร่อยเข้าไปอีก

จากหมูปลาร้าราชดำเนินสู่ สเต๊กพอร์คชอปย่างปลาร้า ยำสามชี ราคา 479 บาท


มาถึงเมนูที่ได้แรงบันดาลใจมาจากหมูปลาร้าราชดำเนิน "สเต๊กพอร์คชอปย่างปลาร้า ยำสามชี" ทางร้านย่างมาแบบสุกกำลังดี มีให้เลือกทั้งพอร์คชอปและเนื้อแบล็คแองกัส ซึ่งเป็นเนื้อคุณภาพสูงที่มีความนุ่ม และหอมด้วยไขมันแทรกแบบพอดีเป็นลายหินอ่อน ยิ่งได้จิ้มกับแจ่วปลาร้า ที่ใช้ปลาร้าต้มสุกอย่างดี พร้อมด้วยยำสามชี ซึ่งมีทั้งผักชีไทย ผักชีฝรั่ง และผักชีลาว ซึ่งเป็นเมนูที่อร่อยแบบยั่วๆ ฟินนัวๆ แบบจุกๆ ไปเลยจ้า

ข้าวผัดแจ่วบองเนื้อแบล็คแองกัสย่างปลาร้า ไข่ดองนํ้าปลา ราคา 279 บาท

ข้าวผัดแจ่วบองหมูย่างปลาร้า ไข่ดองนํ้าปลา ราคา 169 บาท
ฟินต่อกับเมนูที่ไม่สั่งไม่ได้เลย "ข้าวผัดแจ่วบองเนื้อแบล็คแองกัสย่างปลาร้า ไข่ดองนํ้าปลา" ทางร้านนำแจ่วบองมาผัดข้าวคลุกเคล้ากันอย่างลงตัว ให้รสชาติเผ็ดหวานเหมือนกินข้าวผัดพริกเผา แต่ให้ความเผ็ดและความหอมจากสมุนไพรมากกว่า ด้านบนเป็นเนื้อแบล็คแองกัสย่างปลาร้าที่นุ่มกำลังพอดี โปะมาด้วยไข่ดองนํ้าปลาที่ใช้น้ำปลา สาเกหวาน (มิริน) และซีอิ๊วขาว ดองออกมาจนได้รสชาติหวานเค็มแบบหนึบๆ กินคู่กับข้าวผัดแจ่วบองและเนื้อย่างปลาร้า ยิ่งเพิ่มความอร่อยนัวครบรสแบบอิ่มกำลังดี

ไอศครีมนม ซอสส้มซ่า ราดด้วยซอสโหระพา ราคา 119 บาท


ตบท้ายด้วยของหวานกับเมนู "ไอศกรีมนม ซอสส้มซ่า ราดด้วยซอสโหระพา" ให้ความอร่อยแบบแปลกใหม่ ตกแต่งด้วยแผ่นแป้งกรอบๆ คล้ายแป้งเครปที่ตั้งใจทำให้แตก ตรงกลางคือไอศกรีมนมที่ให้รสชาติมะลุนลิ้น ราดมาด้วยซอสส้มซ่าให้ความเปรี้ยวอมหวาน และน้ำมันหอมละเหยจากใบโหระพาให้ความหอมสดชื่น รู้สึกผ่อนคลาย นับเป็นการปิดท้ายที่น่าจดจำ และต้องกลับมาซ้ำอย่างแน่นอน

สำหรับ "Monkey Pod" เปิดบริการเวลา 11.00-20.00 น. ร้านอยู่ในซอยสุขุมวิท 13 มีที่จอดรถอยู่ด้านใน อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้ามาได้ ติดต่อสอบถามโทร. 02-115-9830 หรือ facebook.com/Monkeypodbkk หรือ Line Official account (@monkey_pod)
กำลังโหลดความคิดเห็น