สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย ออกประกาศไม่สนับสนุนให้ผู้ป่วยโรคไตรับประทานถั่งเช่า หากต้องการรับประทานต้องแจ้งแก่แพทย์ผู้รักษา และไม่ควรหยุดยาแผนปัจจุบันท่ีรับประทานอยู่ ยืนยันสรรพคุณของถั่งเช่ายังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับขนาดที่เหมาะสมในการใช้รักษาผู้ป่วยโรคไต
วันนี้ (2 ก.พ.) เพจ “สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย-The Nephrology of Thailand” โดยมี รองศาสตราจารย์ นายแพทย์สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ เป็น นายกสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย ได้ออกมาให้ความรู้ เรื่องการใช้ถั่งเช่ารักษาโรคไต โดยระบุรายละเอียดว่า “ปัจจุบันได้มีการโฆษณาถึงสรรพคุณของถั่งเช่าว่าสามารถรักษาโรคไตให้ดีขึ้นหรือกลับมาเป็นปกติได้ ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวประชาชนสามารถซื้อหาได้โดยง่ายในประเด็นนี้ สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย ขอยืนยันว่า จากองค์ความรู้ที่มีข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ในปัจจุบัน ยังไม่มีข้อมูลที่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจน ว่า ถั่งเช่ามีประโยชน์จริงในผู้ป่วยโรคไต เนื่องจากมีเพียงข้อมูลการศึกษาในสัตว์ทดลอง แต่ไม่มีหลักฐาน การศึกษาที่ดีเพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าถั่งเช่ามีประโยชน์กับไตในมนุษย์ และการศึกษาส่วนใหญ่ไม่ได้รายงานอาการ ไม่พึงประสงค์ของถั่งเช่าอีกด้วย
ทั้งนี้ ถั่งเช่าที่มีการศึกษาในมนุษย์ส่วนใหญ่เป็นถั่งเช่าทิเบต (Cordycepssinensis) ที่เกิดในธรรมชาติซึ่งมีราคาสูงมาก การศึกษาส่วนใหญ่ใช้ระยะเวลาเพียง 1-6 เดือนเท่านั้น จึงไม่สามารถทราบถึงผลดีและผลเสียในระยะยาวได้ และยังพบว่าผลิตภัณฑ์ถั่งเช่าทิเบตบางส่วนพบมีโลหะหนัก Arsenic ในปริมาณสูง ซึ่งอาจมีผลเสียต่อไตในระยะยาว ในปัจจุบันถั่งเช่าที่ขายอยู่ส่วนใหญ่เป็นถั่งเช่าสีทอง (Cordyceps militaris) ที่ถูกเพาะเลี้ยงขึ้นในฟาร์ม โดยใช้อาหารเลี้ยงแบบต่างๆ ทาให้ถั่งเช่าแต่ละชนิดท่ีถูกเพาะเลี้ยงในแต่ละวิธีผลิตสารออกฤทธิ์ที่แตกต่างกันมาก และส่วนใหญ่ยังไม่มีการศึกษาทดลองในมนุษย์ การนำมาใช้จึงอาจทาให้เกิดโทษต่อผู้ป่วยโรคไตได้ เนื่องจากไตเป็นอวัยวะที่สามารถเกิดอันตรายจากการใช้ยาและสารต่างๆ ได้ง่าย อีกทั้งยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับขนาดที่เหมาะสมของถั่งเช่าในผู้ป่วยโรคไต
นอกจากนี้ ยังมีอุบัติการณ์ที่แพทย์โรคไตในประเทศไทยพบการเสื่อมของไตภายหลัง การรับประทานถั่งเช่าในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังอีกด้วย
โดยสรุปสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทยจึงไม่สนับสนุนให้ผู้ป่วยโรคไตรับประทานถั่งเช่า หากต้องการรับประทานต้องแจ้งแก่แพทย์ผู้รักษา และไม่ควรหยุดยาแผนปัจจุบันที่รับประทานอยู่ การรักษาที่ดีที่สุดคือการดูแลปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสม เพื่อชะลอการเสื่อมของไตให้ช้าที่สุด รวมทั้งหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เกิดความเสี่ยงต่อไตทั้งหมด
ลงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564”
คลิกโพสต์ต้นฉบับ