นายอริย์ธัช ชาติอาริยะพงศ์ ว่าที่ผู้สมัครสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) พรรคกล้า กล่าวถึงมติมาตรการผ่อนปรนของกรุงเทพมหานคร ที่มีคำสั่งปลดล็อก 13 สถานที่ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2564 ว่า
สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ มีผลกระทบต่อชีวิตคนกรุงเทพฯค่อนข้างมาก โดยเฉพาะคำสั่งของ กรุงเทพมหานคร หรือ กทม. ที่ให้ปิดบางสถานที่ หรือจำกัดเวลาขายไว้ไม่เกิน 21.00 น. ด้านหนึ่งคำสั่งนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะเป็นการควบคุมการระบาดของเชื้อให้กระจายน้อยที่สุด หรือยุติการระบาดโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ควรมาพร้อมกัน คือ การเยียวยาผลกระทบ แม้ว่าเราจะเริ่มเห็นประกาศมาตรการเยียวยาออกมาบ้าง แต่ในความเป็นจริงยังถือว่ามีความล่าช้า เพราะมาตรการได้ออกมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งทำให้หลายคนขาดรายได้ในทันที ยิ่งไปกว่านั้นคือหลายคนยังมีปัญหาหนี้สิน หนี้บ้าน หนี้รถ หนี้บัตรเครดิตที่ยังเดินอยู่ ซึ่งพ่อค้าแม่ขายหรือเจ้าของกิจการเล็กๆ เหล่านี้ล้วนเข้าไม่ถึงวงเงินกู้ของรัฐ และเวลานี้สายป่านของเขากำลังจะขาดลงแล้ว
วันนี้ ที่ประชุม ศบค.กทม. มีมติผ่อนปรน 13 สถานที่ให้เปิดกิจการได้ ก็ถือเป็นเรื่องดีที่คงทำให้คนกรุงเทพฯ และเจ้าของกิจการที่ได้รับผลกระทบกลับมายิ้มออกได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าในช่วงแรก กทม. น่าจะยังสามารถผ่อนปรนได้มากกว่านี้ โดยเฉพาะร้านอาหารหรือธุรกิจกลางคืน ที่ควรจะปลดล็อกให้กลับมาขายตอนกลางคืน หรือสามารถนั่งในร้านได้ตามปกติ โดยอาจกำหนดให้มีมาตรการรักษาระยะห่างเข้ามาเสริม เพราะต้องคำนึงถึงความเป็นจริง ว่า หลังสามทุ่มของกรุงเทพฯ อาจเป็นช่วงเวลาทำมาหากินของพ่อค้าแม่ขายอีกหลายคน ไม่ว่าจะรถเข็นก๋วยเตี๋ยวเล็กๆ ร้านข้าวต้ม หรืออื่นๆ รวมทั้งสถานบันเทิงก็น่าจะสามารถกลับมาอนุญาตเปิดได้ภายใต้มาตรการบางอย่าง เพราะไม่เช่นนั้น หากปล่อยให้ช้าไปอีก โดยไม่มีมาตรการเยียวยาอะไรเพิ่ม หลายธุรกิจคงต้องปิดตัวลง ซึ่งจะกระทบไปถึงลูกจ้างหรือคนเล็กคนน้อยอีกมาก
ในอีกส่วนหนึ่งที่อาจจะนอกเหนืออำนาจหน้าที่ของ กทม. แต่ก็เกี่ยวข้องกับชีวิตของพ่อค้าแม่ขาย หรือผู้ประกอบการเล็กๆ ในกรุงเทพฯ ก็คือ สายป่านหรือวงเงินที่จะช่วยต่อชีวิตของเขา เรื่องนี้ภาครัฐควรเร่งแก้ไขเพื่อเปิดทางให้พวกเขาเข้าถึงแหล่งวงเงินได้ รวมไปถึงควรมีคลินิกแก้หนี้เพื่อคอยเป็นผู้แนะนำให้พวกเขาสามารถเอาตัวรอดได้ในสถานการณ์เช่นนี้ เพราะหากปล่อยเนิ่นช้าไป ปัญหาหนี้นอกระบบคงตามมา และนั่นจะยิ่งทำให้การแก้ปัญหาในอนาคตเป็นเรื่องที่ยากขึ้น