xs
xsm
sm
md
lg

“น้าต๋อย แซมเบ้” เล่าความทรงจำวันเด็กยุค 90 เพราะการให้ความสุขคือหน้าที่

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ใครรู้จักนี่ไม่เด็กแล้วนะ “น้าต๋อย แซมเบ้” เล้าย้อนตำนานจัดงานการ์ตูนวันเด็กยุค 90 ตั้งแต่ลานช่อง 9 ม.ราม ม.เกษตร ไฮไลต์แสดงแอกชันฮีโร่ เผยต้องเตรียมงานตั้งแต่ ต.ค.ปีก่อนหน้า แล้วซ้อมหนักเดือนถัดมา แสดง 5 รอบจนทีมงานแทบสลบ แต่ก็ภูมิใจที่ทำให้เด็กมีความสุขกลับไป

วันนี้ (9 ม.ค.) นายนิรันดร์ บุณยรัตพันธุ์ หรือ น้าต๋อย แซมเบ้ นักพากย์การ์ตูนชื่อดัง โพสต์ข้อความในหัวข้อ “เพราะการให้ความสุขแก่เด็กๆ ไม่ใช่งานแต่มันคือหน้าที่” ระบุว่า

“เมื่อก่อนผมจะยุ่งและเหนื่อยที่สุดในช่วงวันเด็ก ในสมัยนั้นทุกๆ ปี เราจะมีโอกาสได้ร่วมจัดงานการ์ตูนวันเด็ก ซึ่งสถานที่และกิจกรรมก็จะแปรเปลี่ยนไปตามขนาดงานที่ใหญ่ขึ้นทุกๆ ปี ตั้งแต่ลานช่อง 9 ม.ราม ม.เกษตร ฯลฯ และสิ่งที่ขาดไม่ได้ สิ่งที่เป็นเสมือนไฮไลต์ของงานในทุกๆ ปี ก็คือ การแสดงแอกชันฮีโร่ ไม่ว่าจะเป็นขบวนการ 5 สี ไอ้มดแดง หรือเรื่องอื่นๆ ที่กำลังฉายและเป็นกระแสอยู่ในขณะนั้น

สมัยนั้นโชว์การ์ตูนจากญี่ปุ่นในเมืองไทย ยังไม่ค่อยมีมากนัก และการเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นก็ยังเป็นสิ่งที่ไม่ง่ายเท่าไหร่ สำหรับเด็กๆ ในยุคนั้น การได้เดินทางมาดูการแสดงโชว์การ์ตูนในตอนนั้น มันคือความสุขและแทบจะเป็นเหมือนความฝันเลยทีเดียว และน้าต๋อยก็คือผู้โชคดีคนนั้น ที่ได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ความสุขและเติมเต็มความฝันแก่เด็กๆ สำหรับเราแล้วมันจึงเป็นภาคภูมิใจและหน้าที่ที่เราต้องทำให้ดีที่สุดในทุกปี

การจัดงานในวันเด็กแต่ละครั้ง เราจะเตรียมงานกันตั้งแต่เดือนตุลาคม น้าต๋อยจะเริ่มวางคอนเซปต์ เขียนบท จัดเตรียมอุปกรณ์ คัดเลือกนักแสดง หลังจากนั้น เราจะทำการฝึกซ้อมกันอย่างหนักทุกวัน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน

เด็กๆ ในยุคนั้นยังไม่มีอินเทอร์เน็ต ทุกๆ คนจะรับชมการ์ตูนจากโทรทัศน์เป็นหลักเหมือนๆ กัน การ์ตูนในสมัยนั้นก็ไม่สามารถรับชมได้มากเหมือนสมัยนี้ ดังนั้น เด็กทุกคนจะติดและจดจำรายละเอียดของการ์ตูนเรื่องโปรดได้เป็นอย่างดี ในการ์ตูนที่เป็นแบบคนแสดงหรือไลฟ์แอกชัน เด็กๆ จะติดภาพสเปเชียลเอฟเฟกต์ ฉากแปลงร่าง หุ่นยักษ์ ฯลฯ ซึ่งบางส่วนเราไม่สามารถนำมาจัดแสดงบนเวทีในงานได้ทั้งหมด น้าต๋อยเลยพยายามทดแทนด้วยการต่อสู้ที่สมจริง พร้อมเนื้อเรื่องที่สนุก และเสริมเอฟเฟกต์พิเศษเท่าที่เราพอจะจัดได้ (โชว์สมัยนั้นมีระเบิด มีไฟ มีควัน ถือว่าเจ๋งมากแล้วนะ) จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราต้องจัดเต็มกันขนาดนั้น ทำไมเราต้องซ้อมกันอย่างนัก

ภาพที่เห็นเป็นการซ้อมรอบสุดท้ายในคืนวันศุกร์ก่อนถึงวันเด็ก วันนั้นเราจะซ้อมกันจนถึงเที่ยงคืน และเมื่อการซ้อมรอบสุดท้ายเสร็จ ทีมงานทุกคนจะต้องมาประชุมกันต่อ แน่นอนว่า ทุกคนเหนื่อยมาก แต่มันจำเป็นมากที่น้าต๋อยจะต้องย้ำให้ทุกคนเข้าใจบทบาทและหน้าที่ที่พวกเราได้รับมอบหมายในครั้งนี้ “ความสุข ความทรงจำ และความฝันของเด็กๆ ในครั้งนี้ ที่พวกเราทุกคนสามารถมีส่วนร่วมอยู่ในนั้น ไม่ใช่ใครก็ทำได้ จงภูมิใจกับมัน”

ทีมงานทุกคนจะต้องกลับมาพร้อมกันอีกครั้งในเวลาหกโมงครึ่ง เพื่อเตรียมพร้อมขึ้นแสดง การแสดงรอบแรกจะเริ่มประมาณเก้าโมงเช้า และตามกำหนดการเราจะต้องขึ้นแสดงทั้งหมด 5 รอบด้วยกัน รอบสุดท้ายคือ ห้าโมงเย็น แต่แทบทุกปีเราจะต้องเพิ่มการแสดงรอบพิเศษ เพราะมีเด็กๆ หลายคนที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด หรือคุณพ่อคุณแม่ติดภารกิจ ต้องทำงาน กว่าจะพามาถึงได้ก็เย็น กิจกรรมอื่นๆ ไม่มีแล้ว ที่นั่งรอบสุดท้ายก็ไม่เหลือ แน่นอนว่า การเพิ่มรอบแสดงโดยไม่มีการเตรียมตัวมาก่อนนั้นเป็นภาระที่หนักหน่วงมาก นักแสดงและทีมงานแทบทุกคนแทบจะสลบเมื่อม่านรอบสุดท้ายได้ปิดลง แต่พอได้มาเห็นสายตาของเด็กๆ ที่รออยู่ด้านหน้า ทุกคนต่างตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไหว”

เพื่อให้หน้าฉากออกมาดีที่สุด พวกเราทุกคนจึงจัดเต็ม มีเท่าไหร่ใส่หมด และถึงแม้จะซ้อมกันมาอย่างดี หลังฉากของเราก็ยังมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นแทบทุกปี แต่ทุกคนก็จะกัดฟันสู้ให้โชว์ดำเนินต่อไปจนเสร็จ เพราะนี่คือสปิริตและความภาคภูมิใจของพวกเรา ขอเสียงปรบมือให้กับทีมงานของกระผมด้วยนะครับ

หลังจากแสดงเสร็จ เราทุกคนจะช่วยกันเก็บของ และกลับมากินข้าวพร้อมกันที่บริษัท ทูนทาวน์ (บริษัทของน้าต๋อยสมัยนั้น) อาหารมื้อนี้เป็นอาหารมื้อที่อร่อยสุดของทุกคน เราจะพูดคุยกันถึงการแสดงในวันนี้ การผิดคิว ความสนุกของเด็กๆ เราจะชิงกันว่าใครได้เสียงกรี๊ดมากกว่ากัน สัตว์ประหลาดตัวไหนทำให้เด็กกลัวที่สุด รวมไปถึงปีหน้าเราจะจัดเตรียมอะไรเพิ่มดี มันคือความสุขที่ยากจะอธิบาย ถึงแม้ทุกคนจะเหนื่อยแทบสายตัวแทบขาด แต่ก็ยังไม่มีใครยอมกลับบ้าน

แม้วันนี้น้าต๋อยจะไม่ได้จัดงานวันเด็กแล้ว แต่น้าต๋อยก็รับรู้ได้ถึงความสำเร็จของสิ่งที่ได้ทำในวันนั้น ได้ช่วยหล่อหลอมให้พวกเราเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์ วัยเด็กของพวกเรา วัยเด็กยุค 90 นั้น มันเจ๋งไม่แพ้ยุคไหนเลยนะ จริงไหมครับ

และนี่คือบันทึกความทรงจำวันเด็กของผมครับ

ป.ล. จริงๆ น้าต๋อยมีความคิดที่จะจัดงานวันเด็กอีกครั้งนะครับ แต่ด้วยสภาพร่างกายในตอนนี้ คงจะจัดเป็นงานใหญ่ๆ ไม่ไหว เลยอาจจะเป็นงานพบปะพูดคุย มีกิจกรรมเล็กน้อยพอให้ไม่เบื่อ อาจจะเชิญรุ่นพี่บางคนที่เคยไปงานปีใหม่ร้านไทม์แมชชีนของน้าต๋อยเมื่อ 3 ปีก่อน มาร่วมเป็นทีมงานและดูแลน้องๆ เผลอๆ งานนี้น่าจะมีผู้ใหญ่มาร่วมงานมากกว่าเด็กๆ นะเนี่ย”



กำลังโหลดความคิดเห็น