เพจดัง “แหม่มโพธิ์ดำ” ออกมาเคลื่อนไหวครั้งใหญ่หลังปิดเพจไปนาน ด้วยการออกมาแฉถึงพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่รัฐที่รับสินบนมาคอยอำนวยความสะดวกให้คนข้ามชายแดนแม่สอด จ.ตาก ไปบ่อนในประเทศพม่า โดยอ้างว่าได้รับข้อมูลมาจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล สื่อในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่อีกหลายคน
วันนี้ (8 ม.ค.) เพจดังระดับตำนานที่ปิดเพจไปนานอย่าง “แหม่มโพธิ์ดำ” ได้ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง พร้อมกับการแฉถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนแม่สอด จ.ตาก ที่มีเจ้าหน้าที่รัฐรับสินบนมาคอยอำนวยความสะดวกให้คนข้ามชายแดนไปบ่อนพม่า โดยทางเพจดังได้ระบุข้อความว่า
“สวัสดีมึง สถานการณ์โควิดชายแดนแม่สอด กูบอกเลยว่าไม่ไกลจากคำว่าฉิบหาย มึงจะกักตัว ยืนห่าง ล้างตัวหัวจรดตีนด้วยแอลกอฮอล์ 300% ก็เท่านั้นแหละ ในเมื่อชายแดนยังหลวมโคร่กแบบนี้ กูได้รับข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ จากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล สื่อในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่อีกหลายคน ว่า โรงพยาบาลแม่สอดกำลังรับศึกหนัก ศึกที่ไม่มีวันชนะ เพราะมีเจ้าหน้าที่รัฐรับสินบนมาคอยอำนวยความสะดวกให้คนข้ามชายแดนไปบ่อนพม่า
ต้องเกริ่นนิดนึงก่อน ตรงชายแดนแม่สอด มีทั้งกาสิโนอ่อนไลน์ และบ่อนการพนันหลายแห่ง พอมีบ่อน ก็ต้องมีเด็กเอ็น ซึ่งสาวไทยยืนหนึ่งเรื่องนี้ ก็ข้ามแดนไปค้าบริการ ทั้งชงเหล้า ขายตัว ถ้าเป็นช่วงสถานการณ์ปกติก็ไม่เท่าไหร่ แต่ตอนนี้พม่าแม่งเข้าสู่วิกฤตการระบาดของโรค ไม่เลี่ยงไม่พอ แม่งพาคนไปบ่อนเฉย พอบ่อนติดเชื้อเยอะๆ นอกจากปิดข่าว แต่คนในนั้นก็คงรักตัวกลัวตายเหมือนพวกมึงนี่แหละ ก็ใช้บริการโรงพยาบาลเอกชนไทย ให้เจ้าหน้าที่ข้ามแดนไปตรวจเชื้อ พอตรวจเจอ ก็เอารถทหารไปรับ มากองกันที่โรงพยาบาลแม่สอด กูถามคำเดียว ทำกันแบบนี้มึงไม่สงสารหมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรือคนในประเทศบ้างเหรอ ยืนห่างกันแทบตาย กักตัวกันจนไม่มีจะแดก แต่ด่านนอกฟรีพาส เงินมา ทะลุชายแดนกันสนุกสนาน
กูเลยวอนขอรัฐบาลนะมาโฟกัสเรื่องนี้แบบจริงจังเถอะ ก็เห็นชัดเจนแล้วว่าเชื้อที่ตรวจพบในปัจจุบัน มันข้ามแดนมาจากพม่า โดยพาหะคือโสเภณีและพวกค้าแรงงานเถื่อน ที่ข้ามแดนมาด้วยวิธีผิดกฎหมาย โดยมีเจ้าหน้าที่ในพื้นที่อำนวยความสะดวกให้ รอยรั่วเล็กๆ แค่จุดเดียว ทำคนทั้งชาติเดือดร้อนกันได้หมด ก็ถึงเวลาล็อกดาวน์ชายแดนแม่สอดอย่างจริงจังได้แล้วมั้งไอ้แม่ย้อย”
ทั้งนี้ โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตอย่างรวดเร็ว หลังโพสต์เรื่องราวดังกล่าวลงในโลกโซเชียลไปเพียงกว่า 40 นาที ก็มียอดแชร์โพสต์ดังกล่าวแล้วกว่า 2 หมื่นครั้ง อย่างไรก็ตาม เรื่องราวดังกล่าวยังไม่มีการตรวจสอบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ วอนประชาชนโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน